พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,033 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 510/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมายบังคับคดีชอบด้วยกฎหมายแม้จำเลยชำระหนี้บางส่วน โจทก์ไม่รับรองการชำระหนี้
ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีระบุจำนวนเงินและอัตราดอกเบี้ยรวมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความที่ให้จำเลยชำระแก่โจทก์ตรงตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นตามคำขอของโจทก์ การออกหมายบังคับคดีจึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 275 และไม่ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติตามมาตรา 296 การที่จำเลยอ้างว่าได้ชำระหนี้ให้โจทก์บางส่วนแล้ว แม้เป็นความจริงก็ยังมีหนี้ที่จำเลยต้องชำระแก่โจทก์อยู่อีก ทั้งโจทก์ก็มิได้ยอมรับว่าได้รับชำระหนี้ไว้แล้ว จำเลยจึงต้องไปว่ากล่าวกับโจทก์เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก จะยกเอามาเป็นเหตุให้ศาลยกเลิกหมายบังคับคดีหรืองดการบังคับคดีหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในเงินค่าสินค้า: ตัวแทนรับเงินแทนโจทก์ เงินตกเป็นของโจทก์ทันที โจทก์มีอำนาจร้องทุกข์
จำเลยรับเงินค่าสินค้าไว้ในฐานะตัวแทนของโจทก์ร่วมผู้ขายเงินนั้นย่อมตกเป็นของโจทก์ร่วมแล้ว ผู้ซื้อสินค้าเมื่อได้ชำระหนี้ค่าสินค้าแล้วหาใช่เป็นเจ้าของเงินนั้นต่อไปไม่ เมื่อจำเลยครอบครองเงินของโจทก์ร่วมไว้แล้วไม่ส่งมอบโดยนำเข้าฝากในบัญชีธนาคารของโจทก์ร่วมตามหน้าที่ อันเป็นความผิดฐานยักยอกโจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์ พนักงานอัยการโจทก์มีอำนาจฟ้องและโจทก์ร่วมย่อมขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4944/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: ผลของการวินิจฉัยศาลชั้นต้นเรื่องฟ้องซ้ำทำให้โจทก์ฟ้องไม่ได้อีก แม้คำสั่งศาลจะใช้คำไม่ถูกต้อง
แม้ในการวินิจฉัยปัญหาเรื่องฟ้องซ้ำของศาลชั้นต้นจะเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดในปัญหาข้อกฎหมายก่อนมีคำพิพากษา และศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเฉพาะข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267ก็ตาม แต่ผลจากคำวินิจฉัยในเรื่องฟ้องซ้ำนั้นย่อมทำให้โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองในข้อหาดังกล่าวอีกไม่ได้ตามประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) แม้ศาลชั้นต้นจะใช้คำว่าจำหน่ายคดีเฉพาะข้อหาดังกล่าวซึ่งไม่ถูกต้องก็ตาม ก็มีผลเท่ากับเป็นการยกฟ้องโจทก์ ดังนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 แก้ไขโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2532 มาตรา 13
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4901/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยตัดถนนผ่านที่ดินโจทก์โดยไม่ได้รับความยินยอม เป็นการละเมิดต่อเนื่อง และโจทก์ฟ้องไม่ขาดอายุความ
จำเลยจัดสรรที่ดินและขายที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ จำเลยตัดถนนใหม่ผ่านที่ดินของโจทก์ ภายหลังจากออกโฉนดที่ดินพิพาทและโอนให้โจทก์แล้ว โดยโจทก์มิได้รู้เห็นยินยอมจำเลยจึงไม่มีสิทธิให้ประชาชนใช้สัญจรผ่านที่ดินของโจทก์และยกถนนดังกล่าวให้แก่กรุงเทพมหานครการที่จำเลยให้ประชาชนใช้สัญจรผ่านที่ดินของโจทก์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เป็นการละเมิดต่อโจทก์
จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์โดยการตัดถนนผ่านเข้าไปในที่ดินของโจทก์ก็เพื่อประโยชน์ของจำเลยและสมาชิก และได้ใช้ถนนดังกล่าวเป็นทางสัญจรจนกระทั่งโจทก์ฟ้องคดีนี้ เป็นการละเมิดที่ต่อเนื่องกันตลอดมา แม้โจทก์จะฟ้องคดีนี้เกินกว่า 10 ปีนับแต่ถนนพิพาทสร้างเสร็จและใช้สัญจรได้ คดีของโจทก์ก็ไม่ขาดอายุความ
