พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,106 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3001/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของพินัยกรรมแบบเอกสารลับและธรรมดา การตั้งผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม
ลายมือชื่อของผู้ร้องอยู่เหนือลายมือชื่อของว. และไม่มีข้อความต่อท้ายว่า"ผู้พิมพ์"ส่วนลายมือชื่อของว.มีข้อความต่อท้ายว่า"ผู้พิมพ์"และว.เบิกความว่าตนเป็นผู้พิมพ์พินัยกรรมทั้งโดยปกติน่าจะพิมพ์คนเดียวกรณีจึงมีข้อสงสัยว่าผู้ร้องเป็นผู้พิมพ์พินัยกรรมด้วยหรือไม่ซึ่งต้องตีความไปในทางที่เป็นคุณแก่ผู้ร้องซึ่งจะเป็นผู้ต้องเสียหายในการนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา11จึงจะฟังว่าผู้ร้องเป็นผู้พิมพ์พินัยกรรมด้วยหาได้ไม่กรณีจึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1653วรรคแรกอันจะทำให้พินัยกรรมหรือข้อกำหนดในพินัยกรรมเป็นโมฆะตามมาตรา1705เมื่อพินัยกรรมได้ทำผิดแบบพินัยกรรมเอกสารลับอันทำให้ตกเป็นโมฆะแต่พินัยกรรมดังกล่าวก็ได้ทำขึ้นถูกต้องตามแบบพินัยกรรมธรรมดาดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1656ทุกประการพฤติการณ์แห่งคดีเป็นที่พึงสันนิษฐานได้ว่าถ้าเดิมทีผู้ทำพินัยกรรมรู้ว่าพินัยกรรมที่ตนทำนั้นไม่สมบูรณ์เป็นพินัยกรรมแบบเอกสารลับก็คงจะได้ตั้งใจให้สมบูรณ์เป็นพินัยกรรมแบบธรรมดากรณีเข้าลักษณะตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา136เดิมพินัยกรรมจึงสมบูรณ์เป็นพินัยกรรมแบบธรรมดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1656และตามพินัยกรรมดังกล่าวระบุให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกและเป็นผู้รับพินัยกรรมผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของผู้ตายตามพินัยกรรมทั้งได้ความว่าการจัดการมรดกของผู้ตายมีเหตุขัดข้องในการจัดการผู้ร้องไม่เป็นบุคคลต้องห้ามในการเป็นผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1718จึงสมควรตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายตามพินัยกรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2841/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการมรดก: เหตุเพิกถอนผู้จัดการมรดก, การอ้างทายาทเพิ่มเติม, และข้อจำกัดการยกเหตุใหม่ในชั้นอุทธรณ์
ป.พ.พ. มาตรา 1713 วรรคหนึ่ง (2) กำหนดให้ทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียร้องขอต่อศาลให้ตั้งผู้จัดการมรดกได้ ในกรณีที่มีเหตุขัดข้องในการจัดการหรือในการแบ่งปันมรดก เมื่อปรากฏว่าผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายเสร็จสิ้นแล้ว เหตุแห่งการขัดข้องในการจัดการทรัพย์มรดกจึงหมดไปกรณีจึงไม่มีความจำเป็นที่จะตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกอีก
