คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เช่าซื้อ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 746 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3974/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดสัญญาเช่าซื้อแม้รถถูกยึด & อัตราดอกเบี้ยผิดนัด
แม้จำเลยจะไม่ได้รู้เห็นเป็นใจในการที่ ส. นำรถยนต์ที่จำเลยเช่าซื้อไปใช้ในการกระทำความผิด แต่เหตุที่รถยนต์คันดังกล่าวถูกยึดก็เนื่องจากจำเลยให้ ส. ยืมไปอันเป็นความผิดของจำเลยเอง หาใช่เกิดจากการกระทำของฝ่ายโจทก์ไม่ จำเลยจะอ้างการที่ไม่ได้ใช้รถยนต์ตามสัญญาเช่าซื้อเนื่องจากถูกพนักงานสอบสวนยึดมาเป็นเหตุให้จำเลยไม่ต้องชำระค่าเช่าซื้อแก่โจทก์ตามสัญญาเช่าซื้อหาได้ไม่สัญญาเช่าซื้อยังไม่ระงับ จำเลยมีหน้าที่ต้องชำระค่าเช่าซื้อ ให้แก่โจทก์จนกว่าครบถ้วนตามสัญญาหรือมีการบอกเลิกสัญญาโดยชอบ สัญญาเช่าซื้อกำหนดดอกเบี้ยสำหรับเงินค่าเช่าซื้อที่ผิดนัดค้างชำระในอัตราร้อยละ 21 ต่อปี แต่โจทก์มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายระหว่างผิดนัดเท่านั้น หามีสิทธิเรียกร้องค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระไม่โจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยได้ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3915/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาทหลังคืนรถเช่าซื้อ: มูลหนี้ยังอยู่ แม้เช็คไม่ผ่าน โจทก์ฟ้องได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 321
เช็คพิพาททั้งสองฉบับจำเลยชำระให้แก่โจทก์ก่อนเลิกสัญญากันถือได้ว่าเป็นค่าเช่าซื้อที่โจทก์ได้รับชำระไว้แล้วด้วยเช็คแทนเงินหาใช่ค่าเช่าซื้อที่โจทก์ยังไม่ได้รับชำระและค้างชำระแม้เช็คดังกล่าวจะรับเงินไม่ได้ มูลหนี้ตามเช็คยังคงมีอยู่ไม่ระงับไปจนกว่าจะได้ใช้เงินตามเช็คนั้นแล้ว ดังนี้ โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ตามเช็คดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 321

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3855/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเรียกค่าเช่าซื้อและค่าเสียหายจากสัญญาเช่าซื้อ ศาลพิพากษาตามมูลหนี้เดิมได้ ไม่ถือว่านอกฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องเรียกค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระและค่าเสียหายเป็นรายงวดรวมกันมาศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยรับผิดชำระค่าเสียหายให้โจทก์เป็นรายเดือนเท่ากับจำนวนงวดที่โจทก์เรียกร้องมาได้ไม่เป็นการนอกคำฟ้องนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 385/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดฐานการพนันของผู้เช่าซื้อ แม้จะไม่ได้เป็นผู้กระทำผิดโดยตรง
ผู้ร้องที่ 1 ซื้อเครื่องรับโทรทัศน์สีและเครื่องเล่นวีดีโอเกมพร้อมอุปกรณ์มาให้ผู้ร้องที่ 2 เช่าซื้อจำนวน 5 เครื่อง โดยรู้อยู่แล้วว่าผู้ร้องที่ 2 จะนำไปให้ผู้อื่นเช่าเล่น ดังนั้นการที่ผู้ร้องที่ 2 ให้จำเลยเช่าเครื่องเล่นวีดีโอเกมไปจากผู้ร้องที่ 2 ถึง 5เครื่อง นำมาตั้งให้เด็กเช่าเล่นเช่นนี้ ย่อมแสดงว่าผู้ร้องที่ 1รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดของจำเลยด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3796/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อบ้านพิพาท: โจทก์ต้องจัดการขออนุญาตก่อสร้างให้ถูกต้องก่อนเรียกเก็บเงิน
