คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดีแพ่ง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,220 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4173/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: ศาลวินิจฉัยว่าการฟ้องคดีใหม่ไม่เป็นฟ้องซ้ำ แม้คดีก่อนมีการสืบพยานแล้ว แต่ศาลยกฟ้องเนื่องจากขาดอำนาจฟ้อง
โจทก์เคยฟ้องจำเลยทั้งสามในเรื่องเดียวกันนี้ครั้งหนึ่งแล้วแต่ศาลพิพากษายกฟ้องเนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ไม่พอรับฟังว่าว.ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์เป็นผู้กระทำการแทนโจทก์ในคดีดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง แม้คดีก่อนจะมีการสืบพยานในประเด็นแห่งคดีจนเสร็จการพิจารณาแล้วก็ตามแต่ศาลก็พิพากษายกฟ้องเพราะเหตุพยานหลักฐานโจทก์เกี่ยวกับอำนาจฟ้องยังไม่พอรับฟัง โดยยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นแห่งคดี ทั้งปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องในคดีก่อนกับคดีนี้ก็ต่างกันการที่โจทก์มาฟ้องใหม่ในเรื่องเดียวกันนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3905/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีออกจากสารบบความเมื่อผู้ร้องเสียชีวิตและไม่มีผู้ดำเนินการแทน
ผู้ร้องได้มรณะในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ทายาทของผู้ร้องไม่ประสงค์จะขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ผู้ร้อง และโจทก์ไม่ประสงค์ให้ศาลหมายเรียกทายาทผู้ร้องเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ผู้ร้อง จึงให้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3668/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตประเด็นข้อพิพาทในคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา และการวินิจฉัยค่าเสียหายที่มิใช่เรื่องนอกฟ้อง
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ข้อแรกว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันเอาเช็คจำนวน 105 ฉบับ ของโจทก์ไปหรือไม่และข้อ 2 ว่าจำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดใช้เงินตามฟ้องหรือไม่ นั้น ย่อมรวมถึงประเด็นเรื่องค่าเสียหายอันเกิดจากการเอาเช็คตามฟ้องของโจทก์ไปด้วย เพราะตามฟ้องระบุว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากการที่โจทก์ไม่สามารถเรียกเก็บเงินตามเช็คที่จำเลยทั้งสองเบียดบังเอาไปการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยถึงค่าเสียหายจากการกระทำของจำเลยทั้งสองดังกล่าวจึงไม่ใช่เรื่องนอกฟ้อง นอกประเด็น โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาว่ายักยอกเช็คหลายฉบับ ซึ่งมีเช็คตามฟ้องในคดีนี้อยู่ด้วย แม้คดีนี้จะเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาดังกล่าวก็ตาม แต่คดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด จึงไม่จำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3552/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องบังคับสิทธิเจ้าของกรรมสิทธิ์รวม หลังทำสัญญาประนีประนอมยอมความ คดีไม่ถือเป็นการฟ้องซ้ำ