ส่วนที่ผู้คัดค้านอ้างว่า ผู้ร้องปกปิดความจริงว่า ผู้คัดค้านเป็นทายาทโดยธรรมที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายอีกคนหนึ่ง และยังมีทรัพย์มรดกอื่นที่ผู้ร้องมิได้ระบุมาในคำร้อง เมื่อผู้คัดค้านมิได้มีข้อเท็จจริงอื่นมาประกอบเพื่อให้รับฟังโดยชัดแจ้งว่า ผู้ร้องมีเจตนาปกปิดทรัพย์มรดกและทายาท อันเป็นเหตุอย่างอื่นที่ทำให้ผู้ร้องไม่ควรเป็นผู้จัดการมรดกต่อไป ทั้งคำร้องของผู้คัดค้านก็ไม่มีข้อความใดที่แสดงให้เห็นปรากฏชัดแจ้งว่า ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกไม่สามารถหรือละเลยไม่ทำการตามหน้าที่ อันจะเป็นเหตุให้สมควรสั่งเพิกถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดก กรณีจึงยังไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนมิให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกตาม ป.พ.พ.มาตรา 1727
ข้อเท็จจริงที่ผู้คัดค้านไม่ได้ยกขึ้นกล่าวอ้างไว้ในคำร้องคัดค้านมาแต่แรก เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น แม้ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้ก็ยังถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เป็นการไม่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคแรก
การที่ผู้คัดค้านขอให้ศาลสั่งแสดงว่า ผู้คัดค้านเป็นบุตรบุญธรรมย่อมเป็นทายาทโดยธรรมที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย นอกจากมิได้มีกฎหมายบัญญัติรองรับให้ผู้คัดค้านใช้สิทธิร้องขอต่อศาลได้ในกรณีเช่นนี้แล้ว กรณีก็มิใช่ความจำเป็นที่จะต้องใช้สิทธิทางศาล เพราะหากผู้คัดค้านเป็นบุตรบุญธรรมและทายาทโดยธรรมที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายจริง ผู้คัดค้านย่อมมีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายในฐานะเช่นนั้นอยู่แล้ว หากมีผู้ใดโต้แย้งว่า ผู้คัดค้านมิใช่บุตรบุญธรรมและทายาทที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย ผู้คัดค้านย่อมมีสิทธิฟ้องเป็นคดีมีข้อพิพาทได้
ส่วนที่ผู้คัดค้านอ้างว่า ผู้ร้องปกปิดความจริงว่า ผู้คัดค้านเป็นทายาทโดยธรรมที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายอีกคนหนึ่ง และยังมีทรัพย์มรดกอื่นที่ผู้ร้องมิได้ระบุมาในคำร้อง เมื่อผู้คัดค้านมิได้มีข้อเท็จจริงอื่นมาประกอบเพื่อให้รับฟังโดยชัดแจ้งว่า ผู้ร้องมีเจตนาปกปิดทรัพย์มรดกและทายาท อันเป็นเหตุอย่างอื่นที่ทำให้ผู้ร้องไม่ควรเป็นผู้จัดการมรดกต่อไป ทั้งคำร้องของผู้คัดค้านก็ไม่มีข้อความใดที่แสดงให้เห็นปรากฏชัดแจ้งว่า ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกไม่สามารถหรือละเลยไม่ทำการตามหน้าที่ อันจะเป็นเหตุให้สมควรสั่งเพิกถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดก กรณีจึงยังไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนมิให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกตาม ป.พ.พ.มาตรา 1727
ข้อเท็จจริงที่ผู้คัดค้านไม่ได้ยกขึ้นกล่าวอ้างไว้ในคำร้องคัดค้านมาแต่แรก เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น แม้ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้ก็ยังถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เป็นการไม่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคแรก
