คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ที่ดินพิพาท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 507 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 481/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินพิพาท: การพิสูจน์เจตนาเป็นเจ้าของและการฟังพยานหลักฐาน
ฟ้องโจทก์กล่าวอ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินพิพาทติดต่อกันมา 10 ปีเศษ จำเลยเพิ่งบุกรุกเข้ามาครอบครองที่ดินพิพาทเมื่อก่อนฟ้องเพียง 1 เดือน โจทก์ทราบเมื่อฟ้องคดีนี้ว่า ศาลได้พิพากษาตามยอมให้นายแดงโอนขายที่ดินพิพาทให้จำเลยตามคดีแพ่งแดงที่ 2/2510 ส่วนจำเลยต่อสู้ว่า ได้ครอบครองที่ดินพิพาทตั้งแต่เวลาทำสัญญาซื้อขายกันประเด็นสำคัญของคดีจึงอยู่ที่ว่าฝ่ายใดครอบครองที่พิพาทด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยยังโต้เถียงกัน ชอบที่ศาลจะฟังพยานหลักฐานของคู่ความต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 481/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินพิพาท: เจตนาเป็นเจ้าของเป็นสำคัญ
ฟ้องโจทก์กล่าวอ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินพิพาทติดต่อกันมา 10 ปีเศษ จำเลยเพิ่งบุกรุกเข้ามาครอบครองที่ดินพิพาทเมื่อก่อนฟ้องเพียง 1 เดือน โจทก์ทราบเมื่อฟ้องคดีนี้ว่า ศาลได้พิพากษาตามยอมให้นายแดงโอนขายที่ดินพิพาทให้จำเลยตามคดีแพ่งแดงที่ 2/2510 ส่วนจำเลยต่อสู้ว่าได้ครอบครองที่ดินพิพาทตั้งแต่เวลาทำสัญญาซื้อขายกันประเด็นสำคัญของคดีจึงอยู่ที่ว่าฝ่ายใดครอบครองที่พิพาทด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยยังโต้เถียงกัน ชอบที่ศาลจะฟังพยานหลักฐานของคู่ความต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 326/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของรวมที่ดินพิพาท: การแบ่งปันต้องรวมทายาททั้งหมด
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่านาพิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยให้การว่ามีสิทธิได้รับส่วนแบ่งนาพิพาทบางส่วนร่วมกับโจทก์ ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์จำเลยต่างทำนาพิพาทด้วยกัน ต่างเป็นเจ้าของรวมกันดังนี้ คดียังอาจมีทายาทอื่นครอบครองนาพิพาทร่วมอีก ซึ่งมิได้เข้ามาในคดี จะกำหนดแบ่งส่วนเกี่ยวกับนาพิพาทให้แก่คู่ความยังไม่ได้ชอบที่จะว่ากล่าวกันเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก จึงต้องยกฟ้องคดีของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1648/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินพิพาท: การแจ้งการครอบครอง/น.ส.3 ไม่ก่อให้เกิดสิทธิหากที่ดินเป็นทางสาธารณะ
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ เพราะมีหนังสือแจ้งการครอบครอง(ส.ค.1) และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เป็นพยานหลักฐานจำเลยให้การต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นทางสาธารณะ แผนที่ที่ดินที่ปรากฏตามสำเนา ส.ค.1 และ น.ส.3 ท้ายฟ้องโจทก์ยังไม่ถูกต้อง เพราะความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ เป็นการตั้งประเด็นโต้แย้งโดยชัดแจ้งในคำให้การว่าที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ กับปฏิเสธแผนที่ตามสำเนา ส.ค.1 และ น.ส.3ท้ายฟ้องโจทก์ว่า ยังไม่ถูกต้อง จึงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยเพียงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์จริงดังโจทก์ฟ้องหรือไม่ โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายกล่าวอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จึงต้องเป็นฝ่ายนำสืบก่อน
ที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของถนนหรือทางสาธารณะ แม้โจทก์จะแจ้งการครอบครองหรือมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่โจทก์ที่จะอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1392/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องรื้อรั้วบุกรุกทางสาธารณะ: โจทก์ต้องพิสูจน์ว่าที่ดินพิพาทเป็นทางสาธารณะจริง และจำเลยบุกรุก
