พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,314 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4850/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินห้ามโอน: สิทธิทำประโยชน์ไม่ใช่สิทธิครอบครอง โอนขายเป็นโมฆะ โจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่
ที่ดินพิพาทที่โจทก์ได้รับมาอยู่ในระยะเวลาห้ามโอนเป็นที่ดินที่รัฐยังไม่ได้มอบ สิทธิครอบครองให้โจทก์มีสิทธิเพียง ทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทไม่อาจสละหรือ โอนสิทธิครอบครองให้แก่ผู้อื่นได้การที่โจทก์ขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยทั้งสองจึงไม่มีผลตามกฎหมายโจทก์ย่อมมี อำนาจฟ้อง ขับไล่จำเลยทั้งสองออกจากที่ดินพิพาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 395/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินสาธารณสมบัติซื้อขายไม่ได้ สัญญาเป็นโมฆะ
ที่ดินบางส่วนตามสัญญาซื้อขายที่ดินเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่สงวนไว้ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ จึงเป็นทรัพย์นอกพาณิชย์ที่ซื้อขายไม่ได้ สัญญาซื้อขายและสัญญาจะซื้อขายที่ดินส่วนดังกล่าว จึงมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งตามกฎหมาย ตกเป็นโมฆะ ผลเท่ากับจำเลยไม่เคยทำสัญญาจะซื้อขายและสัญญาซื้อขายที่ดินส่วนดังกล่าวกับโจทก์ จึงไม่มีเหตุที่จำเลยต้องรับผิดในการรอนสิทธิที่ดินดังกล่าวอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 395/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินสาธารณสมบัติเป็นทรัพย์นอกพาณิชย์ สัญญาซื้อขายเป็นโมฆะ จำเลยไม่ต้องรับผิด
ที่ดินที่จำเลยขายให้แก่โจทก์ที่1บางส่วนเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่สงวนไว้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะจึงเป็นทรัพย์นอกพาณิชย์ซึ่งไม่อาจซื้อขายกันได้สัญญาจะซื้อจะขายและสัญญาซื้อขายที่ดินส่วนดังกล่าวจึงมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายเป็นโมฆะเท่ากับว่าจำเลยไม่เคยทำสัญญาจะซื้อจะขายและสัญญาซื้อขายที่ดินส่วนดังกล่าวกับโจทก์ที่1จึงไม่มีสัญญาจะซื้อจะขายหรือสัญญาซื้อขายที่ดินส่วนดังกล่าวที่จำเลยจะต้องรับผิดในการรอนสิทธิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3838/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งทรัพย์สินหลังหย่า: บันทึกข้อตกลงเป็นโมฆะ ทรัพย์สินยังเป็นกรรมสิทธิ์ร่วม ผู้ร้องมีสิทธิขอรับส่วนแบ่ง
ผู้ร้องกับลูกนี้ได้จดทะเบียนหย่ากันและได้ทำบันทึกเกี่ยวกับทรัพย์สินท้ายทะเบียนหย่าว่าที่ดินโฉนดเลขที่125591พร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นของผู้ร้องส่วนที่พิพาททั้งห้าแปลงเป็นของลูกหนี้ในชั้นสอบสวนคำร้องขอให้ถอนการยึดทรัพย์ที่ดินโฉนดเลขที่125591ของผู้ร้องนั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฟังข้อเท็จจริงว่าบันทึกข้อตกลงเกี่ยวกับทรัพย์สินท้ายทะเบียนหย่าระหว่างผู้ร้องกับลูกหนี้ที่ตกลงกันให้ที่ดินโฉนดเลขที่125591เป็นของผู้ร้องนั้นเป็นการแสดงเจตนาลวงเป็นโมฆะไม่มีผลบังคับข้อเท็จจริงดังกล่าวต้องผูกพันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และผู้ร้องเมื่อผู้ร้องมายื่นคำร้องขอกันส่วนเงินค่าขายทอดตลาดที่ดินพิพาททั้งห้าแปลงเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะอ้างว่าคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดังกล่าวเป็นการวินิจฉัยเกี่ยวกับที่ดินโฉนดเลขที