พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,231 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 581/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยมีสิทธิยกข้อต่อสู้เรื่องการซื้อเรือ แม้ไม่ได้ระบุแหล่งที่มาตั้งแต่แรก หากเป็นข้อที่ให้การไว้แล้ว โจทก์มีสิทธิท้วงในชั้นชี้สองสถาน
โจทก์ฟ้องเรียกเรือจากจำเลย โดยอ้างว่าโจทก์ซื้อมาจากผู้มีชื่อ
จำเลยต่อสู้ว่าเป็นเรือที่จำเลยซื้อมา แต่ไม่ได้ระบุว่าซื้อมาจากใคร ดังนี้ จำเลยย่อมนำสืบว่าซื้อเรือนั้นมาจากใครได้ ไม่เป็นการนอกประเด็น เพราะเป็นข้อที่จำเลยให้การไว้แล้ว หากโจทก์สงสัยว่าจำเลยซื้อเรือจากใครก็ชอบที่จะท้วงขึ้นในชั้นชี้สองสถานได้
จำเลยต่อสู้ว่าเป็นเรือที่จำเลยซื้อมา แต่ไม่ได้ระบุว่าซื้อมาจากใคร ดังนี้ จำเลยย่อมนำสืบว่าซื้อเรือนั้นมาจากใครได้ ไม่เป็นการนอกประเด็น เพราะเป็นข้อที่จำเลยให้การไว้แล้ว หากโจทก์สงสัยว่าจำเลยซื้อเรือจากใครก็ชอบที่จะท้วงขึ้นในชั้นชี้สองสถานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการรับมรดกของผู้ร้องสอดและการคุ้มครองสิทธิในคดีระหว่างโจทก์จำเลย
ผู้ร้องยื่นคำร้องเข้ามาเพื่อขอให้ได้รับความคุ้มครองสิทธิในการรับมฤดกของผู้ร้อง ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 57 (1) ซึ่งบัญญัติให้บุคคลที่ 3 ได้รับความคุ้มครองสิทธิของตนที่มีอยู่โดยทันที ไม่จำต้องฟ้องคดีหลายเรื่อง และไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากคู่ความ เช่น อนุมาตรา 2 แม้คู่ความจะคัดค้าน ศาลก็สั่งอนุญาตได้.
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยในฐานะส่วนตัว และในฐานผู้จัดการมฤดก และผู้รับมฤดกของภริยาผู้วายชนม์ ผู้ร้องสอด ผู้เป็นมารดาผู้ตาย ผู้ร้องสอดว่า โจทก์จำเลยสมยอมสร้างหนี้สินขึ้นโดยไม่เป็นความจริง ทำให้ผู้ร้องสอดเสียหาย เนื่องจากผู้ร้องสอดกำลังฟ้อง จำเลยเรียกทรัพย์มฤดกรายนี้อยู่ ศาลชั้นต้นยกคำร้องของผู้ร้องสอดเสีย แล้วดำเนินคดีไปพิพากษาให้จำเลยในส่วนตัว และในฐานผู้จัดการและรับมฤดกนางเลี๊ยบ ใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์ตามฟ้องดังนี้ เมื่อผู้ร้องสอดอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นขึ้นมา ศาลสูงก็มีอำนาจยกคำสั่งและคำพิพากษาศาลล่าง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ ตามรูปความได้ตาม ป.วิ.แพ่งมาตรา 243 (1)
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยในฐานะส่วนตัว และในฐานผู้จัดการมฤดก และผู้รับมฤดกของภริยาผู้วายชนม์ ผู้ร้องสอด ผู้เป็นมารดาผู้ตาย ผู้ร้องสอดว่า โจทก์จำเลยสมยอมสร้างหนี้สินขึ้นโดยไม่เป็นความจริง ทำให้ผู้ร้องสอดเสียหาย เนื่องจากผู้ร้องสอดกำลังฟ้อง จำเลยเรียกทรัพย์มฤดกรายนี้อยู่ ศาลชั้นต้นยกคำร้องของผู้ร้องสอดเสีย แล้วดำเนินคดีไปพิพากษาให้จำเลยในส่วนตัว และในฐานผู้จัดการและรับมฤดกนางเลี๊ยบ ใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์ตามฟ้องดังนี้ เมื่อผู้ร้องสอดอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นขึ้นมา ศาลสูงก็มีอำนาจยกคำสั่งและคำพิพากษาศาลล่าง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ ตามรูปความได้ตาม ป.วิ.แพ่งมาตรา 243 (1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 496/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้รับโอนกรรมสิทธิมีสิทธิเป็นผู้ให้เช่าเดิมได้
