พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,515 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 242/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของร่วมมรดกมีอำนาจฟ้องแย่งกรรมสิทธิ แม้ทายาทอื่นมิได้ร่วมฟ้อง
โจทก์ฟ้องอ้างว่า ที่ดินพิพาทเป็นมรดกตกได้แก่โจทก์และทายาทอีกคนหนึ่ง จำเลยคิดแย่งกรรมสิทธิ โจทก์จึงขอให้ขับไล่จำเลยและขอให้ศาลแสดงกรรมสิทธิในที่พิพาทดังนี้ แม้ทายาทนั้นจะไม่ได้มาร่วมเป็นโจทก์ด้วย โจทก์ก็ยังเป็นผู้รับมรดกและเป็นเจ้าของร่วมในที่ดินพิพาท จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ ฝ่ายจำเลยไม่มีอำนาจอะไรเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 242/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีแย่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินมรดก เจ้าของร่วมมีสิทธิฟ้อง แม้ทายาทอื่นไม่ร่วมฟ้อง
โจทก์ฟ้องอ้างว่า ที่ดินพิพาทเป็นมรดกตกได้แก่โจทก์และทายาทอีกคนหนึ่ง จำเลยคิดแย่งกรรมสิทธิ์ โจทก์จึงขอให้ขับไล่จำเลยและขอให้ศาลแสดงกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทดังนี้แม้ทายาทนั้นจะไม่ได้มาร่วมเป็นโจทก์ด้วยโจทก์ก็ยังเป็นผู้รับมรดกและเป็นเจ้าของร่วมในที่ดินพิพาทจึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ ฝ่ายจำเลยไม่มีอำนาจอะไรเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 236/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องซื้อขายหุ้นส่วน: การที่โจทก์ไม่ได้พิสูจน์ความเป็นหุ้นส่วนหรือเจ้าของตึก ทำให้ไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องอ้างว่า โจทก์กับจีนพวกแซ่ลิ้มเข้าหุ้นส่วนกันซื้อตึกไว้ แต่การนำสืบไม่ได้ความว่าโจทก์เป็นหุ้นส่วน หรือหากจะเป็นหุ้นส่วนจริงก็ไม่ได้ความว่า โจทก์ยังคงเป็นเจ้าของตึกรายนี้ แม้เพียงเป็นผู้ครอบครองตึก ก็ไม่ได้ความ ดังนี้โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจะแสดงว่าตึกนี้เป็นของจีนพวกแซ่ลิ้ม หรือจะให้ห้ามจำเลยไม่ให้เกี่ยวข้องกับตึกรายนี้ หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 236/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องซื้อตึกร่วม - หุ้นส่วน - การครอบครอง
โจทก์ฟ้องอ้างว่า โจทก์กับจีนพวกแซ่ลิ้มเข้าหุ้นส่วนกันซื้อตึกไว้แต่การนำสืบไม่ได้ความว่าโจทก์เป็นหุ้นส่วน หรือหากจะเป็นหุ้นส่วนจริงก็ไม่ได้ความว่าโจทก์ยังคงเป็นเจ้าของตึกรายนี้ แม้เพียงเป็นผู้ครอบครองตึกก็ไม่ได้ความดังนี้โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจะแสดงว่าตึกนี้เป็นของจีนพวกแซ่ลิ้มหรือจะให้ห้ามจำเลยไม่ให้เกี่ยวข้องกับตึกรายนี้หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 191/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเบิกความเท็จแม้คดีอาญาจบแล้ว ผู้เสียหายมีสิทธิฟ้องได้
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยเอาความที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นความเท็จมาเบิกความเป็นพยานในข้อสำคัญในคดีอาญาที่โจทก์ถูกฟ้องว่ากระทำความผิด แม้ศาลจะพิพากษายกฟ้องในคดีนั้นจนถึงที่สุดไปแล้ว ก็ย่อมเห็นได้ชัดว่า โจทก์เป็นผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการที่จำเลยเบิกความเป็นพยานเท็จนั้นเพราะโจทก์อาจถูกศาลพิพากษาลงโทษได้ถ้าหากศาลเชื่อคำเบิกความเท็จของจำเลย โจทก์จึงเป็นผู้เสียหาย มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 28
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1907/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์: อัยการมีอำนาจฟ้องขอคืนทรัพย์ได้ แม้ไม่มีผู้ร้องทุกข์
ปลัดอำเภอรับมอบเงินในนามคณะกรรมการอำเภอ จากจังหวัดแล้วยักยอกเสียนั้น ย่อมถือว่าแผ่นดินเป็นผู้เสียหาย ไม่จำเป็นต้องมีการร้องทุกข์อัยการก็ฟ้องได้
ความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 131 นั้น เป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ อัยการโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ได้ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 43
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 1 ปี 6 เดือนตาม ก.ม. ลักษณะอาญามาตรา 131 แต่ให้ยกคำขอที่ขอให้คืนราคาทรัพย์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะให้คืนราคาทรัพย์ ดังนี้ จำเลยไม่มีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
การที่พยานโจทก์บางคนยังไม่ได้ให้การชั้นสอบสวนจำเลยและพยานอื่นแล้วนั้น เรียกไม่ได้ว่ามิได้มีการสอบสวนตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 120
ความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 131 นั้น เป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ อัยการโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ได้ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 43
