คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ลักทรัพย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,595 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2480/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามลักทรัพย์นายจ้าง: การกระทำไม่สมบูรณ์ ไม่เข้าข่ายลักทรัพย์ แต่เป็นความพยายาม
จำเลยเขียนใบเบิกสินค้าเพื่อเบิกสินค้าของนายจ้างโดย ไม่มีใบสั่งซื้อ 2 รายการ เพื่อลักทรัพย์ แต่จำเลยไม่ได้เข้ายึดถือครอบครองเอาสินค้าที่เบิกไป สินค้ายังคงอยู่ในความครอบครองของนายจ้าง การเขียนใบเบิกสินค้าอันเป็นเท็จ เป็นการลงมือกระทำความผิดแต่กระทำไปไม่ตลอด จึงเป็นความผิดฐานพยายามลักทรัพย์นายจ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2086/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทุจริตในการยืมรถยนต์: การใช้รถเพื่อย้ายที่อยู่ไม่ใช่ความผิดฐานลักทรัพย์
ป. เป็นลูกจ้างของผู้เสียหาย มีหน้าที่เฝ้าดูแลรถยนต์ในร้านของผู้เสียหาย ป. กับพวกรวมทั้งจำเลยใช้รถยนต์ของผู้เสียหายบรรทุกข้าวของส่วนตัวออกจากที่พักในร้านของผู้เสียหายเพื่อย้ายที่อยู่ใหม่ โดยมิได้เอาทรัพย์สินมีค่าอย่างอื่นของผู้เสียหายไปด้วย เมื่อใช้รถยนต์ของผู้เสียหายเสร็จก็นำไปจอดทิ้งไว้แล้วพวกของป. โทรศัพท์แจ้งให้พี่ชายผู้เสียหายทราบถึงสถานที่ที่ทิ้งรถไว้ เพื่อให้ผู้เสียหายติดตามเอาคืน แสดงให้เห็นว่าจำเลยกับ ป. และพวกมิได้เอารถยนต์ของผู้เสียหายไปโดยเจตนาทุจริตจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2068/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของเจ้าหน้าที่สถานธนานุเคราะห์ กรณีทุจริตลักทรัพย์ จำเลยไม่มีส่วนประมาทเลินเล่อ
การที่จำเลยที่ 2 พนักงานเก็บของลางานอยู่เสมอเพราะเหตุเจ็บป่วยแล้วจำเลยที่ 3 ผู้ช่วยพนักงานเก็บของสามารถเข้าไปในห้องเก็บของได้นั้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ปล่อยให้จำเลยที่ 3กระทำการแทนโดยตลอด การที่จำเลยที่ 2 ออกไปช่วยคนอื่นทำงานบ้างเล็กน้อย เนื่องจากขณะนั้นจำเลยที่ 2 ไม่มีงานของตนเองที่จะต้องทำนั้น ไม่ถือเป็นการปฏิบัติผิดหน้าที่ และการที่จำเลยที่ 3 ลักลอบเอาทรัพย์ที่รับจำนำไปจากห้องเก็บของนั้นแสดงอยู่ในตัวว่าจำเลยที่ 3 ได้กระทำโดยปกปิดมิให้ผู้อื่นโดยเฉพาะจำเลยที่ 2 ทราบ แม้แต่ผู้ตรวจการซึ่งมา ตรวจ เป็นประจำก็ยังไม่ทราบ จนกระทั่งมีการร้องขอให้มีการตรวจเป็นพิเศษจึงทราบทั้งไม่มีระเบียบกำหนดให้พนักงานเก็บของต้องตรวจสิ่งของเป็นประจำทุกเดือนหรือในกำหนดเวลาเท่าใด ประกอบกับไม่ปรากฏพฤติการณ์น่าสงสัยว่าจำเลยที่ 3 กระทำการทุจริตมาก่อน เช่นนี้พฤติการณ์แห่งคดีจึงไม่ถึงขนาดที่จะรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 กระทำโดยประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1673/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการตัดต้นยูคาลิปตัสเพื่อใช้หนี้ ไม่ถือเป็นความผิดฐานลักทรัพย์