ผู้ให้เช่าเดิมนั้นหมายความถึงผู้รับโอนกรรมสิทธิมาจากเจ้าของผู้ให้เช่าเดิมด้วย (อ้างฎีกาที่ 845/2490)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 47/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้เงินแก่สมาคมที่มิได้จดทะเบียน: สิทธิในทรัพย์สินยังคงอยู่ของผู้ให้
การให้ทรัพย์แก่สมาคมที่ตั้งขึ้นโดยมิได้จดทะเบียนตาม ก.ม. นั้นไม่สมบูรณ์ เพราะมีแต่ผู้ให้ ไม่มีบุคคลผู้รับเนื่องจากสมาคมนั้นไม่ใช่นิติบุคคลผู้ให้จึงฟ้องเรียกคืนเงินที่ให้ได้
โจทก์ฟ้องว่าได้มอบเงินให้จำเลยในฐานะนายกสมาคมเพื่อนำไปฝากคลัง ขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิเงินนั้น แต่ได้ความตามข้อเท็จจจริงที่รับกันว่าโจทก์ได้ให้เงินจำนวนนั้นแก่สมาคมและรับกันต่อไปว่า สมาคมนั้นมิได้จดทะเบียนตามกฎหมายดังนี้ ประเด็นจึงอยู่ที่ว่าการให้ทรัพย์แก่สมาคมที่มิได้จดทะเบียนจะเป็นการสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่ ฉะนั้นการที่ศาลวินิจฉัยว่า การให้ไม่สมบูรณ์ และพิพากษาให้โจทก์เป็นเจ้าของเงินรายพิพาท จึงเป็นคำชี้ขาดในประเด็นและชอบด้วยกฎหมาย.
โจทก์ฟ้องว่าได้มอบเงินให้จำเลยในฐานะนายกสมาคมเพื่อนำไปฝากคลัง ขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิเงินนั้น แต่ได้ความตามข้อเท็จจจริงที่รับกันว่าโจทก์ได้ให้เงินจำนวนนั้นแก่สมาคมและรับกันต่อไปว่า สมาคมนั้นมิได้จดทะเบียนตามกฎหมายดังนี้ ประเด็นจึงอยู่ที่ว่าการให้ทรัพย์แก่สมาคมที่มิได้จดทะเบียนจะเป็นการสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่ ฉะนั้นการที่ศาลวินิจฉัยว่า การให้ไม่สมบูรณ์ และพิพากษาให้โจทก์เป็นเจ้าของเงินรายพิพาท จึงเป็นคำชี้ขาดในประเด็นและชอบด้วยกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 434/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการรับมรดกของผู้ร้องสอดที่ถูกละเลย: ศาลต้องคุ้มครองก่อนพิพากษาคดี
ผู้ร้องยื่นคำร้องเข้ามาเพื่อขอให้ได้รับความคุ้มครองสิทธิในการรับมฤดกของผู้ร้องตาม ป.วิ.แพ่งมาตรา 57 (1) ซึ่งบัญญัติให้บุคคลที่ 3 ไดรับความคุ้มครองสิทธิของตนที่มีอยู่โดยทันที ไม่จำต้องฟ้องคดีหลายเรื่อง และไม่จักต้องได้รับความยินยอมจากคู่ความ เช่นอนุมาตรา 2 แม้+จะคัดค้านศาลก็สั่งอนุญาตได้
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยในฐานะส่วนตัวและในฐานะผู้จัดการมฤดกและผู้รับมฤดกของภริยาผู้วายชนม์ ผู้ร้องสอด ผู้เป็นมารดาผู้ตายร้องสอดว่า โจทก์จำเลยสมยอมสร้างหนี้สินขึ้นโดยไม่เป็นความจริง ทำให้ผู้ร้องสอดเสียหาย เนื่องจากผู้ร้องสอดกำลังฟ้องจำเลยเรียกทรัพย์มฤดกรายนี้อยู่ ศาลชั้นต้นยกคำร้องของผู้ร้องสอดเสีย แล้วดำเนินคดีไปพิพากษาให้จำเลยในส่วนตัวและในฐานะผู้จัดการและรับมฤดกนางเลี๊ยบ ใช้ต้นเงินและดอกเบี้ย+โจทก์ตามฟ้องดังนี้ เมื่อผู้ร้องสอดอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นขึ้นมา ศาลสูง+อำนาจยกคำสั่งและคำพิพากษาศาลล่าง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปความได้ ตาม ป.วิ.แพ่งมาตรา 243(1).
