พบผลลัพธ์ทั้งหมด 787 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2033/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องฐานบุกรุกต้องระบุเจตนาและองค์ประกอบความผิดชัดเจน มิฉะนั้นฟ้องไม่สมบูรณ์
โจทก์บรรยายฟ้องในข้อหาฐานบุกรุกว่า จำเลยได้ใช้พลั่วขุดดินในลำรางซึ่งอยู่ติดกับที่นาของโจทก์ แล้วจำเลยเหวี่ยงดินที่ขุดเข้าไปในที่นาของโจทก์ และจำเลยได้ขนเอาหนามมากองไว้ในที่นาของโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหายทำนาไม่ได้ ฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายถึงองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 เมื่ออ่านฟ้องโดยตลอดแล้วก็ยังไม่เข้าใจว่าจำเลยได้บุกรุกเข้าไปในที่นาของโจทก์โดยเจตนา เพื่อยึดถือการครอบครองที่นาของโจทก์ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือจำเลยได้บุกรุกเข้าไปกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์โดยปกติสุข คำฟ้องของโจทก์จึงไม่สมบูรณ์ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2033/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องฐานบุกรุกต้องระบุเจตนาและลักษณะการกระทำที่ชัดเจน หากไม่ชัดเจนถือว่าฟ้องไม่สมบูรณ์
โจทก์บรรยายฟ้องในข้อหาฐานบุกรุกว่า จำเลยได้ใช้พลั่วขุดดินในลำรางซึ่งอยู่ติดกับที่นาของโจทก์แล้วจำเลยเหวี่ยงดินที่ขุดเข้าไปในที่นาของโจทก์ และจำเลยได้ขนเอาหนามมากองไว้ในที่นาของโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหายทำนาไม่ได้ ฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายถึงองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 เมื่ออ่านฟ้องโดยตลอดแล้วก็ยังไม่เข้าใจว่าจำเลยได้บุกรุกเข้าไปในที่นาของโจทก์โดยเจตนาเพื่อยึดถือการครอบครองที่นาของโจทก์ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือจำเลยได้บุกรุกเข้าไปกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์โดยปกติสุข คำฟ้องของโจทก์จึงไม่สมบูรณ์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 67/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมความในคดีบุกรุกและการระงับสิทธิฟ้องร้อง รวมถึงข้อจำกัดในการโต้แย้งข้อเท็จจริงในฎีกา
ปรากฏจากบันทึกว่า ผู้เสียหายได้กล่าวหาจำเลยที่ 1 กับพวกอีก 2 คนว่าบุกรุกที่ดินผู้เสียหาย ในที่สุดจำเลยที่ 1 กับพวกรับว่าได้บุกรุกและยอมออกไปจากที่ดินของผู้เสียหายแต่จำเลยที่ 1 คนเดียวไม่ยอมออกไป คงครอบครองที่ดินนั้นตลอดมา ถือได้ว่าผู้เสียหายกับจำเลยที่ 1 ได้ยอมความกันโดยตกลงเลิกคดีกันแล้ว สิทธินำคดีมาฟ้องของโจทก์ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (2) การที่จำเลยที่ 1 ผิดเงื่อนไขไม่ยอมออกไปจากที่ดินเป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงว่ามิได้มีการร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 โจทก์จะฎีกาว่ามีการร่วมกันบุกรุกซึ่งเป็นข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงว่ามิได้มีการร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 โจทก์จะฎีกาว่ามีการร่วมกันบุกรุกซึ่งเป็นข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 67/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมความในคดีบุกรุก และข้อจำกัดในการอุทธรณ์คดีที่ศาลชั้นต้นยกฟ้อง
ปรากฏจากบันทึกข้อตกลงว่า ผู้เสียหายได้กล่าวหาจำเลยที่ 1 กับพวกอีก 2 คนว่าบุกรุกที่ดินผู้เสียหายในที่สุดจำเลยที่ 1 กับพวกรับว่าได้บุกรุกและยอมออกไปจากที่ดินของผู้เสียหาย แต่จำเลยที่ 1 คนเดียวไม่ยอมออกไป คงครอบครองที่ดินนั้นตลอดมา ถือได้ว่าผู้เสียหายกับจำเลย ที่ 1 ได้ยอมความกันโดยตกลงเลิกคดีกันแล้ว สิทธินำคดีมาฟ้องของโจทก์ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) การที่จำเลยที่ 1 ผิดเงื่อนไขไม่ยอมออกไปจากที่ดินเป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงว่ามิได้มีการร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365 โจทก์จะฎีกาว่ามีการร่วมกันบุกรุกซึ่งเป็นข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงว่ามิได้มีการร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365 โจทก์จะฎีกาว่ามีการร่วมกันบุกรุกซึ่งเป็นข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 624/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกโรงเรียนที่หมดอายุสัญญาเช่า แม้เจ้าของเป็นชื่อในนาม แต่ยังมีหน้าที่ครอบครองดูแลรักษา
