คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ลูกหนี้

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 829 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2140/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ที่เกิดจากการให้กู้ยืมเมื่อลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว เป็นหนี้ที่มิอาจขอรับชำระในคดีล้มละลาย
เจ้าหนี้รู้อยู่แล้วว่า ลูกหนี้มีหนี้สินพ้นตัวและไม่มีเงินพอที่จะชำระหนี้ แต่เจ้าหนี้ยังเสี่ยงให้ลูกหนี้กู้ยืมเงินเพิ่มและยอมรับเช็คของลูกหนี้ไว้ หนี้ที่เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้นเมื่อเจ้าหนี้ได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวแล้วเช่นนี้ เป็นกรณีที่ต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 94(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1162/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คเปลี่ยนมือไม่ได้ การโอนเช็คต้องทำตามรูปแบบการโอนสามัญและแจ้งลูกหนี้จึงมีผลผูกพัน
เช็คที่ขีดฆ่าคำว่า "หรือผู้ถือ" ออก และด้านหน้าบนซ้ายของเช็คมีตราประทับเป็นอักษรภาษาอังกฤษว่า "เอ/ซีเปยี่โอนลี่"(A/CPAYEEONLY) เป็นเช็คเปลี่ยนมือไม่ได้ ผู้รับเงินจะต้องนำเข้าบัญชีของตน หากจะโอนให้ผู้อื่นได้ก็แต่โดยรูปการและด้วยผลอย่างการโอนสามัญ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 306 วรรคหนึ่ง ดังที่มาตรา 917 วรรคสอง ประกอบมาตรา 989บัญญัติไว้ ซึ่งต้องทำเป็นหนังสือจึงจะสมบูรณ์ และจะยกขึ้นต่อสู้บุคคลภายนอกได้แต่เมื่อได้บอกกล่าวการโอนเป็นหนังสือไปยังลูกหนี้หรือลูกหนี้ยินยอมเป็นหนังสือในการโอนนั้น ดังนั้น แม้จำเลยที่ 3ผู้ทรงเช็คพิพาทจะได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความยอมชำระหนี้ให้โจทก์ด้วยเช็คพิพาท และศาลพิพากษาตามยอมในคดีดังกล่าวแล้วก็ตาม เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้แจ้งการโอนเช็คพิพาทในคดีดังกล่าวไปให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ผู้สั่งจ่ายทราบเป็นหนังสือ หรือจำเลยที่ 1 ที่ 2ได้ยินยอมเป็นหนังสือในการโอนนั้น โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทที่จะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ผู้สั่งจ่ายซึ่งเป็นผู้เขียนข้อความทำนองเปลี่ยนมือไม่ได้ดังกล่าว จำเลยที่ 1ที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดชดใช้เงินตามเช็คพิพาทให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1061/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้กู้ยืมโดยเจ้าหนี้รู้ถึงหนี้สินของลูกหนี้ และการพิสูจน์ว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว
ขณะที่ลูกหนี้กู้ยืมเงินจากเจ้าหนี้ ลูกหนี้มีสัญญารับเหมาก่อสร้างซึ่ง ทำกับ ก. และกำลังจะได้ เงินอยู่แล้ว แสดงว่าลูกหนี้มีงานมีสิทธิเรียกร้องในเงินค่าจ้างและยังมีเงินหมุนเวียนสำหรับชำระหนี้ได้ ต่อไป แม้ลูกหนี้จะเอาเงินที่กู้ยืมจากเจ้าหนี้ไปใช้ หนี้ตาม เช็ค ซึ่ง กำลังถูก ดำเนิน คดีเนื่องจากเช็ค เบิกเงินไม่ได้ ยังถือ ไม่ได้ว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวดังนี้ฟังไม่ได้ว่าเจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กู้ไปโดย รู้ว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว เจ้าหนี้จึงขอรับชำระหนี้ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัทไม่ถือเป็นการโอนหนี้ จำเลยที่ 2-3 ยังต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกัน