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยในฐานะส่วนตัวและในฐานะผู้จัดการมฤดกและผู้รับมฤดกของภริยาผู้วายชนม์ ผู้ร้องสอด ผู้เป็นมารดาผู้ตายร้องสอดว่า โจทก์จำเลยสมยอมสร้างหนี้สินขึ้นโดยไม่เป็นความจริง ทำให้ผู้ร้องสอดเสียหาย เนื่องจากผู้ร้องสอดกำลังฟ้องจำเลยเรียกทรัพย์มฤดกรายนี้อยู่ ศาลชั้นต้นยกคำร้องของผู้ร้องสอดเสีย แล้วดำเนินคดีไปพิพากษาให้จำเลยในส่วนตัวและในฐานะผู้จัดการและรับมฤดกนางเลี๊ยบ ใช้ต้นเงินและดอกเบี้ย+โจทก์ตามฟ้องดังนี้ เมื่อผู้ร้องสอดอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นขึ้นมา ศาลสูง+อำนาจยกคำสั่งและคำพิพากษาศาลล่าง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปความได้ ตาม ป.วิ.แพ่งมาตรา 243(1).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระบายน้ำและสิทธิของเจ้าของที่ดิน: เจ้าของที่ดินต้องรับน้ำตามธรรมชาติ และห้ามปิดกั้นทางน้ำโดยพลการ
เจ้าของที่ดินจำต้องรับน้ำซึ่งไหลตามธรรมดาหรือเพราะระบายน้ำจากที่ดินสูงลงมาในที่ดินของตน ถ้าได้รับความเสียหายก็มีสิทธิจะเรียกร้องให้เจ้าของที่ดินสูงจัดการทำทางระบายน้ำเสียใหม่และมีสิทธิเรียกค่าทดแทน จะปิดกั้นทางน้ำไหลเสียโดยพละตนเองหาชอบไม่ และเมื่อปรากฏว่า การปิดกั้นทางน้ำไหลนั้นทำให้เจ้าของที่ดินสูง ได้รับความเสียหาย ตนก็ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 329/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายที่ดิน: สิทธิเมื่อยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์และไม่มีการเลิกสัญญา
สัญญาซื้อขายที่ดิน ซึ่งในขณะทำสัญญา ผู้ขายยังไม่ได้สิทธิหรือกรรมสิทธิ์เด็ดขาดในที่ดินที่ขายนั้น จะจัดการโอนโดยมีการจดทะเบียนตามกฎหมายก็ยังไม่ได้นั้น ถือว่าเป็นเพียงสัญญาจะซื้อขายเท่านั้น
ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินและผู้ขายมอบที่ดินให้ผู้ซื้อแล้วแม้ยังไม่ได้โอนทะเบียน ผู้ขายก็ฟ้องเรียกที่ดินคืนไม่ได้ในเมื่อยังไม่ได้มีการเลิกสัญญาต่อกัน
ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินและผู้ขายมอบที่ดินให้ผู้ซื้อแล้วแม้ยังไม่ได้โอนทะเบียน ผู้ขายก็ฟ้องเรียกที่ดินคืนไม่ได้ในเมื่อยังไม่ได้มีการเลิกสัญญาต่อกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า: ศาลต้องเคารพเมื่อใช้สิทธิเจ้าของกรรมสิทธิ์แล้ว
พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ เป็นกฎหมายที่ออกเพื่อยับยั้งการใช้สอยและแสวงหาดอกผลจากทรัพย์สินของเจ้าของกรรมสิทธิ์ไว้ชั่วคราวกล่าวคือบทบัญญัติใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 ต้องอยู่ภายในบังคับแห่ง พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ แต่ได้มีข้อยกเว้นไว้ในบางกรณีตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติ นั้น
เมื่อคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าได้ใช้ดุลพินิจให้ผู้ให้เช่าเดิมเข้าอยู่อาศัยในเคหะของตนแล้ว ก็เท่ากับว่าได้ใช้ดุลพินิจให้ผู้มีสิทธิในทรัพย์สินได้ใช้สิทธิของตนตามหลักกฎหมายทั่วไปแล้ว และเมื่อไม่มีบทบัญญัติในกฎหมายพิเศษนั้น ให้ศาลมีอำนาจรื้อฟื้นแก้ไขการใช้ดุลพินิจของคณะกรรมการไว้อย่างไรแล้ว ดุลพินิจของคณะกรรมการที่ให้ความยินยอมก็ต้องยุติเป็นเด็ดขาดเพียงนั้น ศาลย่อมจะต้องพิจารณาข้อพิพาทของคู่ความตามสิทธิในหลักกฎหมายทั่วไป
