คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อำนาจฟ้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,515 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 478/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีเจ้าพนักงานเรียกสินบน: ผู้ถูกเรียกทรัพย์มีอำนาจฟ้อง และฟ้องไม่เคลือบคลุม
ฟ้องคดีอาญาฐานเจ้าพนักงานเรียกสินบล ที่ไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม
ผู้ที่ถูกจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานเรียกเอาทรัพย์ โดยที่ไม่จำต้องเสีย นับว่าเป็นผู้เสียหายที่มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 478/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเจ้าพนักงานเรียกสินบน: ผู้ถูกเรียกทรัพย์เป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องได้ แม้ไม่เสียทรัพย์จริง
ฟ้องคดีอาญาฐานเจ้าพนักงานเรียกสินบน ที่ไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม
ผู้ที่ถูกจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานเรียกเอาทรัพย์ โดยที่ไม่จำจะต้องเสียนับว่าเป็นผู้เสียหายที่มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 352/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้รับพินัยกรรมฟ้องขับไล่ผู้เช่า & การแก้ไขข้อบกพร่องอำนาจฟ้อง
ผู้รับพินัยกรรมบ้านพิพาท ซึ่งเป็นคู่สัญญาผู้ให้เช่าโดยตรงกับจำเลยซึ่งเป็นผู้เช่า ทั้งได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าฯ ลงมติยินยอมให้ผู้เช่าเข้าอยู่ได้ ทั้งนี้แม้เจ้าของบ้านพิพาทเดิมซึ่งเป็นผู้ทำพินัยกรรมยกให้นั้นยังไม่ตาย ผู้รับพินัยกรรมดังกล่าวก็ย่อมมีสิทธิเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยได้
หญิงมีสามีที่ได้ยื่นฟ้องไว้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากสามี หากสามีได้ทำใบยินยอมอนุญาตยื่นต่อศาล ในระหว่างพิจารณาและศาลได้รับไว้ ก็ถือว่าเป็นการแก้ไขข้อบกพร่องตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 56 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 352/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้รับพินัยกรรมฟ้องขับไล่ผู้เช่า & การแก้ไขข้อบกพร่องอำนาจฟ้องของโจทก์หญิง
ผู้รับพินัยกรรมบ้านพิพาท ซึ่งเป็นคู่สัญญาผู้ให้เช่าโดยตรงกับจำเลยซึ่งเป็นผู้เช่า ทั้งได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าฯ ลงมติยินยอมให้ผู้ให้เช่าเข้าอยู่ได้ทั้งนี้แม้เจ้าของบ้านพิพาทเดิมซึ่งเป็นผู้ทำพินัยกรรมยกให้นั้นยังไม่ตาย ผู้รับพินัยกรรมดังกล่าวก็ย่อมมีสิทธิเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยได้
หญิงมีสามีที่ได้ยื่นฟ้องไว้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากสามี หากสามีได้ทำใบยินยอมอนุญาตยื่นต่อศาลในระหว่างพิจารณา และศาลได้รับไว้ ก็ถือว่าเป็นการแก้ไขข้อบกพร่องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 56 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 307/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในเขตเพลิงไหม้ต้องเป็นของกรมโยธาเทศบาลหรือผู้ได้รับมอบหมายโดยตรง อัยการไม่มีอำนาจฟ้องเอง
การร้องขอต่อศาลให้รื้อถอนเปลี่ยนแปลงแก้ไขสิ่งปลูกสร้างในเขตเพลิงไหม้ซึ่งกฎหมายบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของกรมโยธาเทศบาลนั้น หากกรมโยธาเทศบาลมิได้มอบให้อัยการดำเนินคดีแทน อัยการซึ่งเป็นโจทก์จำเลยหาว่ากระทำผิดทางอาญาอยู่นั้นย่อมไม่มีอำนาจร้องขอต่อศาลให้สั่งจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
การที่กรมโยธาเทศบาลมอบให้คณะกรรมการจังวหัดดำเนินคดีนั้น มิใช่เป็นการมอบให้อัยการจังหวัด และการกระทำของอัยการจังหวัดโดยลำพังนั้น จะอ้างว่าเป็นการกระทำของคณะกรรมการจังหวัดมิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 307/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องร้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในเขตเพลิงไหม้ ต้องเป็นของกรมโยธาเทศบาล หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจโดยตรงจากกรมฯ เท่านั้น
การร้องขอต่อศาลให้รื้อถอนเปลี่ยนแปลงแก้ไขสิ่งปลูกสร้างในเขตเพลิงไหม้ซึ่งกฎหมายบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของกรมโยธาเทศบาลนั้นหากกรมโยธาเทศบาลมิได้มอบให้อัยการดำเนินคดีแทน อัยการซึ่งเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยหาว่ากระทำผิดทางอาญาอยู่นั้นย่อมไม่มีอำนาจร้องขอ ต่อศาลให้สั่งจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