การที่ผู้คัดค้านขอให้ศาลสั่งแสดงว่า ผู้คัดค้านเป็นบุตรบุญธรรมย่อมเป็นทายาทโดยธรรมที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย นอกจากมิได้มีกฎหมายบัญญัติรองรับให้ผู้คัดค้านใช้สิทธิร้องขอต่อศาลได้ในกรณีเช่นนี้แล้ว กรณีก็มิใช่ความจำเป็นที่จะต้องใช้สิทธิทางศาล เพราะหากผู้คัดค้านเป็นบุตรบุญธรรมและทายาทโดยธรรมที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายจริง ผู้คัดค้านย่อมมีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายในฐานะเช่นนั้นอยู่แล้ว หากมีผู้ใดโต้แย้งว่า ผู้คัดค้านมิใช่บุตรบุญธรรมและทายาทที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย ผู้คัดค้านย่อมมีสิทธิฟ้องเป็นคดีมีข้อพิพาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 283/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิและหน้าที่ของผู้จัดการมรดกในการจัดการแบ่งทรัพย์มรดก และสิทธิของทายาทในการเรียกร้องทรัพย์มรดก
ในกรณีที่มี ทายาทหลายคน ทายาทเหล่านั้นมีสิทธิและหน้าที่เกี่ยวกับทรัพย์มรดกร่วมกันจนกว่าจะได้ แบ่งมรดกกันเสร็จแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1745และมาตราดังกล่าวให้นำมาตรา1356ถึงมาตรา1366มาบังคับโดยไม่ขัดกับบทบัญญัติในบรรพ6ซึ่งตามมาตรา1363ก็บัญญัติให้สิทธิเจ้าของร่วมคนหนึ่งมีสิทธิเรียกให้แบ่งทรัพย์ได้ฉะนั้นเมื่อจำเลยเป็น ทายาทจึงมีหน้าที่ต้องบอกทรัพย์มรดกตามที่รู้ทั้งหมดแก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกตามมาตรา1735แม้จำเลยจะเป็นเจ้าของร่วมอยู่จำเลยก็ยังมิได้เป็นเจ้าของโดยเฉพาะเจาะจงและทายาทอื่นมีสิทธิเรียกให้แบ่งทรัพย์ได้โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกจึงมี อำนาจฟ้องจำเลยให้ส่งมอบการครอบครองให้โจทก์เข้าครอบครองในฐานะเจ้าของร่วมและส่งมอบใบจองกับโฉนดที่ดินเพื่อโจทก์จะนำไปแบ่งปันให้ทายาทต่อไปได้ โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกฟ้องขอให้จำเลยส่งมอบการถือครองที่ดินและเอกสารใบจองและโฉนดที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์มรดกให้โจทก์เพื่อแบ่งปันให้แก่ทายาทต่อไปแม้จำเลยจะให้การต่อสู้ว่าที่ดินเป็นของจำเลยแต่ก็ถือได้ว่าจำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเอาที่ดินและใบจองกับโฉนดที่ดินจากจำเลยหรือจำเลยไม่ต้องส่งมอบใบจองและโฉนดที่ดินให้โจทก์เท่านั้นจึงเป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้มิใช่เป็นคดีพิพาทอันเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2719/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะผู้จัดการมรดกคดีแพ่งไม่ผูกพันคดีอาญา แม้ศาลสั่งถอนแต่คดียังไม่ถึงที่สุด ผู้เสียหายยังฟ้องได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ถอนโจทก์ออกจากการเป็นผู้จัดการมรดก ของ ช. ในคดีแพ่ง แต่คดียังไม่ถึงที่สุด เพราะโจทก์อุทธรณ์ ข้อเท็จจริงยังรับฟังเป็นยุติไม่ได้ จึงใช้ยัน บุคคลภายนอกคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145(1) ไม่ได้ ส่วนบทบัญญัติวรรคแรกที่ว่าคำพิพากษาหรือคำสั่งใด ๆ ให้มีผลผูกพันนับแต่วันที่ได้มีคำพิพากษา หรือคำสั่งจนถึงวันที่คำพิพากษาหรือคำสั่งดังกล่าว ถูกเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นเป็นเรื่องที่ให้ถือว่าผูกพัน