เมื่อคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าได้ใช้ดุลพินิจให้ผู้ให้เช่าเดิมเข้าอยู่อาศัยในเคหะของตนแล้ว ก็เท่ากับว่าได้ใช้ดุลพินิจให้ผู้มีสิทธิในทรัพย์สินได้ใช้สิทธิของตนตามหลักกฎหมายทั่วไปแล้ว และเมื่อไม่มีบทบัญญัติในกฎหมายพิเศษนั้น ให้ศาลมีอำนาจรื้อฟื้นแก้ไขการใช้ดุลพินิจของคณะกรรมการไว้อย่างไรแล้ว ดุลพินิจของคณะกรรมการที่ให้ความยินยอมก็ต้องยุติเป็นเด็ดขาดเพียงนั้น ศาลย่อมจะต้องพิจารณาข้อพิพาทของคู่ความตามสิทธิในหลักกฎหมายทั่วไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 210/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิรับมรดกเกิดขึ้นเมื่อใด: ทายาทต้องมีสิทธิในขณะเจ้ามรดกตาย
เจ้ามรดกตาย มรดกย่อมตกทอดแก่ทายาททันที บุคคลธรรมดาที่จะเป็นทายาทและมีสิทธิรับมรดกของบุคคลใด นอกจากจะต้องมีสภาพหรือสามารถมีสิทธิตาม มาตรา1604 แล้วยังต้องมีสิทธิที่จะรับมรดกในขณะที่เจ้ามรดกตายด้วย บุตรในกรณีที่มีคำพิพากษาว่าเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายนั้นมีผลนับแต่วันคำพิพากษาถึงที่สุด ถ้าในขณะที่คำพิพากษาถึงที่สุดนั้น เป็นเวลาภายหลังเจ้ามรดกตายแล้ว และไม่มีมรดกจะรับก็ไม่มีทางจะให้เด็กนั้นได้รับมรดกได้
โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกของบิดาโดยอ้างข้อที่ศาลพิพากษา ว่าเป็นบุตรเท่านั้น ไม่มีประเด็นที่จะต้องพิจารณาว่าเมื่อก่อนบิดาตาย บิดาได้รับรองโจทก์ว่าเป็นบุตร อันจะทำให้มีสิทธิรับมรดกตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1627 หรือไม่ คงมีประเด็นข้อเถียงว่าคำสั่งของศาลที่แสดงไว้นั้น จะมีผลแก่โจทก์ในทางรับมรดกอย่างไรหรือไม่
โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกของบิดาโดยอ้างข้อที่ศาลพิพากษา ว่าเป็นบุตรเท่านั้น ไม่มีประเด็นที่จะต้องพิจารณาว่าเมื่อก่อนบิดาตาย บิดาได้รับรองโจทก์ว่าเป็นบุตร อันจะทำให้มีสิทธิรับมรดกตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1627 หรือไม่ คงมีประเด็นข้อเถียงว่าคำสั่งของศาลที่แสดงไว้นั้น จะมีผลแก่โจทก์ในทางรับมรดกอย่างไรหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 168/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองมรดกเกิน 1 ปี ทำให้เกิดสิทธิในทรัพย์มรดก และผลของการแบ่งทรัพย์มรดกตามการครอบครอง
ผู้มีสิทธิได้รับมฤดกเข้ามาอยู่+ที่มฤดกเมื่อ-เกิน 1 ปีนับแต่+มฤดกตาย ผู้รับมฤดกคนที่+ครองที่มฤดก ย่อมฟ้องขับไล่ได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกแย่งกรรมสิทธิที่ดินของโจทก์ 3 แปลง +ให้ห้ามมิให้เกี่ยวข้องต่อไปทาง พิจารณาได้ความว่าโจทก์เป็นเจ้าของเพียง 2 กะบิ้งเท่านั้น ศาล+พิพากษาห้ามจำเลยมิให้เกี่ยวข้อง +ที่ดิน 2 กะบิ้งอันเป้นของโจทก์+ได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกแย่งกรรมสิทธิที่ดินของโจทก์ 3 แปลง +ให้ห้ามมิให้เกี่ยวข้องต่อไปทาง พิจารณาได้ความว่าโจทก์เป็นเจ้าของเพียง 2 กะบิ้งเท่านั้น ศาล+พิพากษาห้ามจำเลยมิให้เกี่ยวข้อง +ที่ดิน 2 กะบิ้งอันเป้นของโจทก์+ได้