จำเลยเช่าซื้อบ้านพิพาทพร้อมที่ดินจากโจทก์ หลังจากชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์แล้วบางส่วน จำเลยจึงทราบว่าโจทก์สร้างบ้านพิพาทโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตจากทางราชการ ดังนี้คำรับรองของโจทก์ที่ให้ไว้แก่จำเลยว่าจะจัดการขอให้ทางราชการออกใบอนุญาตปลูกสร้างบ้านพิพาทให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงมีความสำคัญสำหรับจำเลยอย่างยิ่งและเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องปฏิบัติตามคำรับรองนั้นการที่จำเลยรับโอนที่ดินที่บ้านพิพาทปลูกอยู่เป็นกรรมสิทธิ์ทั้งที่รู้ว่าบ้านพิพาทยังไม่ได้รับอนุญาตให้ปลูกสร้างก็ดี และจำเลยนำที่ดินและบ้านพิพาทไปจำนองธนาคารก็ดี โจทก์จะถือเอามาเป็นเหตุบอกเลิกหน้าที่ตามคำรับรองหาได้ไม่ แม้จำเลยได้ต่อเติมบ้านพิพาทขัดต่อข้อบัญญัติของกรุงเทพมหานครแต่ก็ได้ความว่าแม้จำเลยจะมิได้ต่อเติมบ้านพิพาท ทางราชการก็คงไม่ออกใบอนุญาตให้ การที่ทางราชการไม่ออกใบอนุญาตให้จึงมิได้เกิดจากการกระทำของจำเลยเมื่อโจทก์ยังไม่ได้จัดการให้ทางราชการออกใบอนุญาตปลูกสร้างบ้านพิพาทให้ถูกต้องตามกฎหมายตามคำรับรองที่ให้ไว้แก่จำเลย โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิจะได้รับชำระเงินตามเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2611/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการขอคืนรถยนต์ของกลางของผู้ให้เช่าซื้อเมื่อผู้เช่าซื้อช่วงกระทำผิด ไม่ถือเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
การที่ผู้ร้องมิได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อหรือร้องขอคืนของกลางตั้งแต่ชั้นสอบสวนเพราะพนักงานสอบสวนใช้เวลาสอบสวนเพียงประมาณ1 เดือน มิใช่เวลายาวนานจนถึงกับจะฟังเป็นข้อพิรุธของผู้ร้อง ส่วนการยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลางภายหลังศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ริบนั้นก็หาใช่เรื่องผิดปกติไม่เพราะศาลชั้นต้นมิได้สั่งริบรถยนต์ของกลาง
ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกของกลางที่มีผู้เช่าซื้อไป ผู้เช่าซื้อนำรถยนต์คันดังกล่าวให้เช่าซื้อช่วงไปอีกต่อหนึ่ง แม้ตามสัญญาเช่าซื้อที่ผู้ร้องอ้าง ผู้เช่าซื้อมีหน้าที่ต้องชำระค่าเช่าซื้ออยู่ตลอดไปจนกว่าจะครบไม่ว่ารถยนต์ของกลางจะถูกศาลสั่งริบหรือไม่ก็ตาม แต่ปรากฏตามสัญญาเช่าซื้อช่วงว่า ผู้เช่าซื้อช่วงยังต้องชำระค่าเช่าซื้อต่อไปอีกหลายงวด การที่ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลางในคดีนี้จึงเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของผู้ร้องโดยตรง เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ร้องกับผู้เช่าซื้อมีกิจการเกี่ยวข้องกันหรือมีความสัมพันธ์กันเป็นพิเศษ พฤติการณ์ยังถือไม่ได้ว่าผู้ร้องได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยและไม่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2611/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการขอคืนรถยนต์ของกลางของผู้ให้เช่าซื้อ เมื่อผู้เช่าซื้อช่วงกระทำผิด ไม่ถือเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
การที่ผู้ร้องมิได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อหรือร้องขอคืนของกลางตั้งแต่ชั้น สอบสวนเพราะพนักงานสอบสวนใช้ เวลาสอบสวนเพียงประมาณ1 เดือน มิใช่เวลายาวนานจนถึง กับจะฟังเป็นข้อพิรุธของผู้ร้องส่วนการยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ ของกลางภายหลังศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ริบนั้นก็หาใช่เรื่องผิดปกติไม่เพราะศาลชั้นต้นมิได้สั่งริบรถยนต์ ของกลาง ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกของกลางที่มีผู้เช่าซื้อไปผู้เช่าซื้อนำรถยนต์ คันดังกล่าวให้เช่าซื้อช่วงไปอีกต่อหนึ่ง แม้ตามสัญญาเช่าซื้อที่ผู้ร้องอ้าง ผู้เช่าซื้อมีหน้าที่ต้อง ชำระค่าเช่าซื้ออยู่ตลอด ไปจนกว่าจะครบไม่ว่ารถยนต์ ของกลางจะถูก ศาลสั่งริบหรือไม่ก็ตาม แต่ ปรากฏตาม สัญญาเช่าซื้อช่วงว่าผู้เช่าซื้อช่วงยังต้อง ชำระค่าเช่าซื้อต่อไปอีกหลายงวด การที่ผู้ร้องซึ่ง เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ ของกลางในคดีนี้จึงเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของผู้ร้องโดยตรง เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ร้องกับผู้เช่าซื้อมีกิจการเกี่ยวข้องกันหรือมีความสัมพันธ์กันเป็นพิเศษ พฤติการณ์ยังถือ ไม่ได้ว่าผู้ร้องได้ รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยและไม่เป็นการใช้ สิทธิโดย ไม่สุจริต.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2556/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อผิดนัดชำระหลายงวดต่อเนื่อง ยึดทรัพย์ได้ แม้โจทก์เคยผ่อนผัน