คู่ความในกระบวนพิจารณาของศาลที่พิพากษาหรือมีคำสั่งเท่านั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ถอนโจทก์จากการเป็นผู้จัดการมรดกจึงมีผลผูกพันเฉพาะคู่ความในคดีแพ่งนั้นของศาลชั้นต้นไม่มีผลผูกพันถึงคู่ความในคดีนี้ แม้จำเลยจะเป็นผู้ร้องขอให้ถอนโจทก์ออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกในคดีดังกล่าวก็ตาม แต่ก็เป็นคู่ความคนละคดีกัน จำเลยจึงไม่อาจยกขึ้นอ้างอิงในคดีนี้ได้ โจทก์ยังคงมีฐานะเป็นผู้จัดการมรดกของช. อยู่ จึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องจำเลยฐานปลอมตั๋วสัญญาใช้เงินของ ช. เป็นคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2719/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะผู้จัดการมรดกยังไม่สิ้นสุด แม้มีคำสั่งถอนจากการเป็นผู้จัดการมรดกในคดีแพ่งอื่น โจทก์มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ถอนโจทก์ออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของช. ในคดีแพ่งแต่คดียังไม่ถึงที่สุดเพราะโจทก์อุทธรณ์ข้อเท็จจริงยังรับฟังเป็นยุติไม่ได้จึงใช้ยันบุคคลภายนอกคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา145(1)ไม่ได้ส่วนบทบัญญัติวรรคแรกที่ว่าคำพิพากษาหรือคำสั่งใดๆให้มีผลผูกพันนับแต่วันที่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งจนถึงวันที่คำพิพากษาหรือคำสั่งดังกล่าวถูกเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นเป็นเรื่องที่ให้ถือว่าผูกพันคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาลที่พิพากษาหรือมีคำสั่งเท่านั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ถอนโจทก์จากการเป็นผู้จัดการมรดกจึงมีผลผูกพันเฉพาะคู่ความในคดีแพ่งนั้นของศาลชั้นต้นไม่มีผลผูกพันถึงคู่ความในคดีนี้แม้จำเลยจะเป็นผู้ร้องขอให้ถอนโจทก์ออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกในคดีดังกล่าวก็ตามแต่ก็เป็นคู่ความคนละคดีกันจำเลยจึงไม่อาจยกขึ้นอ้างอิงในคดีนี้ได้โจทก์ยังคงมีฐานะเป็นผู้จัดการมรดกของช. อยู่จึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องจำเลยฐานปลอมตั๋วสัญญาใช้เงินของช. เป็นคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2610/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ร่วมที่ดินมรดก: การโอนขายโดยผู้จัดการมรดกแต่ผู้เดียวไม่ชอบ ผู้ซื้อได้กรรมสิทธิ์เฉพาะส่วน
ที่ดินและตึกแถวพิพาทจำเลยได้มาขณะจำเลยเป็นสามี ส.แม้จะมิได้จดทะเบียนสมรสกัน ที่ดินและตึกแถวพิพาทก็เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยและ ส.คนละครึ่งในฐานะเป็นหุ้นส่วนกันเมื่อส.ถึงแก่ความตายที่ดินและตึกแถวพิพาท ส่วนของ ส. จึงเป็นมรดกตกทอดแก่ ร.ซึ่งเป็นทายาทการที่ร. จดทะเบียนโอนที่ดินและตึกแถวพิพาทเป็นของตนแต่ผู้เดียวจึงไม่ชอบและไม่มีอำนาจนำที่ดินและตึกแถวพิพาทส่วนของจำเลยไปขายให้แก่โจทก์โดยจำเลยไม่ยินยอมโจทก์ผู้ซื้อจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในส่วนของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2610/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินและตึกแถว: การโอนขายโดยผู้จัดการมรดกที่ไม่ชอบ ศาลยกฟ้อง