จำเลยเอาข้าวเปลือกเข้าไปเก็บไว้ในอาคารโรงเรียนที่เกิดเหตุโดยมิได้รับอนุญาต แม้โรงเรียนจะเป็นของส่วนรวม ส. ผู้เสียหายเป็นเจ้าของแต่เพียงในนามเพื่อให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร์ ปลูกสร้างอยู่ในที่ดินของมารดาจำเลยและหมดอายุสัญญาเช่าแล้ว ส.ผู้เสียหายก็มีหน้าที่ครอบครองดูแลรักษาโรงเรียนที่เกิดเหตุการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 406/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดหลายกรรมต่างกัน: บุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ จำเลยรับสารภาพ
ฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยกระทำผิดกฎหมายหลายกรรมต่างกันโดยแยกเป็น 2 ข้อ คือ ฐานบุกรุกและฐานทำให้เสียทรัพย์ ทั้งจำเลยก็ให้การรับสารภาพตามฟ้อง ซึ่งถือได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำผิดทั้ง 2 ฐาน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 383/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองสาธารณสมบัติของแผ่นดิน การบุกรุกต้องกระทบสิทธิครอบครองของผู้อื่น
กรณีจะเป็นความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา362,365 ได้ต้องเป็นเรื่องกระทำต่อสิทธิครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น
ที่พิพาทเป็นหนองน้ำสาธารณะอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1304 กรมประมงได้ประกาศให้เป็นที่จับสัตว์น้ำประเภทที่อนุญาตตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ.2490 มาตรา 7และอนุญาตให้โจทก์ทำการประมงและเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้ดังนี้ โจทก์คงมีแต่เพียงสิทธิตามที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น หามีสิทธิครอบครองหนองน้ำพิพาทไม่ การที่จำเลยเข้าไปปลูกบัวในหนองดังกล่าวจึงไม่ทำให้โจทก์เป็นผู้เสียหายในความผิดฐานบุกรุกแต่อย่างใด
ที่พิพาทเป็นหนองน้ำสาธารณะอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1304 กรมประมงได้ประกาศให้เป็นที่จับสัตว์น้ำประเภทที่อนุญาตตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ.2490 มาตรา 7และอนุญาตให้โจทก์ทำการประมงและเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้ดังนี้ โจทก์คงมีแต่เพียงสิทธิตามที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น หามีสิทธิครอบครองหนองน้ำพิพาทไม่ การที่จำเลยเข้าไปปลูกบัวในหนองดังกล่าวจึงไม่ทำให้โจทก์เป็นผู้เสียหายในความผิดฐานบุกรุกแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3693/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพที่ไม่สมบูรณ์และการปฏิเสธความผิดในคดีบุกรุกและรบกวนการครอบครองทรัพย์สิน
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงโดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายโดยไม่มีเหตุอันสมควรและด่าผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายโดยปกติสุข จำเลยให้การว่าได้เข้าไปในบ้านของผู้เสียหายเพื่อพูดขอยืมเงิน เป็นเรื่องที่จำเลยกล่าวอ้างว่าเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายโดยมีเหตุอันสมควรอันเป็นคำให้การปฏิเสธและเมื่อจำเลยให้การต่อไปว่า ไม่มีเงินต่อสู้คดีขอรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ จึงต้องถือว่าจำเลยให้การปฏิเสธ ศาลแขวงชอบที่จะสั่งให้โจทก์รับตัวจำเลยคืนเพื่อดำเนินการต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3619/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีบุกรุกมรดก: ทายาทมีสิทธิฟ้องได้แม้ไม่ได้รับมอบอำนาจจากทายาทอื่น หากมรดกยังไม่ได้แบ่งแยก
บิดาโจทก์ถึงแก่กรรมโดยไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ ที่พิพาทส่วนของบิดาโจทก์จึงเป็นมรดกตกได้แก่ทายาท แม้โจทก์ซึ่งเป็นทายาทมีสิทธิรับมรดกผู้หนึ่งจะมิได้รับมอบอำนาจจากทายาทอื่น แต่ที่พิพาทยังมิได้แบ่งแยกให้เป็นของผู้ใด โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้บุกรุกที่พิพาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3282/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการสั่งให้จำเลยออกจากที่ดินที่บุกรุกในคดีอาญา: ศาลสั่งได้เฉพาะโทษอาญา
ในคดีอาญาที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานบุกรุกและมีคำขอให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินที่บุกรุกด้วย แม้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานบุกรุก ก็ต้องยกคำขอที่ให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินที่บุกรุก เพราะไม่มีกฎหมายให้อำนาจศาลสั่งตามคำขอเช่นนั้นได้