่125591เพียงแปลงเดียวไม่เกี่ยวกับที่ดินพิพาทอีกห้าแปลงที่เหลือย่อมไม่ได้เพราะที่ดินพิพาททั้งห้าแปลงก็เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงเกี่ยวกับทรัพย์สินท้ายทะเบียนหย่าซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์วินิจฉัยว่าเป็นการแสดงเจตนาลวงเป็นโมฆะไปแล้วนั่นเองเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าทรัพย์สินของผู้ร้องกับลูกหนี้ตามบันทึกข้อตกลงท้ายทะเบียนหย่ายังไม่มีการแบ่งกันที่ดินพิพาททั้งห้าแปลงตามคำร้องจึงยังเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมของผู้ร้องและลูกหนี้ผู้ร้องจึงมีสิทธิร้องขอกันส่วนเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินพิพาททั้งห้าแปลง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3557/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งเรื่องโมฆะสัญญาซื้อขายกระทบสิทธิบุคคลภายนอกไม่อาจบังคับได้
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกแถวและที่ดินพิพาทจำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของตึกแถวและที่ดินพิพาทจึงไม่มีอำนาจฟ้องและฟ้องแย้งขอให้ศาลพิพากษาว่าสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างโจทก์กับ ศ. และ อ. เป็นโมฆะโดย ศ. และ อ. รับซื้อฝากที่ดินพิพาทไว้จากจำเลยจำเลยไม่เคยขายที่ดินพิพาทให้โจทก์เป็นการต่อสู้ว่าจำเลยมีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่าโจทก์เป็นฟ้องแย้งที่เกี่ยวกับฟ้องเดิมแต่เมื่อมีผลกระทบถึงสิทธิของ ศ. และ อ.บุคคลภายนอกที่มิได้เข้ามาเป็นคู่ความในคดีด้วยจึงเป็นฟ้องแย้งที่ ไม่อาจบังคับได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3477/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาขายฝากต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน มิฉะนั้นเป็นโมฆะ การบังคับให้โอนที่ดินจึงทำไม่ได้
ที่ดินพิพาทเป็นอสังหาริมทรัพย์ การขายฝากที่ดินพิพาทจะต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่มิฉะนั้นตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ.มาตรา 456 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 491 เมื่อสัญญาขายฝากที่ดินพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยตกเป็นโมฆะ โจทก์จะฟ้องบังคับให้จำเลยโอนที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลยให้แก่โจทก์ โดยทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3477/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาขายฝากที่ดินต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน มิฉะนั้นเป็นโมฆะ โจทก์ฟ้องบังคับโอนไม่ได้
ที่ดินพิพาทเป็นอสังหาริมทรัพย์การขายฝากที่ดินพิพาทจะต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่มิฉะนั้นตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา456วรรคหนึ่งประกอบมาตรา491เมื่อสัญญาขายฝากที่ดินพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยตกเป็นโมฆะโจทก์จะฟ้องบังคับให้จำเลยโอนที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลยให้แก่โจทก์โดยทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3455/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อโมฆะเนื่องจากไม่มีลายมือชื่อในสัญญาเช่าซื้อ และสิทธิในการเรียกค่าเช่าโอนไปยังผู้ซื้อ