คำฟ้องของโจทก์.โจทก์อ้างแต่เพียงว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะจำเลยทั้งสามรุกล้ำเข้ามาในทางสาธารณะเป็นเหตุให้โจทก์ใช้ทางเข้าออกไม่ได้ โจทก์ได้รับความเสียหายจึงขอให้จำเลยทั้งสามเปิดทางสาธารณะ คำฟ้องเช่นนี้เป็นการฟ้องขอให้เปิดทางสาธารณะที่โจทก์ถือว่าจำเลยรุกล้ำ เมื่อข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่าจำเลยหาได้รุกล้ำทางสาธารณะไม่ ที่ดินที่โจทก์ว่าจำเลยรุกล้ำนั้นความจริงก็เป็นที่ของจำเลยเอง ไม่ใช่ทางสาธารณะ ดังนี้แล้วโจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องขอให้จำเลยเปิดทางขยายรั้วหรือรื้อรั้วที่จำเลยสร้างขึ้นใหม่นั้นได้การที่โจทก์บรรยายฟ้องอ้างว่าได้ใช้ทางเดินนี้มาเกิน 10 ปีแล้วก็เป็นแต่เพียงแสดงข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้ใช้ทางนี้มานาน แต่มิได้หมายความว่าโจทก์ประสงค์จะให้จำเลยเปิดทางในฐานะเป็นทางภารจำยอม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 82/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำและบังคับตามคำพิพากษาตามยอม การฟ้องร้องประเด็นกรรมสิทธิ์ที่ดินซ้ำกับคดีเดิมที่ศาลตัดสินแล้วเป็นฟ้องซ้ำ
ตามฟ้องโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปขุดดินทำไร่ไถนาในที่ดินของโจทก์ภายในเขตเสาหินที่เจ้าพนักงานปักไว้ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยไม่รู้แนวเขตที่ของโจทก์จำเลยแน่ชัด จำเลยเข้าใจว่าเป็นเขตที่ดินของตนเอง ไม่มีเจตนาบุกรุกที่ดินโจทก์ดังนี้ จำเลยจะมายกข้อต่อสู้ในชั้นฎีกาว่าโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายเพราะโจทก์ยังไม่ได้เข้าครอบครองที่ดินส่วนของโจทก์เนื่องจากยังมิได้มีการทำสัญญาแบ่งแยกนั้นหาได้ไม่เพราะเป็นข้อที่มิได้กล่าวอ้างมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ และทั้งมิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแต่อย่างใด
โจทก์เคยเป็นความกับจำเลยมาก่อนในคดีแดงที่ 211/2505 ของศาลจังหวัดนครปฐม ซึ่งผลที่สุดได้ตกลงทำสัญญายอมความแบ่งที่พิพาทกันและศาลได้พิพากษาตามสัญญายอมอันถึงที่สุดแล้วเช่นนี้เมื่อปรากฏว่าจำเลยขัดขืนไม่ยอมไปทำสัญญาแบ่งแยกที่ดินซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินได้ไปดำเนินการรังวัดแบ่งแยกต่อสำนักงานทะเบียนที่ดินก็ชอบที่โจทก์จะดำเนินการบังคับคดีให้มีการปฏิบัติตามข้อตกลงในคดีเดิมนั้นเองการที่โจทก์มาฟ้องจำเลยให้ไปทำสัญญาแบ่งแยกที่ดินอันเป็นประเด็นเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทรายเดียวกันนี้อีก จึงเป็นฟ้องซ้ำกับคดีเดิมดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1805/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมคบกันยอมความและการโอนที่ดินพิพาท โจทก์มีสิทธิขอให้ศาลสืบพยานเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองสมคบกันยอมความ โดยจำเลยที่ 1 สมยอมยกที่พิพาทให้จำเลยที่ 2 ซึ่งประเด็นข้อนี้จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ. ดังนี้ ข้อเท็จจริงยังไม่ยุติ. โจทก์และจำเลยที่ 2 ชอบที่จะนำสืบตามประเด็นแห่งคดีให้สิ้นกระแสความได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1992/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดเขตที่ดินพิพาท: โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อนหากอ้างว่าที่ดินอยู่ในโฉนดของตน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกที่พิพาทซึ่งอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์ จำเลยให้การว่าที่ดินตามโฉนดของโจทก์มีอาณาเขตติดกับที่ดินตามโฉนดของจำเลยจริง จำเลยไม่ได้บุกรุกที่ดินของโจทก์ และว่าที่พิพาทเป็นที่ดินอยู่ในเขตโฉนดซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยแล้ว ประเด็นจึงมีว่า ที่พิพาทอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์หรือจำเลยเท่านั้น โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน จำเลยมิได้ยอมรับว่าที่พิพาทเป็นที่ธรณีสงฆ์ซึ่งมีชื่อโจทก์เป็นเจ้าของในโฉนด หรือต่อสู้ว่าจำเลยได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ต่อโจทก์ โจทก์จะยกเอาข้อสันนิษฐานของกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1373 มาเป็นประโยชน์ในคดีนี้ว่าจำเลยมีหน้าที่นำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมายข้อนี้ จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อน ดังนี้ ย่อมไม่ได้
