พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,327 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5320/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระการพิสูจน์ในคดีมรดก: โจทก์ไม่นำสืบหลักฐานตามภาระการพิสูจน์ ศาลไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยพยานจำเลย
ศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์นำพยานเข้าสืบก่อนตามภาระการพิสูจน์เมื่อโจทก์ไม่มีพยานมาสืบให้ปรากฏตามข้อ อ้างของตน โจทก์ก็ต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีโดยไม่จำต้องวินิจฉัยพยานหลักฐานของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5185/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยืนยันสัญชาติไทยและการถอนชื่อออกจากทะเบียนบ้านญวนอพยพ กรณีความสมัครใจและขาดหลักฐานแจ้งถอนชื่อ
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งเก้า เป็นคนสัญชาติไทย จำเลยอ้างว่าโจทก์ทั้งเก้า เป็นคนญวนอพยพ แล้วเพิ่มชื่อโจทก์ทั้งเก้า ลงในทะเบียนบ้านคนญวนอพยพ โจทก์ทั้งเก้า ได้บอกกล่าวให้จำเลยถอนชื่อออกจากทะเบียนบ้านคนญวนอพยพแล้ว แต่จำเลยยังยืนยันว่าโจทก์ทั้งเก้า เป็นคนญวนอพยพ ขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์ทั้งเก้า เป็นคนสัญชาติไทย ให้จำเลยถอนชื่อโจทก์ทั้งเก้า ออกจากทะเบียนบ้านคนญวนอพยพ แต่ปรากฏว่าโจทก์ทั้งเก้า ขอทำบัตรประจำตัวญวนอพยพด้วยความสมัครใจและโจทก์ทั้งเก้า ไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดซึ่งแสดงว่าโจทก์ทั้งเก้า ได้ไปแจ้งขอให้ถอนชื่อออกจากทะเบียนบ้านญวนอพยพจริง จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้โต้แย้งสิทธิเรื่องสัญชาติของโจทก์ทั้งเก้า โจทก์ทั้งเก้าไม่มีอำนาจฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4693/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายยาเสพติด: ความผิดสำเร็จ vs. พยายามกระทำความผิด
สิบตำรวจตรี ป.ล่อซื้อเฮโรอีนจากจำเลย สิบตำรวจตรี ป.เอาธนบัตรยัดใส่กระเป๋ากางเกงด้านหลังของจำเลยแล้วจำเลยเดินไปที่ป่าละเมาะหลังบ้าน จำเลยตกลงจะจำหน่ายเฮโรอีนให้ และที่เดินไปป่าหลังบ้านก็เพื่อจะนำเฮโรอีนมาให้เป็นการลงมือกระทำความผิดในข้อหาจำหน่ายเฮโรอีนแล้ว แต่จำเลยมีเฮโรอีนจำนวน 9 หลอด จำเลยยังไม่ได้แบ่งแยกเฮโรอีนส่งมอบให้แก่สิบตำรวจตรี ป.ยังไม่ทราบว่าธนบัตรที่สิบตำรวจตรี ป.ยัดใส่กระเป๋ามีจำนวนเท่าใด และจำเลยจะต้องมอบเฮโรอีนให้สิบตำรวจตรี ป.จำนวนเท่าใด ดังนี้ การซื้อขายหรือจำหน่ายเฮโรอีนยังไม่เป็นความผิดสำเร็จ โดยเป็นเพียงขั้นพยายามเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4143/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ด้วยเช็คประกัน ถือเป็นการชำระด้วยทรัพย์สินอื่น ไม่ต้องมีหลักฐานการใช้เงิน
ในกรณีที่การชำระหนี้ด้วยการใช้เงินจึงจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือมาแสดงตามประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสอง ส่วนการชำระหนี้โดยการใช้เงินตามเช็คที่จำเลยประกันหนี้ไว้กับโจทก์ เป็นการชำระหนี้ด้วยทรัพย์สินอย่างอื่นแทน และโจทก์ยอมรับไปแล้วก็ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดง หนี้ย่อมระงับไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4143/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ด้วยเช็คประกันหนี้ ไม่ต้องมีหลักฐานการใช้เงินตามมาตรา 653
ในกรณีที่การชำระหนี้ด้วยการใช้เงินจึงจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือมาแสดงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสองส่วนการชำระหนี้โดยการใช้เงินตามเช็คที่จำเลยประกันหนี้ไว้กับโจทก์ เป็นการชำระหนี้ด้วยทรัพย์สินอย่างอื่นแทน และโจทก์ยอมรับไปแล้วก็ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดง หนี้ย่อมระงับไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4141/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันต้องระบุชัดเจนถึงผู้ค้ำประกันและหนี้ที่ค้ำ หากไม่ชัดเจน ฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้