จำเลยตัดถนนผ่านที่ดินของโจทก์ในลักษณะทะแยงมุม ทำให้ที่ดินของโจทก์ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน แต่ละส่วนเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู ด้านหนึ่งเรียวเกือบเป็นรูปชายธง เนื้อที่แต่ละส่วนเหลือเพียงร้อยตารางวาเศษ ที่ดินของโจทก์จึงเสียหายเต็มทั้งแปลง เมื่อพฤติการณ์ที่จำเลยกระทำละเมิดเป็นการกระทำโดยจงใจ เพราะเมื่อมีการเปลี่ยนแนวถนนจากผังที่วางไว้จำเลยย่อมรู้ดีว่าแนวถนนที่ตัดใหม่จะต้องผ่านที่ดินโจทก์ ศาลย่อมมีอำนาจกำหนดค่าเสียหายตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดได้
จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์โดยการตัดถนนผ่านเข้าไปในที่ดินของโจทก์ก็เพื่อประโยชน์ของจำเลยและสมาชิก และได้ใช้ถนนดังกล่าวเป็นทางสัญจรจนกระทั่งโจทก์ฟ้องคดีนี้ เป็นการละเมิดที่ต่อเนื่องกันตลอดมา แม้โจทก์จะฟ้องคดีนี้เกินกว่า 10 ปีนับแต่ถนนพิพาทสร้างเสร็จและใช้สัญจรได้ คดีของโจทก์ก็ไม่ขาดอายุความ
จำเลยตัดถนนผ่านที่ดินของโจทก์ในลักษณะทะแยงมุม ทำให้ที่ดินของโจทก์ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน แต่ละส่วนเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู ด้านหนึ่งเรียวเกือบเป็นรูปชายธง เนื้อที่แต่ละส่วนเหลือเพียงร้อยตารางวาเศษ ที่ดินของโจทก์จึงเสียหายเต็มทั้งแปลง เมื่อพฤติการณ์ที่จำเลยกระทำละเมิดเป็นการกระทำโดยจงใจ เพราะเมื่อมีการเปลี่ยนแนวถนนจากผังที่วางไว้จำเลยย่อมรู้ดีว่าแนวถนนที่ตัดใหม่จะต้องผ่านที่ดินโจทก์ ศาลย่อมมีอำนาจกำหนดค่าเสียหายตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 473/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนโดยปริยาย: การชำระหนี้ผ่านตัวแทนที่โจทก์เชิดถือผูกพันโจทก์ แม้มีข้อตกลงเรื่องการชำระเงิน
จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์จากโจทก์ แต่การติดต่อกับโจทก์ตั้งแต่เริ่มติดต่อขอซื้อรถยนต์ การทำคำร้องขอซื้อรถยนต์การทำสัญญาเช่าซื้อตลอดจนการชำระเงิน จำเลยได้กระทำผ่านห้างหุ้นส่วนจำกัด ท. และบริษัท อ. ไม่เคยติดต่อกับโจทก์โดยตรงเลย ห้างและบริษัทดังกล่าวได้แสดงออกในลักษณะที่เป็นตัวแทนโจทก์ตลอดมา โดยโจทก์ไม่เคยโต้แย้งว่าไม่ใช่ตัวแทนของโจทก์หรือไม่มีอำนาจทำการแทนโจทก์ ทั้งเมื่อโจทก์เห็นว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าซื้อโจทก์ก็มอบให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ท. เป็นผู้ยึดรถยนต์จากจำเลย พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์เชิดห้างหุ้นส่วนจำกัด ท. และบริษัท อ. ออกแสดงเป็นตัวแทนของโจทก์ ฉะนั้นกิจการต่าง ๆ ที่ห้างและบริษัทดังกล่าวทำไปจึงผูกพันโจทก์ เมื่อจำเลยชำระเงินค่าเช่าซื้อให้แก่ห้างและบริษัทดังกล่าวครบถ้วน ย่อมถือว่าเป็นการชำระหนี้แก่โจทก์โดยชอบแล้ว จำเลยจึงไม่ผิดสัญญาเช่าซื้อ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4679/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ชายตลิ่งเป็นที่สาธารณะ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่ แม้จะครอบครองก่อนและสร้างพื้นไม้กระดาน
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกไปจากพื้นไม้กระดานของโจทก์ซึ่งปลูกอยู่บนที่ชายตลิ่ง กับให้ใช้ค่าเสียหายจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากที่พิพาท เท่ากับฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ชายตลิ่งใต้พื้นไม้กระดานนั่นเอง แม้จะฟังว่าพื้นไม้กระดานบนที่พิพาทเป็นของโจทก์ก็ตาม แต่ที่พิพาทเป็นที่ชายตลิ่งอันเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตาม ป.พ.พ. มาตรา 1304(2) ผู้ใดหามีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองไม่ แม้โจทก์จะได้ครอบครองที่พิพาทมาก่อนแล้วยอมให้จำเลยใช้ที่พิพาทเพื่อวางสินค้าขาย ขนสินค้าลงไปบรรทุกเรือและขึ้นจากเรือ ก็จะถือว่าเป็นการมอบให้จำเลยครอบครองแทนหาได้ไม่เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทอยู่จำเลยย่อมมีสิทธิดีกว่าโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ และเรียกค่าเสียหายจากจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4679/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินชายตลิ่งที่เป็นที่สาธารณะ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องไล่จำเลย