ที่ดินและตึกแถวพิพาทจำเลยได้มาขณะจำเลยเป็นสามี ส.แม้จะมิได้จดทะเบียนสมรสกันที่ดินและตึกแถวพิพาทก็เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยและ ส. คนละครึ่งในฐานะเป็นหุ้นส่วนกันเมื่อ ส.ถึงแก่ความตายที่ดินและตึกแถวพิพาทส่วนของ ส. จึงเป็นมรดกตกทอดแก่ ร. ซึ่งเป็นทายาทการที่ ร. จดทะเบียนโอนที่ดินและตึกแถวพิพาทเป็นของตนแต่ผู้เดียวจึงไม่ชอบและไม่มีอำนาจนำที่ดินและตึกแถวพิพาทส่วนของจำเลยไปขายให้แก่โจทก์โดยจำเลยไม่ยินยอมโจทก์ผู้ซื้อจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในส่วนของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2515/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาขายลดเช็คมีผลผูกพัน แม้เช็คไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ ผู้จัดการมรดกต้องรับผิดตามสัญญา
จำเลยทั้งสองให้การว่า จ. ได้ลงลายมือชื่อในสัญญาขายลดเช็คในฐานะผู้ให้สัญญาแต่ฝ่ายเดียวจึงเป็นคำเสนอของ จ. ยังไม่เกิดเป็นสัญญาที่บังคับได้ดังนี้คำให้การจำเลยทั้งสองดังกล่าวเท่ากับจำเลยทั้งสองให้การยอมรับว่า จ. ได้ลงลายมือชื่อทำสัญญาขายลดเช็คกับโจทก์แล้วฎีกาจำเลยทั้งสองที่ว่าตามปกติ จ. จะลงลายมือชื่อในเอกสารเป็นลายเซ็นไม่ใช่ลายมือเขียนลายมือชื่อในช่องผู้ให้สัญญาในสัญญาขายลดเช็คจะเป็นลายเซ็นของ จ. หรือไม่ไม่ทราบจึงฟังไม่ขึ้น สัญญาขายลดเช็คไม่มีกฎหมายบังคับว่าต้องทำเป็นหนังสือหรือต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือเมื่อผู้ทำสัญญาได้ลงลายมือชื่อในสัญญาแล้วแม้จะมีพยานหรือไม่มีพยานลงลายมือชื่อในสัญญาสัญญาก็มีผลบังคับได้หากจะมีการเพิ่มเติมชื่อพยานลงในสัญญาภายหลังโดยไม่ได้แก้ไขข้อความก็ไม่ทำให้สัญญาเสียไป แม้ตามสัญญาขายลดเช็คจะมีข้อความว่า จ. นำเช็คมาขายเพื่อแลกเงินสดจากโจทก์แต่ จ. ก็ได้ทำสัญญากับโจทก์ไว้ว่าหากธนาคารไม่สามารถเรียกเก็บเงินตามเช็คได้ จ. ก็ยินยอมชำระเงินให้ทันทีที่ได้รับแจ้งจากธนาคารอันเป็นข้อสัญญาต่างหากว่าแม้เช็คจะเรียกเก็บเงินไม่ได้ผู้ขายเช็คก็ยินยอมใช้เงินตามเช็คให้โจทก์ทันทีดังนั้นแม้เช็คจะเรียกเก็บเงินไม่ได้เพราะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินและกำหนดอายุความฟ้องเรียกเงินตามเช็คได้สิ้นไปแล้วโจทก์ก็ยังมีสิทธิฟ้องเรียกให้ จ. ใช้เงินตามเช็คให้โจทก์ได้ตามสัญญากฎหมายไม่ได้กำหนดอายุความในการฟ้องเรียกเงินตามสัญญาขายลดเช็คไว้จึงต้องถือว่ามีอายุความ10ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา164เดิมจำเลยผู้จัดการมรดกของ จ. จึงไม่อาจอ้างอายุความ1ปีตามมาตรา1002ขึ้นต่อสู้โจทก์ได้ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ จ. ได้ทำสัญญาขายลดเช็คแก่โจทก์2ฉบับเมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน จ. จึงต้องรับผิดใช้เงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์เมื่อ จ. ถึงแก่กรรมจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของ จ. จึงต้องรับผิดใช้เงินแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2460/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้จัดการมรดกขอแบ่งแยกโฉนดที่ดินมรดก แม้ผู้รับพินัยกรรมไม่มีตัวตน และการกำหนดค่าทนายความ