คดีก่อนโจทก์ทั้งสองฟ้องจำเลยขอให้เพิกถอนพินัยกรรมที่จำเลยอ้างว่ามารดาโจทก์ทั้งสองและจำเลยยกทรัพย์มรดกทั้งหมดรวมทั้งที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยเพียงผู้เดียวโดยระบุว่าเป็นพินัยกรรมปลอม ต่อมาโจทก์ทั้งสองกับจำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันความว่า จำเลยจะไม่นำพินัยกรรมไปขอรับโอนที่ดินพิพาท และให้โจทก์ทั้งสองกับ พ. มีสิทธิได้รับมรดกตามกฎหมายในฐานะทายาทบนที่ดินเหมือนเดิมทุกประการ ส่วนที่ดินอีกแปลงหนึ่งที่จำเลยรับโอนไปแล้วจะแบ่งเป็น 4 ส่วนเท่า ๆ กันให้โจทก์ทั้งสองและ พ. มีกรรมสิทธิ์รวม ศาลชั้นต้นได้พิพากษาตามยอม แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องขอบังคับให้จำเลยยินยอมให้โจทก์ทั้งสองเข้าครอบครองดูแลรักษาพร้อมทั้งเก็บดอกผลบนที่ดินพิพาทในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมและให้จำเลยใช้เงินดอกผลส่วนของโจทก์ทั้งสองกับให้แบ่งผลประโยชน์ที่เกิดบนที่ดินพิพาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าคดีจะถึงที่สุดแก่โจทก์ทั้งสอง ดังนั้นประเด็นที่จะวินิจฉัยในคดีนี้จึงมิใช่ประเด็นที่ได้วินิจฉัยมาแล้วโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีก่อน อันจะเป็นการฟ้องซ้ำและต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 โจทก์ทั้งสองจึงมีอำนาจฟ้องเป็นคดีต่างหาก ไม่จำต้องยื่นคำร้องขอเข้าไปในคดีเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3369/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการอนุญาตถอนฟ้องคดีแพ่ง และการใช้สิทธิไม่สุจริต
การที่ศาลจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องในคดีแพ่งได้หรือไม่ เป็นอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจ แม้จำเลยจะคัดค้าน แต่หากศาลเห็นว่าการถอนฟ้องของโจทก์ไม่เป็นเหตุให้จำเลยเสียเปรียบในเชิงคดี เพราะหากโจทก์นำคดีมาฟ้องใหม่ จำเลยมีสิทธิต่อสู้คดีได้เต็มที่ ก็อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2986/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องอาญาฐานเบิกความเท็จ ต้องระบุประเด็นสำคัญในคดีแพ่งที่เบิกความเท็จให้ชัดเจน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จและเบิกความเท็จต่อศาลในคดีแพ่ง เรื่องขอแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน ซึ่งเป็นข้อสำคัญในคดี และบรรยายรายละเอียดที่จำเลยทั้งสองเบิกความอันเป็นเท็จพร้อมกับความเป็นจริงว่าอย่างไรทั้งคำเบิกความนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร แต่โจทก์ไม่ได้บรรยายให้เห็นว่าในคดีดังกล่าวประเด็นและข้อความที่เป็นเท็จเป็นข้อสำคัญในคดีนั้นอย่างไร จึงเป็นฟ้องที่ไม่ได้บรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำผิดพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยทั้งสองเข้าใจข้อหาได้ดี แม้โจทก์จะบรรยายเลขสำนวนคดีที่จำเลยทั้งสองเบิกความมาในฟ้องและนำสืบอ้างสำนวนคดีนั้นมาด้วยก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่ปรากฏในสำนวนดังกล่าวไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้องของโจทก์ ฟ้องโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 291/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน – ข้อพิพาททางแพ่งตามคำพิพากษาคดีอาญา – การฎีกาขัดกับข้อเท็จจริงที่ศาลล่างวินิจฉัย
คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา จำเลยฎีกาเฉพาะคดีส่วนแพ่งซึ่งโจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินของโจทก์ ขอให้พิพากษาห้ามมิให้จำเลยเข้าไปเกี่ยวข้องในที่ดินของโจทก์ กับให้ใช้ค่าเสียหายคิดเท่ากับค่าเช่าเดือนละ300 บาท ถือได้ว่าเป็นคดีฟ้องขับไล่บุคคลในกรณีอื่นออกจากอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในขณะยื่นฟ้องอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละห้าพันบาท แต่จำเลยกล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 โจทก์ฟ้องว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยบุกรุกทำให้เสียหายขอให้ลงโทษและพิพากษาห้ามมิให้จำเลยเข้าไปเกี่ยวข้องในที่พิพาทและใช้ค่าเสียหาย