แม้สัญญาเช่าซื้อระบุชัดแจ้งว่า ผู้เช่าซื้อจะต้อง ชำระเงินตาม ที่กำหนดไว้ในรายการ แต่ ปรากฏว่าเมื่อจำเลยผู้เช่าซื้อได้ชำระค่าเช่าซื้อเกินกำหนดเวลาทุกงวด โจทก์ผู้ให้เช่าซื้อ ก็ยอมรับโดย มิได้ทักท้วงและออกใบเสร็จรับเงินระบุเป็นการ ชำระ ค่าเช่าซื้องวดที่ค้างชำระ จึงถือ ได้ ว่าคู่สัญญามิได้ ถือ เอากำหนดเวลาชำระเป็นสำคัญแต่ ถือ เอา การชำระตาม งวดเป็น ข้อสำคัญ แต่ จำเลยมิได้ชำระค่างวด 5 งวดติดต่อ กัน จึงเป็น การ ค้าง ชำระติดต่อ กันเกิน 2 งวดแล้ว อันเป็นการผิดสัญญาใน ข้อสำคัญ โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2389/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาของผู้ให้เช่าซื้อที่เพิกเฉยต่อการผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อและรู้เห็นการกระทำผิดของผู้เช่าซื้อ ทำให้ไม่อาจขอคืนรถของกลางได้
ผู้ร้องให้จำเลยเช่าซื้อรถพ่วงบรรทุก จำเลยชำระค่าเช่าซื้อเพียง 5 งวดแล้วผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้ออีก แม้ตามสัญญาเช่าซื้อระบุว่า "ถ้าผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระงวดหนึ่งงวดใด หรือผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใด... ให้ถือว่าเป็นการผิดนัดผิดสัญญา และยอมให้สัญญาเช่าซื้อนี้เป็นอันมีผลบังคับได้ทันที โดยมิต้องมีการบอกกล่าวล่วงหน้าก่อน" แต่เมื่อผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระค่าเช่าซื้องวดที่ 6 ผู้ร้องยังยอมรับเช็คซึ่งชำระค่าเช่าซื้อในงวดต่อมาโดยนำเช็คไปเบิกเงิน ผู้ร้องก็มิได้เลิกสัญญา หรือยึดรถพ่วงบรรทุกคืนแสดงว่า ผู้ร้องมิได้ถือเอากำหนดเวลาที่ผู้เช่าซื้อผิดนัดตามสัญญาเช่าซื้อเป็นสาระสำคัญของสัญญาและไม่ประสงค์จะเลิกสัญญาโดยอาศัยข้อสัญญาดังกล่าว นอกจากนี้ สัญญาเช่าซื้อข้อ 9 ยังระบุว่า"ในระหว่างที่ผู้เช่าซื้อชำระค่าเช่าซื้อยังไม่หมดและมีเหตุวิบัติทำให้ทรัพย์สินที่เช่าซื้อเป็นอันตรายหรือสูญหายโดยเหตุประการใด ๆแม้จะเป็นเหตุสุดวิสัยก็ตาม ผู้เช่าซื้อก็ตกลงยินยอมชำระค่าเช่าซื้อที่ยังค้างอยู่ทั้งหมดให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อจนครบถ้วนโดยพลัน"ดังนั้นเมื่อผู้ร้องไม่บอกเลิกสัญญาและไม่ติดตามรถพ่วงที่เช่าซื้อคืน จึงเป็นพฤติการณ์ที่ถือได้ว่า ผู้ร้องมีเจตนาเพียงต้องการได้รับค่าเช่าซื้อเท่านั้น เมื่อจำเลยนำรถไปใช้กระทำผิดและถูกริบและมีผู้แจ้งให้ผู้ร้องทราบ ผู้ร้องจึงมาขอรถของกลางคืน เป็นการขอคืนแทนผู้กระทำผิด ถือว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดไม่อาจขอคืนรถพ่วงของกลางได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2132/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อผิดนัด การคำนวณค่าเสียหายและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน
จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ จากโจทก์ในราคา 66,384 บาทผ่อนชำระได้ 22,128 บาท แล้วผิดสัญญา โจทก์บอกเลิกสัญญาและติดตามยึดรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนมาได้หลังจากวันทำสัญญาเช่าซื้อแล้วถึง1 ปี 5 เดือนเศษ รถยนต์ คันที่เช่าซื้อ ย่อมทรุดโทรมเสื่อมราคาไปเพราะการใช้ของจำเลยที่ 1 ราคาในขณะที่โจทก์ติดตามยึดคืนมาได้จึงต้องต่ำกว่าขณะทำสัญญาเช่าซื้อ โจทก์ได้นำออกขายทอดตลาดได้เงิน13,000 บาท เมื่อนำเงินค่าเช่าซื้อที่ชำระแล้วมารวมกับเงินที่โจทก์ได้จากการขายทอดตลาดแล้วยังต่ำกว่าราคาเช่าซื้อ ประกอบกับตามสัญญาเช่าซื้อระบุให้จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายต่าง ๆ ตลอดจนค่าเสื่อมราคาเมื่อมีการเลิกสัญญาเช่าซื้อ จึงเห็นได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากการที่จำเลยที่ 1 ผิดสัญญา และจำเลยที่ 1 ต้องชดใช้ให้แก่โจทก์
of 75