โจทก์ฟ้องจำเลยเพื่อขอแบ่งแยกและลงชื่อโจทก์ในโฉนดที่ดินอันเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตายในฐานะที่โจทก์เป็นผู้จัดการทรัพย์มรดกของผู้ตายตามพินัยกรรม มิได้ฟ้องทายาทขอให้แบ่งทรัพย์มรดกให้แก่ผู้รับมรดกตามพินัยกรรมดังนั้น ผู้รับทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมจะมีตัวตนอยู่หรือไม่ จึงไม่เป็นประเด็นพิพาทในคดี และแม้ผู้มีชื่อรับพินัยกรรมจะไม่มีตัวตนก็ตามก็มีผลเพียงทำให้ข้อกำหนดในพินัยกรรมเกี่ยวกับการยกทรัพย์มรดกแก่บุคคลที่ระบุชื่อไว้ในพินัยกรรมสิ้นผลไปเท่านั้นส่วนข้อกำหนดที่ระบุให้บุคคลใดเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมนั้นหาได้เสื่อมเสียไปไม่ เมื่อจำเลยเป็นผู้ยึดถือโฉนดที่ดินตามพินัยกรรมไว้ โจทก์ในฐานะผู้จัดการทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมย่อมมีสิทธิขอแบ่งแยกและใส่ชื่อตนในโฉนดในฐานะผู้จัดการทรัพย์มรดกของผู้ตายได้
โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามส่งมอบโฉนดที่ดินซึ่งเป็นมรดก เป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณราคาเป็นเงินได้ ศาลชั้นต้นกำหนดค่าทนายความเกินอัตราขั้นสูงตามตาราง 6 อัตราค่าทนายความท้าย ป.วิ.พ. ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรกำหนดเสียใหม่ให้ถูกต้อง
โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามส่งมอบโฉนดที่ดินซึ่งเป็นมรดก เป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณราคาเป็นเงินได้ ศาลชั้นต้นกำหนดค่าทนายความเกินอัตราขั้นสูงตามตาราง 6 อัตราค่าทนายความท้าย ป.วิ.พ. ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรกำหนดเสียใหม่ให้ถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2460/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมในการแบ่งแยกทรัพย์มรดก แม้ผู้รับมรดกไม่มีตัวตน
โจทก์ฟ้องจำเลยเพื่อขอแบ่งแยกและลงชื่อโจทก์ในโฉนดที่ดินอันเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตายในฐานะที่โจทก์เป็นผู้จัดการทรัพย์มรดกของผู้ตายตามพินัยกรรม มิได้ฟ้องทายาทขอให้แบ่งทรัพย์มรดกให้แก่ผู้รับมรดกตามพินัยกรรม ดังนั้น ผู้รับทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมจะมีตัวตนอยู่หรือไม่ จึงไม่เป็นประเด็นพิพาทในคดี และแม้ผู้มีชื่อรับพินัยกรรมจะไม่มีตัวตนก็ตามก็มีผลเพียงทำให้ข้อกำหนดในพินัยกรรมเกี่ยวกับการยกทรัพย์มรดกแก่บุคคลที่ระบุชื่อไว้ในพินัยกรรมสิ้นผลไปเท่านั้น ส่วนข้อกำหนดที่ระบุให้บุคคลใดเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมนั้นหาได้เสื่อมเสียไปไม่ เมื่อจำเลยเป็นผู้ยึดถือโฉนดที่ดินตามพินัยกรรมไว้ โจทก์ในฐานะผู้จัดการทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมย่อมมีสิทธิขอแบ่งแยกและใส่ชื่อตนในโฉนดในฐานะผู้จัดการทรัพย์มรดกของผู้ตายได้ โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามส่งมอบโฉนดที่ดินซึ่งเป็นมรดก เป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณราคาเป็นเงินได้ ศาลชั้นต้นกำหนดค่าทนายความเกินอัตราขั้นสูงตามตาราง 6 อัตราค่าทนายความท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรกำหนดเสียใหม่ให้ถูกต้อง