แม้โจทก์บรรยายฟ้องขอให้บังคับจำเลยออกไปจากพื้นไม้กระดานของโจทก์ก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาฟ้องโจทก์โดยตลอดแล้ว เป็นเรื่องโจทก์ประสงค์จะฟ้องขับไล่จำเลยออกไปจากที่ชายตลิ่งใต้พื้นไม้กระดานนั้นเอง ฉะนั้น เมื่อที่พิพาทเป็นที่ชายตลิ่งอันเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตาม ป.พ.พ.มาตรา 1304(2) ผู้ใดหามีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองไม่ แม้โจทก์จะได้ครอบครองที่พิพาทมาก่อนแล้วยอมให้จำเลยใช้ประโยชน์ในที่พิพาทก็จะถือว่าเป็นการมอบให้จำเลยครอบครองแทนหาได้ไม่ เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทอยู่ จำเลยย่อมมีสิทธิดีกว่าโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง หากโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยใช้ประโยชน์พื้นไม้กระดานนั้นอีกต่อไป ก็ชอบที่จะใช้สิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยส่งมอบพื้นไม้กระดานคืนแก่โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4679/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ชายตลิ่งเป็นสาธารณสมบัติ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่ แม้จะครอบครองพื้นที่ก่อน
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกไปจากพื้นไม้กระดานของโจทก์ซึ่งปลูกอยู่บนที่ชายตลิ่ง กับให้ใช้ค่าเสียหายจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากที่พิพาท เท่ากับฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ชายตลิ่งใต้พื้นไม้กระดานนั่นเอง แม้จะฟังว่าพื้นไม้กระดานบนที่พิพาทเป็นของโจทก์ก็ตาม แต่ที่พิพาทเป็นที่ชายตลิ่งอันเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตาม ป.พ.พ. มาตรา 1304(2) ผู้ใดหามีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองไม่ แม้โจทก์จะได้ครอบครองที่พิพาทมาก่อนแล้วยอมให้จำเลยใช้ที่พิพาทเพื่อวางสินค้าขาย ขนสินค้าลงไปบรรทุกเรือและขึ้นจากเรือ ก็จะถือว่าเป็นการมอบให้จำเลยครอบครองแทนหาได้ไม่เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทอยู่จำเลยย่อมมีสิทธิดีกว่าโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ และเรียกค่าเสียหายจากจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3050/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้และการสะดุดหยุดของอายุความ
ข้อความที่ศาลชั้นต้นบันทึกไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาว่า จำเลยทั้งสองจะนำเงินมาชำระให้โจทก์ 30,000 บาท ในวันที่ 15 เดือนหน้าซึ่งโจทก์ยอมตามนี้ เป็นเพียงความตกลงในการที่จำเลยทั้งสองจะนำเงินตามเช็คมาชำระให้โจทก์ในภายหลัง มิได้มีข้อตกลงที่โจทก์ยอมผ่อนผันให้แก่จำเลยทั้งสองเพื่อระงับข้อพิพาท จึงไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ แต่เป็นหนังสือรับสภาพหนี้ จำเลยทั้งสองได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์ ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยว่าจำเลยรับสภาพหนี้เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงได้ เมื่อมีการรับสภาพหนี้ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงแล้ว ต้องเริ่มนับใหม่ตั้งแต่เวลาเมื่อเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงนั้นสิ้นสุดเป็นต้นไป ในกรณีนี้คือต้องเริ่มนับใหม่ตั้งแต่วันที่จำเลยทั้งสองรับสภาพหนี้ต่อโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3046/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารในสำนวนคดีเดิมที่จำเลยอ้าง ศาลล่างรับฟังได้ แม้โจทก์มิได้อ้างเอง ดุลพินิจศาล
เมื่อเอกสารที่ใช้ในการวินิจฉัยคดีรวมอยู่ในสำนวนคดีที่จำเลยระบุอ้างเป็นพยานเอกสารนั้นจึงเข้าสู่สำนวนความของศาลโดยถูกต้องการที่ศาลจะฟังและเชื่อพยานหลักฐานในส่วนไหนอย่างไรในสำนวนเป็นดุลพินิจของศาล ไม่จำเป็นว่าคู่ความที่ได้รับประโยชน์จากเอกสารนั้นจะต้องเป็นฝ่ายระบุอ้างและนำเข้าสู่สำนวนความ.