การที่กรมโยธาเทศบาลมอบให้คณะกรมการจังหวัดดำเนินคดีนั้น มิใช่เป็นการมอบให้อัยการจังหวัด และการกระทำของอัยการจังหวัดโดยลำพังนั้นจะอ้างว่าเป็นการกระทำของคณะกรมการจังหวัดมิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1893/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีขับไล่จากกุศลสถาน: กรมการอำเภอไม่มีอำนาจฟ้องในนามตนเอง
พ.ร.บ.ปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 มาตรา 123 นั้น หาได้ให้อำนาจแก่กรมการอำเภอที่จะฟ้องร้องในนามของตนเอง เกี่ยวกับกุศลสถานได้ไม่เป็นแต่ให้คอยช่วยเหลือผู้ปกปักรักษากุศลสถานเท่านั้น ฉะนั้นกรมการอำเภอจึงไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่บุคคลใดออกจากกุศลสถาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1893/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีขับไล่จากกุศลสถาน: กรมการอำเภอไม่มีอำนาจฟ้องเอง กฎหมายให้แต่ช่วยผู้ครอบครอง
พ.ร.บ.ปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 มาตรา 123 นั้น หาได้ให้อำนาจแก่กรมการอำเภอที่จะฟ้องร้องในนามของตนเองเกี่ยวกับกุศลสถานได้ไม่ เป็นแต่ให้คอยช่วยเหลือผู้ปกปักรักษากุศลสถานเท่านั้น ฉะนั้น กรมการอำเภอจึงไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่บุคคลใดออกจากกุศลสถาน
ที่กุศลสถานไม่ใช่ที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดิน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1854/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องร่วมของอัยการและสิทธิในทรัพย์สินมรดกหลังการเสียชีวิตของบุตร
ภรรยาเป็นโจทก์ฟ้องในฐานะส่วนตัวและผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กผู้เป็นบุตรเรียกทรัพย์ของสามีผู้เป็นบิดาของบุตร จากปู่ของบุตร ดังนี้แม้การฟ้องในฐานะเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กจะไม่ชอบเพราะเป็นอุทลุม แต่ที่ฟ้องในฐานะส่วนตัวยังสมบูรณ์อยู่ฉนั้นอัยการในนามของเด็กบุตรโจทก์ก็ย่อมมีสิทธิร้องสอดเข้าเป็นโจทก์ร่วม เพื่อรักษาผลประโยชน์ของเด็กให้ได้รับความคุ้มครองได้
โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์จากจำเลยโดยอ้างว่าเป็นของผู้ตายและโจทก์เป็นทายาท เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าเป็นทรัพย์ของผู้ตายกับจำเลยคนละครึ่งและจำเลยก็เป็นทายาทผู้หนึ่งด้วยเหมือนกัน ดังนี้ศาลย่อมพิพากษาให้แบ่งทรัพย์รายนั้นออกเป็น 2 ส่วนก่อนแล้วให้แบ่งส่วนของผู้ตายให้แก่โจทก์จำเลยผู้เป็นทายาทตามส่วนที่ตนมีสิทธิได้
อัยการในนามของเด็กฟ้องเรียกมรดกของบิดาเด็กจากปู่ของเด็ก เมื่อเด็กบางคนตายในระหว่างคดีอัยการก็ไม่มีอำนาจเป็นโจทก์สำหรับเด็กคนที่ตายนั้นต่อไป แต่ศาลก็พิพากษาให้เด็กที่ยังอยู่ได้รับส่วนแบ่งตามส่วนของตนที่มีอยู่เดิม ส่วนของเด็กที่ตายซึ่งเหลือจากแบ่งให้เด็กที่ยังอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่จะเรียกร้องกันอีกส่วนหนึ่งต่างหาก
ฟ้องเรียกเงินทั้งหมดได้ความว่าเป็นขอโจทก์จำเลยร่วมกัน ศาลพิพากษาให้แบ่งไปเลยแต่โจทก์ไม่สมควรได้ดอกเบี้ย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1854/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้อง, การเป็นผู้แทนโดยชอบธรรม, การแบ่งมรดก, สิทธิในสินสมรส และผลกระทบการตายของโจทก์ระหว่างคดี
ภรรยาเป็นโจทก์ฟ้องในฐานะส่วนตัวและผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กผู้เป็นบุตรเรียกทรัพย์ของสามีผู้เป็นบิดาของบุตรจากปู่ของบุตร ดังนี้ แม้การฟ้องในฐานะเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็ก จะไม่ชอบเพราะเป็นอุทลุมแต่ที่ฟ้องในฐานะส่วนตัวยังสมบูรณ์อยู่ ฉะนั้นอัยการในนามของเด็กบุตรโจทก์ย่อมมีสิทธิร้องสอดเข้าเป็นโจทก์ร่วมเพื่อรักษาผลประโยชน์ของเด็กให้ได้รับความคุ้มครองได้
โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์จากจำเลยโดยอ้างว่า เป็นของผู้ตายและโจทก์เป็นทายาท เมื่อทางพิจารณาได้ความว่า เป็นทรัพย์ของผู้ตายกับจำเลยคนละครึ่งและจำเลยก็เป็นทายาทผู้หนึ่งด้วยเหมือนกัน ดังนี้ ศาลย่อมพิพากษาให้แบ่งทรัพย์รายนั้นออกเป็น 2 ส่วนก่อนแล้วให้แบ่งส่วนของผู้ตายให้แก่โจทก์จำเลยผู้เป็นทายาทตามส่วนที่ตนมีสิทธิได้
อัยการในนามของเด็กฟ้องเรียกมรดกของบิดาเด็กจากปู่ของเด็กเมื่อเด็กบางคนตายในระหว่างคดี อัยการก็ไม่มีอำนาจเป็นโจทก์สำหรับเด็กคนที่ตายนั้นต่อไป แต่ศาลก็พิพากษาให้เด็กที่ยังอยู่ได้รับส่วนแบ่งตามส่วนของตนที่มีอยู่เดิม ส่วนของเด็กที่ตายซึ่งเหลือจากแบ่งให้เด็กที่ยังอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่จะเรียกร้องกันอีกส่วนหนึ่งต่างหาก
ฟ้องเรียกเงินทั้งหมดได้ความว่า เป็นของโจทก์จำเลยร่วมกัน ศาลพิพากษาให้แบ่งไปเลยแต่โจทก์ไม่สมควรได้ดอกเบี้ย
of 452