ก.ภริยาของโจทก์ร่วมเป็นหนี้จำเลยที่ 3 แล้วไม่ชำระ จำเลยที่ 3 ได้ฟ้องคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของ ก.เพื่อบังคับคดีในที่ดินดังกล่าวมีต้นยูคาลิปตัสของโจทก์ร่วมปลูกอยู่ โดยโจทก์ร่วมเช่าที่ดินจาก ก. ปลูกไว้ และ ก. เคยตกลงเอาต้นกล้ายูคาลิปตัสตีใช้หนี้จำเลยที่ 3 ย่อมทำให้จำเลยทั้งสามเข้าใจว่าต้นยูคาลิปตัสเป็นของ ก. การที่จำเลยทั้งสามตัดเอาต้นยูคาลิปตัสของโจทก์ร่วมไป แสดงว่ามีเจตนาเพื่อใช้หนี้จำเลยที่ 3ไม่มีเจตนาทุจริตไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1643/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์: การเอาปืนไปเพื่อประทุษร้าย ไม่ถือเป็นเจตนาทุจริตเพื่อเอาทรัพย์
จำเลยเอาปืนของผู้เสียหายไปเพื่อจะยิงทำร้าย ส.ซึ่งเป็นชู้กับภริยาของจำเลยด้วยความบันดาลโทสะที่เห็น ส. นั่งอยู่กับภริยาของจำเลย มิได้มีเจตนาที่จะเอาปืนของผู้เสียหายไปเป็นของตนโดยทุจริต จึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1592/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำที่เริ่มต้นจากการทำร้ายร่างกายแล้วจึงลักทรัพย์ ไม่ถือเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์
จำเลยกับพวกโกรธผู้เสียหาย ที่ไม่ยอมให้จำเลยกับพวกนั่งข้าง ๆ ในรถยนต์โดยสารจึงเกิดการโต้เถียงกัน พวกของจำเลยชกต่อยผู้เสียหายและดึงแว่นตาของผู้เสียหายออกจนหล่น ที่พื้นโดยประสงค์จะแกล้งผู้เสียหาย มิได้มีเจตนาทุจริตคิดที่จะลักแว่นตาผู้เสียหายไปตั้งแต่แรก เมื่อทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเสร็จแล้วก่อนจะหนีไป จำเลยกับพวกจึงลักเอาแว่นตาและเศษสตางค์ของผู้เสียหายที่หล่น จากกระเป๋าเสื้อไปในภายหลัง การกระทำของจำเลยกับพวกจึงเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายกระทงหนึ่ง และความผิดฐานลักทรัพย์อีกกระทงหนึ่ง มิใช่ความผิดฐานชิงทรัพย์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1567/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์นายจ้างและการกดเงินจากบัตร ATM เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
จำเลยเป็นพนักงานของธนาคาร ก. ลักเอาบัตรเงินสดทันใจเอ.ที.เอ็ม. ของธนาคาร ก. นายจ้างแล้วนำไปเข้าเครื่องจ่ายเงินอัตโนมัติ ของธนาคาร ก. กดเบิกเงินไปจำนวน 5,000 บาท แม้จำเลยจะมีความประสงค์เพื่อเอาบัตรเงินสดทันใจ เอ.ที.เอ็ม. ที่ลักมาไปกดเบิกเงินจากเครื่องจ่ายเงินอัตโนมัติ แต่ทรัพย์ที่จำเลยลักไปจากธนาคาร ก. นายจ้างเป็นคนละประเภทกัน การกระทำของจำเลยเป็นความผิดสำเร็จในตัวต่างกรรมต่างวาระกัน แยกกระทงลงโทษจำเลยได้ การกระทำผิดของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1567/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลักทรัพย์บัตรเอทีเอ็มและกดเงินเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