คดีส่วนแพ่งศาลชั้นต้นพิพากษาห้ามมิให้จำเลยเข้าไปเกี่ยวข้องในที่พิพาท และชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ แต่คดีส่วนอาญาศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์ไม่อุทธรณ์ คดีส่วนอาญาจึงยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยอุทธรณ์และฎีกาเฉพาะในคดีส่วนแพ่ง แต่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46บัญญัติว่าในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา เมื่อศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงในคดีส่วนอาญาเป็นยุติว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่พิพาท ศาลฎีกาจึงต้องฟังข้อเท็จจริงตามคดีส่วนอาญาว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองที่พิพาท จะฟังข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2856/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จในคดีแพ่งเกี่ยวกับสัญญาซื้อขายที่ดินเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 177 แม้ไม่ทำให้โจทก์เสียหายโดยตรง
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทในคดีแพ่งไว้ว่า จำเลยได้ทำสัญญาจะขายที่ดินตามฟ้องให้แก่โจทก์หรือไม่ การที่จำเลยเบิกความในคดีดังกล่าวว่าจำเลยไม่ได้ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกับโจทก์ลายมือชื่อในสัญญาดังกล่าวไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยย่อมเป็นการเบิกความเกี่ยวกับประเด็นพิพาทอันเป็นข้อแพ้ชนะคดี ถือได้ว่าเป็นข้อสำคัญในคดีดังนั้น ไม่ว่าผลของคดีจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ต่อไปหรือไม่ เมื่อคำเบิกความนั้นเป็นเท็จแล้ว การกระทำของจำเลยย่อมเข้าครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 วรรคแรกหาจำต้องพิจารณาว่าการกระทำของจำเลยจะต้องก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ การกระทำนั้นจึงจะเป็นความผิดแต่อย่างใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 265/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงท้ากันทางศาล: ผลคดีอาญา (ปลอมแปลงพินัยกรรม) ผูกพันคดีแพ่ง (มรดก) ต้องรอฟังผลคดีอาญาถึงที่สุด
คู่ความตกลงท้ากันให้ถือเอาผลของคำพิพากษาคดีอาญาเป็นข้อวินิจฉัยว่าพินัยกรรมฉบับพิพาทปลอมหรือไม่ มีความหมายว่าคู่ความประสงค์ให้ถือเอาผลของคำพิพากษาที่ถึงที่สุดเป็นข้อแพ้ชนะในประเด็น ดังกล่าวดังนี้ ศาลต้องรอฟังผลของคำพิพากษาคดีอาญาที่ถึงที่สุดเป็น หลักในการวินิจฉัยคดีตามที่คู่ความท้ากัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 265/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงท้ากันให้ผลคดีอาญาผูกพันคดีแพ่ง: ศาลต้องรอฟังผลคดีอาญาถึงที่สุดก่อนวินิจฉัยคดีแพ่ง
คู่ความตกลงท้ากันให้ถือเอาผลของคำพิพากษาในคดีอาญาที่ว่าจำเลยปลอมพินัยกรรมฉบับพิพาทหรือไม่มาเป็นข้อวินิจฉัยว่าพินัยกรรมฉบับพิพาทเป็นพินัยกรรมปลอมหรือไม่ ตามข้อตกลงดังกล่าวย่อมมีความหมายว่า คู่ความประสงค์ให้ถือเอาผลของคำพิพากษาที่ถึงที่สุดเป็นข้อแพ้ชนะกันในประเด็นนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าคดีอาญายังไม่ถึงที่สุดเพราะอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ข้อเท็จจริงจึงยังไม่เป็นไปตามคำท้าดังนั้นที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่ได้ปลอมพินัยกรรมฉบับพิพาท โดยถือเอาผลของคำพิพากษาคดีอาญาซึ่งคดียังไม่ถึงที่สุดเป็นข้อวินิจฉัยคดีจึงไม่ชอบ เมื่อไม่ได้ความว่าคู่ความได้ยกเลิกคำท้า ศาลจึงต้องรอฟังผลของคำพิพากษาคดีอาญาที่ถึงที่สุดเป็นหลักในการวินิจฉัยคดีตามที่คู่ความท้ากันต่อไป
of 122