พบผลลัพธ์ทั้งหมด 546 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 30/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญาขัดแย้ง: จำเลยไม่เข้าใจข้อหาฐานยักยอกหรือลักทรัพย์ ศาลยกฟ้องตาม ป.วิ.อาญา ม.158(5)
ฟ้องหาว่า จำเลยกระทำผิดฐานยักยอกหรือลักทรัพย์โดยบรรยายฟ้องในตอนต้นกล่าวหาว่า จำเลยรับมอบทรัพย์แล้ยักยอกทรัพย์ แต่ตอนหลังกลับกล่าวหาว่าจำเลยลักทรัพย์แล้วอ้างบทมาตราขอให้ลงโทษทั้งความผิดฐานลักทรัพย์แลยักยอก ดังนี้ เป็นฟ้องที่ขัดแย้งกันอยู่ในตัว ทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงตามฟ้องเป็นอย่างไรแน่ และจำเลยต้องหาว่าได้กระทำการอย่างใดแน่ อันจะเป็นความผิดฐานยักยอกหรือลักทรัพย์ คำฟ้องเช่นนี้จึงเป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้องตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158( 5 ) วรรคแรก ศาลจะรับไว้พิจารณาเอาโทษจำเลยมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 218/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องอาญาที่ขาดรายละเอียดการกระทำความผิด ศาลไม่สามารถลงโทษฐานทำร้ายร่างกายได้
โจทก์บรรยายว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ฝ่ายหนึ่ง กับจำเลยที่ 5 ถึงที่ 10 อีกฝ่ายหนึ่งต่างมีสาตราวุธ วิวาทต่อสู้กันในถนนหลวง และในการวิวาทต่อสู้กันนี้ จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ได้สมคบกันทำร้ายร่างกายจำเลยที่ 5 ที่ 6 ถึงบาดเจ็บและจำเลยที่ 5 ถึงที่ 10 ได้สมคบกันทำร้ายร่างกายจำเลยที่ 1 ที่ 2 ถึงบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 254,335(6) ดังนี้ฟ้องในตอนหลังที่กล่าวหาว่าทำร้ายร่างกายนั้น มิได้บรรยายรายละเอียดว่าคนไหนทำคนไหนให้ชัดแจ้ง ย่อมถือได้เพียงว่าจำเลยวิวาทกันถึงแก่มีบาดเจ็บเท่านั้น ศาลจะลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา 254 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1728/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา แม้ไม่ระบุตัวผู้ถูกจ้างวาน หากจำเลยเข้าใจข้อหาและต่อสู้คดีได้
ฟ้องบรรยายว่าจำเลยสมคบกันใช้อุบายจ้างวานให้ผู้อื่นตัดฟันไม้สักในป่าโดยมิได้รับอนุญาต มิได้ระบุชื่อผู้ที่จำเลยจ้างงานก็ดี เมื่อฟ้องมีข้อความบรรยายการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยกระทำผิดและรายละเอียดต่าง ๆ พอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีเพียงพอกับความประสงค์ ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158 (5) และจำเลยก็เข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ก็ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1728/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การบรรยายข้อหาที่ชัดเจนเพียงพอให้จำเลยเข้าใจ
ฟ้องบรรยายว่าจำเลยสมคบกันใช้อุบายจ้างวานให้ผู้อื่นตัดฟันไม้สักในป่าโดยมิได้รับอนุญาต มิได้ระบุชื่อผู้ที่จำเลยจ้างวานก็ดี เมื่อฟ้องมีข้อความบรรยายการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยกระทำผิด และรายละเอียดต่างๆพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีเพียงพอกับความประสงค์ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) และจำเลยก็เข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ก็ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1611-1613/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเพียงพอของฟ้องอาญา และการพิจารณาบาดแผลถึงทุพพลภาพเพื่อลงโทษทางอาญา
ฟ้องบรรยายว่า จำเลยบังอาจสมคบกันใช้กำลังกายโดยใช้มือกอดรัดคอ ตบ ตี ชก และข้อศอกตีและใช้เท้าเตะกลุ้มรุมทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย ฯลฯ ดังนี้ เป็นการบรรยายข้อเท็จจริงพอสมควรเท่าที่จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158 แล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ถูกทำร้ายมีบาดแผล 4 แห่ง คือ หน้าผากเหนือคิ้วขวาเป็นรอยขีดหนังขาดโลหิตชับ ที่ใต้ตาขวาฟกช้ำหนังกำพร้าขาดโลหิตชับเหนือคิ้วซ้ายมีรอยฟกบวมเล็กน้อยกับที่ต้นคอและบ่าซ้ายบวมอักเสบและที่ข้อไหล่ซ้ายเคล็ดใช้แขนไม่สดวกอีกแห่งหนึ่ง บาดแผลหลังนี้ต้องรักษาอยู่เดือนเศษจึงหาย เรียกได้ว่ามีอาการถึงทุพพลภาพ จึงเป็นบาดเจ็บตามก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 254
ก.ม.ลักษณะอาญาแก้ไขเพิ่มเติมฉะบับที่ 14 พ.ศ.2494 ที่แก้ไขมาตรา 41,42 นั้น ไม่มีการเพิ่มโทษสำหรับที่ถูกรอการลงอาญาไว้ และการที่จะนำโทษเก่ามาบวกกับโทษใหม่ตามมาตรา 42 นั้น โทษครั้งใหม่ที่จำเลยได้รับต้องเป็นโทษจำคุกด้วย
ถูกทำร้ายมีบาดแผล 4 แห่ง คือ หน้าผากเหนือคิ้วขวาเป็นรอยขีดหนังขาดโลหิตชับ ที่ใต้ตาขวาฟกช้ำหนังกำพร้าขาดโลหิตชับเหนือคิ้วซ้ายมีรอยฟกบวมเล็กน้อยกับที่ต้นคอและบ่าซ้ายบวมอักเสบและที่ข้อไหล่ซ้ายเคล็ดใช้แขนไม่สดวกอีกแห่งหนึ่ง บาดแผลหลังนี้ต้องรักษาอยู่เดือนเศษจึงหาย เรียกได้ว่ามีอาการถึงทุพพลภาพ จึงเป็นบาดเจ็บตามก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 254
ก.ม.ลักษณะอาญาแก้ไขเพิ่มเติมฉะบับที่ 14 พ.ศ.2494 ที่แก้ไขมาตรา 41,42 นั้น ไม่มีการเพิ่มโทษสำหรับที่ถูกรอการลงอาญาไว้ และการที่จะนำโทษเก่ามาบวกกับโทษใหม่ตามมาตรา 42 นั้น โทษครั้งใหม่ที่จำเลยได้รับต้องเป็นโทษจำคุกด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1611-1613/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา, บาดเจ็บสาหัส, และการเพิ่มโทษจำคุกสำหรับผู้เคยได้รับรอการลงโทษ
ฟ้องบรรยายว่า จำเลยบังอาจสมคบกันใช้กำลังกายโดยใช้มือกอดรัดคอ ตบ ตี ชก และข้อศอกตีและใช้เท้าเตะกลุ้มรุมทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย ฯลฯ ดังนี้ เป็นการบรรยายข้อเท็จจริงพอสมควรเท่าที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 แล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ถูกทำร้ายมีบาดแผล 4 แห่ง คือ หน้าผากเหนือคิ้วขวาเป็นรอยขีดหนังขาดโลหิตซับ ที่ใต้ตาขวาฟกช้ำหนังกำพร้าขาดโลหิตซับ เหนือคิ้วซ้ายมีรอยฟกบวมเล็กน้อย กับที่ต้นคอและบ่าซ้ายช้ำบวมอักเสบและที่ข้อไหล่ซ้ายเคล็ดใช้แขนไม่สะดวกอีกแห่งหนึ่ง บาดแผลหลังนี้ต้องรักษาอยู่เดือนเศษจึงหาย เรียกได้ว่ามีอาการถึงทุพพลภาพ จึงเป็นบาดเจ็บตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254