บันทึกที่บริษัท ค. ทำกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ผู้ค้ำประกันบริษัทจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์เป็นเพียงข้อตกลงที่จะซื้อขายหุ้นกันไม่มีข้อความใดที่แสดงให้เห็นว่าบริษัท ค. ตกลงรับโอนหนี้ของจำเลยที่ 1 หรือรับจะชำระหนี้แทนจำเลยที่ 1 และปรากฏจากรายงานการประชุมใหญ่วิสามัญ ผู้ถือหุ้นของจำเลยที่ 1 ก่อนที่จะมีการโอนขายหุ้นกันว่า จำเลยที่ 1 ประสบภาวะการขาดทุนเป็นอย่างมาก บริษัท ค. เพียงแต่จะให้ความร่วมมือทางการเงินเท่านั้น ทั้งเช็คที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 อ้างว่าบริษัท ค.ชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 ให้แก่โจทก์ติดต่อกันทุกเดือน ก็ปรากฏว่าเป็นเช็คลงวันที่ก่อนที่จะมีการตกลงโอนหุ้นกันจึงไม่ใช่เช็คที่บริษัท ค. ชำระหนี้แทนจำเลยที่ 1 แม้ต่อมาจะมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการของบริษัทจำเลยที่ 1 จากฝ่ายจำเลยที่ 2 ที่ 3 มาเป็นกรรมการจากกลุ่มของบริษัท ค. ก็เป็นการดำเนินการของจำเลยที่ 1 สิทธิหน้าที่ตลอดจนความผูกพันของจำเลยที่ 1 ที่มีต่อบุคคลภายนอกรวมทั้งโจทก์มีอยู่อย่างไร ก็คงมีอยู่ต่อไปตามเดิมหาได้เปลี่ยนแปลงไปไม่.ดังนี้ เมื่อบริษัท ค. มิได้ยอมเข้ามาเป็นลูกหนี้รับชำระหนี้แทนจำเลยที่ 1 จึงไม่ถือว่ามีการแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 350จำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงยังคงต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันที่ทำไว้กับโจทก์.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4191/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเฉลี่ยทรัพย์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 290 ไม่ต้องระบุทรัพย์ที่ยึดถูกต้อง เพียงแสดงว่ามีการยึดทรัพย์และไม่สามารถชำระหนี้จากทรัพย์อื่นได้
ป.วิ.พ. มาตรา 290 มิได้บังคับให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาคดีอื่นที่ยื่นคำร้องขอเข้าเฉลี่ยทรัพย์จะต้องระบุชนิดหรือประเภทของทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดหรืออายัดไว้ในคำร้อง เพียงแต่ให้ผู้ร้องแสดงให้เห็นว่าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้นำยึดทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาและผู้ร้องไม่สามารถเอาชำระหนี้ได้จากทรัพย์สินอื่น ๆ ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเท่านั้น ดังนั้น แม้ผู้ร้องจะระบุรายการทรัพย์ที่โจทก์นำยึดผิดพลาดไป ผู้ร้องก็มีสิทธิขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4191/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเฉลี่ยทรัพย์: ผู้ร้องไม่จำเป็นต้องระบุรายละเอียดทรัพย์ที่ถูกยึด แต่ต้องแสดงว่าไม่สามารถชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 มิได้บังคับให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาคดีอื่นที่ยื่นคำร้องขอเข้าเฉลี่ยทรัพย์จะต้องระบุชนิดหรือประเภทของทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดหรืออายัดไว้ในคำร้อง เพียงแต่ให้ผู้ร้องแสดงให้เห็นว่าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้นำยึดทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาและผู้ร้องไม่สามารถเอาชำระหนี้ได้จากทรัพย์สินอื่น ๆ ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเท่านั้น แม้ผู้ร้องจะระบุรายการทรัพย์ที่โจทก์นำยึดผิดพลาดไปผู้ร้องก็มีสิทธิขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4191/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเฉลี่ยทรัพย์บังคับคดี: ไม่ต้องระบุรายละเอียดทรัพย์สินที่ถูกต้องในคำร้อง เพียงแสดงให้เห็นว่ามีทรัพย์สินถูกยึดและไม่สามารถชำระหนี้จากทรัพย์อื่นได้
ป.วิ.พ. มาตรา 290 มิได้บังคับให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาคดีอื่นที่ยื่นคำร้องขอเข้าเฉลี่ยทรัพย์จะต้องระบุชนิดหรือประเภทของทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดหรืออายัดไว้ในคำร้อง เพียงแต่ให้ผู้ร้องแสดงให้เห็นว่าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้นำยึดทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาและผู้ร้องไม่สามารถเอาชำระหนี้ได้จากทรัพย์สินอื่น ๆ ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเท่านั้น ดังนั้น แม้ผู้ร้องจะระบุรายการทรัพย์ที่โจทก์นำยึดผิดพลาดไป ผู้ร้องก็มีสิทธิขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีนี้ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4171/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าหนี้มีสิทธิอายัดเงินในบัญชีลูกหนี้ แม้ผู้คัดค้านอ้างว่าเป็นเงินจากผู้ค้ำประกัน หากพิสูจน์ไม่ได้
เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่ามีการโอนเงินจำนวนหนึ่งจากธนาคารในเมือง ฮ่องกง มาเข้าบัญชีกระแสรายวันของจำเลยในธนาคารผู้คัดค้าน ถ้าไม่มีหลักฐานเป็นอย่างอื่น ในเบื้องต้นต้องฟังว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นของจำเลยผู้เป็นเจ้าของบัญชี เมื่อผู้คัดค้านอ้างว่าเงินจำนวนดังกล่าวมิใช่เป็นของจำเลยแต่เป็นของผู้ค้ำประกันหนี้ของจำเลยส่งมาชำระหนี้แก่ผู้คัดค้านแทนจำเลย ผู้คัดค้านจึงมีภาระการพิสูจน์ให้ฟังได้ตามข้ออ้างของตน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 393/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องล้มละลาย: ศาลพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้และสถานะทางธุรกิจของลูกหนี้
ห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยเป็นลูกค้ากู้เบิกเงินเกินบัญชีตามบัญชีเงินฝากกระแสรายวันกับธนาคารโจทก์มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524โจทก์ยอมให้จำเลยกู้เบิกเงินเกินบัญชีบางครั้งเป็นจำนวนถึง16,700,000 บาท แสดงว่าโจทก์เชื่อว่าจำเลยมีความสามารถในการประกอบธุรกิจหากำไรมาใช้หนี้โจทก์ได้ ทั้งบางครั้งจำเลยสามารถนำเงินเข้ามาหักบัญชีได้เป็นจำนวนถึง 4,900,000 บาท จนกระทั่งครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2528 จำเลยนำเงินเข้าหักบัญชีเป็นจำนวนถึง 4,453,159.05 บาท คงเหลือเงินที่เป็นหนี้ถึงวันฟ้องเพียง 761,028.32 บาท ซึ่งจำเลยเคยเป็นหนี้มีจำนวนมากกว่าจำนวนที่โจทก์ฟ้องหลายเท่า จำเลยยังสามารถชำระหนี้ได้และไม่ปรากฏว่าจำเลยเป็นลูกหนี้ของเจ้าหนี้รายอื่นอีก ทั้งจำเลยก็ยังประกอบธุรกิจการค้าเหมือนเดิม แม้โจทก์จะได้ประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 8(9) ก็เป็นแต่เพียงเหตุหนึ่งที่กฎหมายให้อำนาจโจทก์ฟ้องจำเลยให้ล้มละลายได้เท่านั้น ส่วนการพิจารณาคดีล้มละลายตามคำฟ้องของโจทก์นั้นศาลต้องพิจารณาเอาความจริงตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 9 หรือมาตรา 10ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 14 ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคดีนี้จึงยังไม่พอถือว่าจำเลยสมควรตกเป็นบุคคลล้มละลาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3576/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าหนี้ทราบฐานะลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวแล้วยังยอมให้ก่อหนี้เพิ่มเติม เป็นเหตุต้องห้ามมิให้เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ตามพ.ร.บ.ล้มละลาย
หนี้ที่ธนาคารฟ้องให้เจ้าหนี้รับผิดเป็นหนี้ที่เกิดจากการจัดทำกิจการที่ลูกหนี้ตัวการมอบหมายให้เจ้าหนี้เป็นตัวแทนทำสัญญาเลตเตอร์ออฟเครดิตกับธนาคารเพื่อสั่งซื้อฝ้ายให้ลูกหนี้ เจ้าหนี้ย่อมเรียกให้ลูกหนี้รับผิดได้โดยตรง แต่เมื่อได้ความว่าลูกหนี้และเจ้าหนี้เป็นธุรกิจในเครือญาติกัน ลูกหนี้หมดวงเงินสินเชื่อสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศไม่ได้ ก. ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการลูกหนี้และเป็นกรรมการคนหนึ่งของเจ้าหนี้ได้ขอให้เจ้าหนี้สั่งซื้อฝ้ายให้ลูกหนี้ เช่นนี้ถือได้ว่าเจ้าหนี้ได้ทราบถึงฐานะของลูกหนี้แล้วว่ามีหนี้สินล้นพ้นตัวแล้วยังยอมให้ลูกหนี้ก่อหนี้ดังกล่าวอีก จึงเป็นกรณีต้องห้ามมิให้เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ได้ตามพ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 94(2)
of 83