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 1 ปี 6 เดือนตาม ก.ม. ลักษณะอาญามาตรา 131 แต่ให้ยกคำขอที่ขอให้คืนราคาทรัพย์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะให้คืนราคาทรัพย์ ดังนี้ จำเลยไม่มีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
การที่พยานโจทก์บางคนยังไม่ได้ให้การชั้นสอบสวนจำเลยและพยานอื่นแล้วนั้น เรียกไม่ได้ว่ามิได้มีการสอบสวนตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 120
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1413/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำ: โจทก์คนละคน แม้ผู้รับมอบอำนาจเป็นคนเดิม ไม่ถือเป็นฟ้องซ้ำ
เคยเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในนามตนเอง ศาลพิพากษาว่าไม่มีอำนาจฟ้อง จึงพิพากษายกฟ้องโดยมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริง ภายหลังจึงมาฟ้องจำเลยใหม่โดยเป็นผู้รับมอบอำนาจจากผู้มีสิทธิฟ้องจำเลย ดังนี้ ต้องถือว่าโจทก์ผู้ฟ้องคดีหลังนี้ เป็นคนละคนกับในคดีก่อน ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1413/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องและฟ้องซ้ำ: โจทก์คนละคนย่อมไม่เป็นฟ้องซ้ำ แม้เคยฟ้องแล้วยกฟ้อง
เคยเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในนามตนเอง ศาลพิพากษาว่าไม่มีอำนาจฟ้อง จึงพิพากษายกฟ้องโดยมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริง ภายหลังจึงมาฟ้องจำเลยใหม่โดยเป็นผู้รับมอบอำนาจจากผู้มีสิทธิฟ้องจำเลย ดังนี้ ต้องถือว่าโจทก์ผู้ฟ้องคดีหลังนี้ เป็นคนละคนกับในคดีก่อน ไม่เป็นฟ้องซ้ำ การที่คู่ความท้ากันให้ศาลวินิจฉัยประเพณีข้อกฎหมายศาลมีอำนาจตัดสินไปตามนั้นได้ตาม มาตรา 183 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งหาใช่กิจการพนันขันต่อไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1370/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของบิดาในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรม แม้ผลคดีทำให้บุตรเสียกรรมสิทธิ์
โจทก์ฟ้องบิดาของเด็กเป็นจำเลยในฐานะส่วนตัวและทั้งฐานะบิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็ก ในการต่อสู้คดี บิดาก็คงยอมรับให้การในฐานะเป็นบิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กด้วยมิได้คัดค้านประการใด ดังนี้ การดำเนินคดีของบิดาในฐานะบิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กเช่นนี้ ย่อมเป็นการชอบ แม้ในคดีนี้ศาลได้พิพากษาให้เด็กเสียกรรมสิทธิ์ในที่ดินไปก็ตาม กรณีหาต้องด้วย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1368/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่ผู้เช่า: สามีจัดการสินบริคณห์แทนภรรยาได้ และความรับผิดชอบต่อค่าเสียหายพิเศษ
สามีเอาบ้านของภรรยาอันเป็นสินบริคณห์ ไปให้ผู้อื่นเช่าอยู่อาศัยนั้น ต้องถือว่าสามีเป็นผู้จัดการตามอำนาจของกฎหมาย ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1468 ฉะนั้น เมื่อภรรยาผู้เป็นเจ้าของได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ให้เข้าอยู่ในบ้านเช่านั้นได้ ก็เท่ากับสสามีผู้มีอำนาจจัดการได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า ฯ ให้เข้าอยู่ด้วย สามีจึงมีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้เช่าได้ตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ มาตรา16 (6)
ผู้ให้เช่าบอกเลิกการเช่าบ้านกับผู้เช่า ให้ผู้เช่าออกจากบ้านไปภายในกำหนดและยังบอกกล่าวไปชัดแจ้งว่าถ้าผู้ให้เช่าเข้าบ้านเช่านี้นตามกำหนดไม่ได้ ก็จะทำให้ผิดสัญญาไม่สามารถส่งมอบบ้านอีกหลังหนึ่ง ที่ทำสัญญาซื้อขายกันแล้ว ให้แก่ผู้ซื้อได้ตามกำหนดและจะถูกผู้ซื้อปรับเป็นรายวัน ดังนี้ ถือได้ว่าผู้เช่าได้ทราบความเสียหายเป็นพิเศษของผู้ให้เช่าแล้ว ถ้าผู้เช่าผิดสัญญาไม่ออกจากบ้านเช่าภายในกำหนด ทำให้ผู้ให้เช่าผิดสัญญากับผู้ซื้อและถูกผู้ซื้อปรับเอาเท่าใด ผู้ให้เช่าย่อมมีสิทธิเรียกเอาจากผู้เช่าได้เท่าจำนวนที่เสียไปได้
ผู้ให้เช่าบอกเลิกการเช่าบ้านกับผู้เช่า ให้ผู้เช่าออกจากบ้านไปภายในกำหนดและยังบอกกล่าวไปชัดแจ้งว่าถ้าผู้ให้เช่าเข้าบ้านเช่านี้นตามกำหนดไม่ได้ ก็จะทำให้ผิดสัญญาไม่สามารถส่งมอบบ้านอีกหลังหนึ่ง ที่ทำสัญญาซื้อขายกันแล้ว ให้แก่ผู้ซื้อได้ตามกำหนดและจะถูกผู้ซื้อปรับเป็นรายวัน ดังนี้ ถือได้ว่าผู้เช่าได้ทราบความเสียหายเป็นพิเศษของผู้ให้เช่าแล้ว ถ้าผู้เช่าผิดสัญญาไม่ออกจากบ้านเช่าภายในกำหนด ทำให้ผู้ให้เช่าผิดสัญญากับผู้ซื้อและถูกผู้ซื้อปรับเอาเท่าใด ผู้ให้เช่าย่อมมีสิทธิเรียกเอาจากผู้เช่าได้เท่าจำนวนที่เสียไปได้