กฎหมายลักษณะอาญา แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 14 พ.ศ.2494 ที่แก้ไขมาตรา 41,42 นั้น ไม่มีการเพิ่มโทษสำหรับคนที่ถูกรอการลงอาญาไว้ และการที่จะนำโทษเก่ามาบวกกับโทษใหม่ตามมาตรา 42 นั้น โทษครั้งใหม่ที่จำเลยได้รับต้องเป็นโทษจำคุกด้วย
ถูกทำร้ายมีบาดแผล 4 แห่ง คือ หน้าผากเหนือคิ้วขวาเป็นรอยขีดหนังขาดโลหิตซับ ที่ใต้ตาขวาฟกช้ำหนังกำพร้าขาดโลหิตซับ เหนือคิ้วซ้ายมีรอยฟกบวมเล็กน้อย กับที่ต้นคอและบ่าซ้ายช้ำบวมอักเสบและที่ข้อไหล่ซ้ายเคล็ดใช้แขนไม่สะดวกอีกแห่งหนึ่ง บาดแผลหลังนี้ต้องรักษาอยู่เดือนเศษจึงหาย เรียกได้ว่ามีอาการถึงทุพพลภาพ จึงเป็นบาดเจ็บตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254
กฎหมายลักษณะอาญา แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 14 พ.ศ.2494 ที่แก้ไขมาตรา 41,42 นั้น ไม่มีการเพิ่มโทษสำหรับคนที่ถูกรอการลงอาญาไว้ และการที่จะนำโทษเก่ามาบวกกับโทษใหม่ตามมาตรา 42 นั้น โทษครั้งใหม่ที่จำเลยได้รับต้องเป็นโทษจำคุกด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1054/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องอาญาโดยอ้างบทผิด ศาลอาจลงโทษตามบทที่ถูกต้องได้
ฟ้องของโจทก์บรรยายความหาว่าจำเลยได้นำความที่รู้อยู่ว่าเป็นความเท็จไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ซึ่งเป็นฟ้องตรงตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 118 เมื่อนำพยานสืบก็สืบตามฟ้อง แต่ในคำขอท้ายฟ้องอ้างมาตรา 155 ถึง มาตรา 158 ไม่ได้อ้างมาตรา 118 ดังนี้ เห็นได้ว่าเป็นเรื่องอ้างบทผิด ไม่ใช่ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลย ศาลจึงอาจลงโทษจำเลยในบทที่ถูกต้องคือตามมาตรา 118 ได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1040/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความไม่ชัดเจนเรื่องเวลาในฟ้องอาญา ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ ฟ้องยังใช้ได้
ฟ้องหาว่าจำเลยกระทำผิดโดยระบุวันเดือนปีที่กระทำผิดแต่เวลากล่าวว่า ไม่ปรากฎชัดจากการสอบสวน เพราะเกิดเหตุเมื่อเวลาจวนค่ำ จะว่ากลางคืนหรือกลางวัน โจทก์เกรงว่าจะไม่ตรงกับความจริง ความข้อนี้ก็ไม่ทำให้จำเลยหลงต่อสู้หรือเสียเปรียบในเชิงคดีแต่อย่างใด ดังนี้ จะว่าฟ้องของโจทก์ในเรื่องเวลาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ยังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 44/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญาที่ไม่ระบุวันเวลาการกระทำความผิด ทำให้ฟ้องไม่สมบูรณ์
ฟ้องที่ระบุวันเดือนปีแต่ในตอนที่อ้างว่าจำเลยได้รับมอบทรัพย์ไว้ แต่ไม่ได้ระบุวันเวลาว่าจำเลยบยักยอกทรัพย์ไปเมื่อใดดังนี้ เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ศาลจะรับไว้พิจารณาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 44/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญาที่ไม่สมบูรณ์: การระบุวันเวลาการกระทำความผิด
ฟ้องที่ระบุวันเดือนปีแต่ในตอนที่อ้างว่าจำเลยได้รับมอบทรัพย์ไว้ แต่ไม่ได้ระบุวันเวลาว่าจำเลยยักยอกทรัพย์ไปเมื่อใด ดังนี้ เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ศาลจะรับไว้พิจารณาไม่ได้