จำเลยลักบัตรเงินสดทันใจ เอ.ที.เอ็ม ของธนาคารนายจ้าง1 ใบ ไปในขณะที่ได้รับมอบหมายให้จัดรหัสของบัตรให้เข้าคู่กันวันต่อมาจำเลยนำบัตรเงินสดทันใจที่ลักมาไปเข้าเครื่องจ่ายเงินอัตโนมัติของนายจ้างกดเบิกเงินเอาไปจำนวน 5,000 บาท ทรัพย์ที่จำเลยลักไปเป็นคนละประเภทกัน แม้จำเลยจะมีความประสงค์เพื่อเอาบัตรเงินสดทันใจที่ลักมาไปกดเบิกเงินจากเครื่องจ่ายเงินอัตโนมัติแต่การกระทำของจำเลยเป็นความผิดสำเร็จในตัวต่างกรรมต่างวาระกันแยกกระทงลงโทษจำเลยได้ จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1567/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลักทรัพย์บัตรเอทีเอ็มแล้วกดเงิน ถือเป็นความผิดหลายกรรมต่างวาระ
การที่จำเลยได้ลักเอาบัตรเอ.ที.เอ็ม. 1 ใบราคา 30 บาท ของธนาคารกสิกรไทย แล้วจำเลยได้นำบัตร เอ.ที.เอ็ม. ที่ลักมานั้นไปเข้าเครื่องจ่ายเงินอัตโนมัติ กดเบิกเงินเอาไปจำนวน 5,000 บาทแล้วได้นำบัตร เอ.ที.เอ็ม. ดังกล่าวโยนทิ้งน้ำไปนั้น ทรัพย์ที่จำเลยลักไปจากธนาคารกสิกรไทยเป็นคนละประเภทกัน แม้จำเลยจะมีความประสงค์เพื่อเอาบัตร เอ.ที.เอ็ม. ที่ลักมาไปกดเบิกเงินจากเครื่องจ่ายเงินอัตโนมัติ แต่การกระทำของจำเลยเป็นความผิดสำเร็จในตัวต่างกรรมต่างวาระกัน แยกกระทงลงโทษจำเลยได้ การกระทำผิดของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1545/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลักทรัพย์: พฤติการณ์พิรุธ, พยานเบิกความน่าเชื่อถือ, การคืนกระเป๋าเงินที่มีผู้รู้เห็น
การที่จำเลยเก็บกระเป๋าเงินของโจทก์ร่วมได้แล้วแอบเปิดดูในลักษณะปกปิดซ่อนเร้น เมื่อถูกถามก็ปฏิเสธว่าเป็นกระเป๋าเปล่าทั้ง ๆ ที่ในกระเป๋าเงินดังกล่าวมีเงินอยู่ รวมตลอดถึงการที่จำเลยแอบเปิดซิป กระเป๋าแล้วมีอาการหน้าตื่นและเดินหลบเลี้ยวอ้อมไปข้างรถโดยไม่ไปขนปูนตามที่มีผู้ว่าจ้างนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นข้อพิรุธที่ส่อแสดงความไม่สุจริตของจำเลยทั้งสิ้น ซึ่งเมื่อพิจารณาประกอบคำเบิกความของโจทก์ร่วมที่ว่า กระเป๋าเงินที่จำเลยคืนให้นั้นซิป ถูกเปิดแย้มไว้ขณะตรวจพบว่าสร้อยคอทองคำหายไปจำเลยก็ออกจากที่เกิดเหตุไปแล้ว จึงเชื่อว่า จำเลยได้เอาสร้อยคอทองคำของโจทก์ร่วมไปจริง และเหตุที่จำเลยต้องคืนกระเป๋าเงินและเงินในกระเป๋าให้แก่โจทก์ร่วมก็เพราะว่า ขณะจำเลยเก็บกระเป๋าเงินของโจทก์ร่วมได้นั้น มี ส. ร่วมรู้เห็นอยู่ด้วย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์.
of 160