เมื่อศาลฟังว่า ที่พิพาทอยู่ในโฉนดของจำเลยทั้งสองมิได้ฟังว่าเป็นที่ธรณีสงฆ์ซึ่งอยู่ในโฉนดของโจทก์ซึ่งเป็นวัด ไม่จำต้องหยิบยกเอาพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ใช้บังคับ
จำเลยให้การต่อสู้คดีว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในโฉนด ไม่ใช่ที่ดินในโฉนดของโจทก์ แม้จำเลยจะไม่ฟ้องแย้งด้วย ก็มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยอยู่แล้วว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินในเขตโฉนดของโจทก์หรือของจำเลย ศาลย่อมวินิจฉัยไปตามประเด็นนั้นได้โดยไม่ต้องให้จำเลยฟ้องแย้ง คำวินิจฉัยของศาลที่เชื่อว่าที่พิพาทอยู่ในเขตโฉนดของจำเลยพิพากษายกฟ้อง จึงเป็นคำวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็น ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1096/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: ที่ดินพิพาทเคยมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว การฟ้องคดีซ้ำในประเด็นสิทธิเดิมย่อมเป็นฟ้องซ้ำที่ต้องห้าม
ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินแปลงเดียวกับที่ดินของจำเลยร่วมชำระคดีโจทก์ คดีถึงที่สุดแล้ว ฉะนั้น การที่โจทก์นำเรื่องที่ดินรายเดียวกันนั้นมาฟ้องเป็นคดีนี้อีก แม้จะเป็นเพียงที่ส่วนหนึ่งและเปลี่ยนตัวจำเลยจากจำเลยร่วมมาเป็นจำเลยคดีนี้ ก็คงมีประเด็นเพียงว่าที่พิพาทในคดีนี้เป็นของใครเท่านั้น กรณีเป็นเรื่องที่มีประเด็นซึ่งศาลได้วินิจฉัยมาแล้วโดยเหตุอย่างเดียวกัน ซึ่งศาลชี้ขาดมาแล้วในสิทธิของที่พิพาทว่าเป็นของจำเลยร่วม จึงไม่มีประเด็นจะต้องวินิจฉัยซ้ำในเรื่องสิทธิแห่งที่พิพาทอีก เพราะเป็นฟ้องซ้ำ และที่ดินรายนี้จำเลยขายให้ภริยาจำเลย ฐานะของจำเลยไม่ใช่คู่สัญญาซื้อขายที่แปลงนี้โดยตรงกับจำเลยร่วมก็จริงแต่จำเลยเป็นสามีของ ฟ. ภริยาจำเลยคู่สัญญาซื้อขายกับจำเลยร่วม ก็มีสิทธิเป็นเจ้าของร่วมในที่ดินแปลงนี้ด้วย ในคดีนี้จำเลยร่วมได้ถูกเรียกเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ทั้งจำเลยและจำเลยร่วมย่อมชอบที่จะอ้างสิทธิอันมีมาก่อนเป็นข้อต่อสู้ได้โดยชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1096/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: ที่ดินพิพาทเคยมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว โจทก์ฟ้องซ้ำไม่ได้ แม้จำเลยเปลี่ยนไป
ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินแปลงเดียวกับที่ดินของจำเลยร่วมชำระคดีโจทก์. คดีถึงที่สุดแล้ว ฉะนั้น การที่โจทก์นำเรื่องที่ดินรายเดียวกันนั้นมาฟ้องเป็นคดีนี้อีก แม้จะเป็นเพียงที่ส่วนหนึ่งและเปลี่ยนตัวจำเลยจากจำเลยร่วมมาเป็นจำเลยคดีนี้. ก็คงมีประเด็นเพียงว่าที่พิพาทในคดีนี้เป็นของใครเท่านั้น. กรณีเป็นเรื่องที่มีประเด็นซึ่งศาลได้วินิจฉัยมาแล้วโดยเหตุอย่างเดียวกัน. ซึ่งศาลชี้ขาดมาแล้วในสิทธิของที่พิพาทว่าเป็นของจำเลยร่วม. จึงไม่มีประเด็นจะต้องวินิจฉัยซ้ำในเรื่องสิทธิแห่งที่พิพาทอีก.เพราะเป็นฟ้องซ้ำ. และที่ดินรายนี้จำเลยขายให้ภริยาจำเลย. ฐานะของจำเลยแม้จะไม่ใช่คู่สัญญาซื้อขายที่แปลงนี้โดยตรงกับจำเลยร่วมก็จริง.แต่จำเลยเป็นสามีของ ฟ. ภริยาจำเลยคู่สัญญาซื้อขายกับจำเลยร่วม ก็มีสิทธิเป็นเจ้าของร่วมในที่แปลงนี้ด้วย. ในคดีนี้จำเลยร่วมได้ถูกเรียกเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ทั้งจำเลยและจำเลยร่วมย่อมชอบที่จะอ้างสิทธิอันมีมาก่อนเป็นข้อต่อสู้ได้โดยชอบ.
of 51