เอกสารที่โจทก์ที่ 2 และจำเลยกระทำไว้ต่อกันระบุไว้ชัดเจนว่าเป็นหนังสือสัญญาเช่าบ้าน ระบุเงื่อนไขในการเช่าบ้านไว้รวม 12 ข้อ แล้วลงลายมือชื่อของโจทก์ที่ 2 ในฐานะผู้ให้เช่า ส่วนจำเลยลงลายมือชื่อในฐานะผู้เช่าสัญญาดังกล่าวหาได้มีข้อความอันแสดงว่าโจทก์เอาทรัพย์สินออกให้จำเลยเช่าและให้คำมั่นว่าจะขายทรัพย์สินนั้นหรือว่าจะให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นสิทธิแก่จำเลยโดยเงื่อนไขที่จำเลยได้ใช้เงินเป็นจำนวนเท่านั้นเท่านี้คราว อันจะถือว่าเป็นสัญญาเช่าซื้อไม่แม้ทางด้านหลังของเอกสารดังกล่าวจะมีข้อความหมายเหตุ ซึ่งสามีโจทก์ที่ 2 เขียนไว้ว่า "เมื่อผู้เช่าชำระเงินครบจำนวน 300,000 บาท (สามแสนบาทถ้วน) ผู้ให้เช่าจะโอนบ้านพร้อมที่ดินให้ผู้เช่าเป็นกรรมสิทธิ์ครอบครอง แต่ค่าโอนผู้เช่าต้องเป็นผู้ออก ถ้าผู้เช่าผู้ให้เช่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดถึงแก่กรรมลง ทายาทมีสิทธิดำเนินการต่อตามกฎหมาย" ก็ตาม แต่ข้อความตามหมายเหตุนี้เป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหากจากหนังสือสัญญาเช่าบ้าน แม้จะเป็นสัญญาเช่าซื้อดังที่จำเลยอ้าง เมื่อโจทก์ที่ 2 มิได้ลงลายมือชื่อไว้จึงถือไม่ได้ว่าได้มีการทำสัญญาเช่าซื้อกันเป็นหนังสือ การเช่าซื้อจึงเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 572 วรรคสอง จำเลยไม่อาจบังคับให้โจทก์ที่ 2ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวได้ เมื่อวินิจฉัยดังนั้นแล้ว ปัญหาว่าโจทก์ที่ 1 รับโอนกรรมสิทธิ์บ้านและที่ดินพิพาทโดยสุจริตหรือไม่ จึงไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลง กรณีเกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ แม้โจทก์ที่ 1ไม่ฎีกา ศาลฎีกาก็พิพากษาให้มีผลถึงโจทก์ที่ 1 ด้วยได้
จำเลยค้างชำระค่าเช่าตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2532 จนปัจจุบันแต่โจทก์ที่ 2 ได้โอนขายบ้านและที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ที่ 1 ไปก่อนแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2530 สิทธิและหน้าที่ของโจทก์ที่ 2 ซึ่งมีต่อจำเลยผู้เช่าย่อมโอนไปเป็นของโจทก์ที่ 1 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 569 วรรคสอง โจทก์ที่ 2 จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเช่าที่ค้างชำระดังกล่าวจากจำเลย
จำเลยค้างชำระค่าเช่าตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2532 จนปัจจุบันแต่โจทก์ที่ 2 ได้โอนขายบ้านและที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ที่ 1 ไปก่อนแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2530 สิทธิและหน้าที่ของโจทก์ที่ 2 ซึ่งมีต่อจำเลยผู้เช่าย่อมโอนไปเป็นของโจทก์ที่ 1 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 569 วรรคสอง โจทก์ที่ 2 จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเช่าที่ค้างชำระดังกล่าวจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3455/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อโมฆะหากไม่ทำเป็นหนังสือ สิทธิและหน้าที่โอนไปยังผู้รับโอนกรรมสิทธิ์
เอกสารที่โจทก์ที่2และจำเลยกระทำไว้ต่อกันระบุไว้ชัดเจนว่าเป็นหนังสือสัญญาเช่าบ้านระบุเงื่อนไขในการเช่าบ้านไว้รวม12ข้อแล้วลงลายมือชื่อของโจทก์ที่2ในฐานะผู้ให้เช่าส่วนจำเลยลงลายมือชื่อในฐานะผู้เช่าสัญญาดังกล่าวหาได้มีข้อความอันแสดงว่าโจทก์ที่2เอาทรัพย์สินออกให้จำเลยเช่าและให้คำมั่นว่าจะขายทรัพย์สินนั้นหรือว่าจะให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นสิทธิแก่จำเลยโดยเงื่อนไขที่จำเลยได้ใช้เงินเป็นจำนวนเท่านั้นเท่านี้คราวอันจะถือว่าเป็นสัญญาเช่าซื้อไม่แม้ทางด้านหลังของเอกสารดังกล่าวจะมีข้อความหมายเหตุซึ่งสามีโจทก์ที่2เขียนไว้ว่า"เมื่อผู้เช่าชำระเงินครบจำนวน300,000บาท(สามแสนบาทถ้วน)ผู้ให้เช่าจะโอนบ้านพร้อมที่ดินให้ผู้เช่าเป็นกรรมสิทธิ์ครอบครองแต่ค่าโอนผู้เช่าต้องเป็นผู้ออกถ้าผู้เช่า-ผู้ให้เช่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดถึงแก่กรรมลงทายาทมีสิทธิดำเนินการต่อตามกฎหมาย"ก็ตามแต่ข้อความตามหมายเหตุนี้เป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหากจากหนังสือสัญญาเช่าบ้านแม้จะเป็นสัญญาเช่าซื้อดังที่จำเลยอ้างเมื่อโจทก์ที่2มิได้ลงลายมือชื่อไว้จึงถือไม่ได้ว่าได้มีการทำสัญญาเช่าซื้อกันเป็นหนังสือการเช่าซื้อจึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา572วรรคสองจำเลยไม่อาจบังคับให้โจทก์ที่2ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวได้เมื่อวินิจฉัยดังนั้นแล้วปัญหาว่าโจทก์ที่1รับโอนกรรมสิทธิ์บ้านและที่ดินพิพาทโดยสุจริตหรือไม่จึงไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงกรณีเกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้แม้โจทก์ที่1ไม่ฎีกาศาลฎีกาก็พิพากษาให้มีผลถึงโจทก์ที่1ด้วยได้ จำเลยค้างชำระค่าเช่าตั้งแต่เดือนพฤษภาคม2532จนปัจจุบันแต่โจทก์ที่2ได้โอนขายบ้านและที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ที่1ไปก่อนแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่27เมษายน2530สิทธิและหน้าที่ของโจทก์ที่2ซึ่งมีต่อจำเลยผู้เช่าย่อมโอนไปเป็นของโจทก์ที่1ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา569วรรคสองโจทก์ที่2จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเช่าที่ค้างชำระดังกล่าวจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3375/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำและอำนาจฟ้องในคดีละเมิด: สัญญาประนีประนอมยอมความโมฆะไม่กระทบอำนาจฟ้องเดิม
คดีเดิมภริยาโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่1ชำระหนี้ตามสัญญา ประนีประนอมยอมความ ประเด็นข้อพิพาทจึงมีว่าจำเลยที่1ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความหรือไม่แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่1ชดใช้ ค่าสินไหมทดแทนเนื่องจากจำเลยที่1ทำร้ายร่างกายโจทก์และทำให้กล้องวีดีโอของโจทก์เสียหายอันเป็นการ ละเมิด ประเด็นข้อพิพาทจึงมีว่าจำเลยที่1กระทำ ละเมิดหรือไม่ดังนั้นประเด็นแห่งคดีที่จะต้องวินิจฉัยในคดีนี้จึงมิใช่ประเด็นที่ได้วินิจฉัยมาแล้วโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีเดิมฟ้องโจทก์คดีนี้จึง ไม่เป็น ฟ้องซ้ำ อำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จำเลยที่1ย่อมมีสิทธิที่จะยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคสองคดีเดิมศาลพิพากษายกฟ้องภริยาโจทก์เพราะสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งโจทก์ มอบอำนาจให้ภริยาทำกับจำเลยที่1เป็นโมฆะจึงถือไม่ได้ว่าหนี้ ละเมิดที่จำเลยที่1กระทำต่อโจทก์ซึ่งเป็นมูลเหตุของการทำสัญญาประนีประนอมยอมความที่โจทก์และจำเลยที่1ได้ยอมสละนั้นระงับสิ้นไปและได้สิทธิตามที่แสดงในสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นของโจทก์และจำเลยที่1ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา852การฟ้องคดีดังกล่าวจึงไม่มีผลต่ออำนาจฟ้องของโจทก์โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยที่1ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนฐานละเมิดเป็นคดีนี้