หนังสือสัญญาค้ำประกันมีแต่จำเลยที่ 3 ลงชื่อเป็นผู้ค้ำประกันไว้เท่านั้น โดยข้อความในสัญญามิได้ปรากฏว่า จำเลยที่ 3 ค้ำประกันหนี้ของผู้ใดต่อโจทก์ และจำเลยที่ 1 นำหนังสือค้ำประกันนั้นมาให้โจทก์ โดยไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 3 มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับโจทก์ทั้งข้อความในสัญญาก็กล่าวถึงการค้ำประกันต่อบริษัทโดยตลอด มิได้บ่งชี้ว่า จำเลยที่ 3 เจตนาจะค้ำประกันจำเลยที่ 2 ต่อโจทก์แต่อย่างใด โจทก์ย่อมไม่อาจใช้หนังสือสัญญาค้ำประกันดังกล่าวมาเป็นหลักฐานฟ้องร้องให้บังคับคดีแก่จำเลยที่ 3 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3862/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อโมฆะเนื่องจากไม่มีหลักฐานการมอบอำนาจเป็นหนังสือที่ถูกต้อง
การเช่าซื้อต้องทำเป็นหนังสือ การตั้งตัวแทนเพื่อทำสัญญาเช่าซื้อจึงต้องทำเป็นหนังสือด้วย
โจทก์อ้างแต่สำเนาเอกสารใบมอบอำนาจให้ตัวแทนไปทำสัญญาเช่าซื้อแทน โดยไม่นำต้นฉบับเอกสารมาแสดง จึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้ ถือว่าการตั้งตัวแทนของโจทก์ดังกล่าวไม่ได้ทำเป็นหนังสือ ตัวแทนของโจทก์จึงไม่มีอำนาจลงชื่อในสัญญาเช่าซื้อแทนได้ เมื่อโจทก์ไม่ได้ลงชื่อในสัญญาเช่าซื้อ สัญญาเช่าซื้อตกเป็นโมฆะผู้เช่าซื้อไม่ต้องรับผิด
เมื่อผู้เช่าซื้อไม่ต้องรับผิดตามสัญญาเช่าซื้อซึ่งตกเป็นโมฆะผู้ค้ำประกันผู้เช่าซื้อก็ไม่ต้องรับผิดด้วย
โจทก์อ้างแต่สำเนาเอกสารใบมอบอำนาจให้ตัวแทนไปทำสัญญาเช่าซื้อแทน โดยไม่นำต้นฉบับเอกสารมาแสดง จึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้ ถือว่าการตั้งตัวแทนของโจทก์ดังกล่าวไม่ได้ทำเป็นหนังสือ ตัวแทนของโจทก์จึงไม่มีอำนาจลงชื่อในสัญญาเช่าซื้อแทนได้ เมื่อโจทก์ไม่ได้ลงชื่อในสัญญาเช่าซื้อ สัญญาเช่าซื้อตกเป็นโมฆะผู้เช่าซื้อไม่ต้องรับผิด
เมื่อผู้เช่าซื้อไม่ต้องรับผิดตามสัญญาเช่าซื้อซึ่งตกเป็นโมฆะผู้ค้ำประกันผู้เช่าซื้อก็ไม่ต้องรับผิดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3862/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โมฆะสัญญาเช่าซื้อ: สำเนาใบมอบอำนาจใช้ไม่ได้เป็นหลักฐาน, การลงนามไม่มีอำนาจ
สำเนาเอกสารใบมอบอำนาจที่โจทก์มอบอำนาจให้ จ. และอ. เป็นผู้ลงนามในสัญญาเช่าซื้อ โดยโจทก์ไม่ได้อ้างต้นฉบับใบมอบอำนาจมาแสดง ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 572 วรรคสอง และมาตรา 798 บังคับว่าสัญญาเช่าซื้อต้องทำเป็นหนังสือและการตั้งตัวแทนเพื่อกิจการนั้นต้องทำเป็นหนังสือด้วยอีกทั้งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93 บังคับว่า การอ้างเอกสารเป็นพยานนั้น ให้ยอมรับฟังได้แต่ต้นฉบับเอกสาร การที่โจทก์อ้างสำเนาเอกสารใบมอบอำนาจดังกล่าว จึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้ ต้องถือว่าการตั้งตัวแทนของโจทก์ในการนี้ไม่ได้ทำเป็นหนังสือ จ. และ อ. ไม่มีอำนาจลงชื่อในสัญญาเช่าซื้อได้ฟังว่าโจทก์ไม่ได้ลงชื่อในสัญญาเช่าซื้อ สัญญาเช่าซื้อตกเป็นโมฆะ ดังนี้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 รับผิดตามสัญญาเช่าซื้อไม่ได้ และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ย่อมไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3442/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกู้ยืมเงินต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้กู้ และต้องปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนจึงจะใช้เป็นหลักฐานในคดีแพ่งได้
แม้จำเลยที่ 1 จะขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลก็พิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโดยอาศัยเหตุแต่เพียงว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดไม่ได้ แต่จะต้องพิจารณาให้ได้ความว่าข้ออ้างของโจทก์มีมูลและไม่ขัดต่อกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205ข้ออ้างตามฟ้องคดีนี้ของโจทก์คือ จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์เกินกว่าห้าสิบบาทซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 โจทก์จะต้องมีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อจำเลยที่ 1 เป็นสำคัญจึงจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ เมื่อปรากฏว่า สัญญากู้ยืมเงินตามฟ้องปิดอากรแสตมป์ไม่ครบถ้วน ใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 โจทก์จึงไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมมาฟ้องร้องจำเลยที่ 1 ได้ เมื่อจำเลยที่ 1 ผู้กู้ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์แล้ว จำเลยที่ 2ผู้ค้ำประกันย่อมไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3426/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปิดอากรแสตมป์ไม่ครบตามกฎหมาย ทำให้สัญญาค้ำประกันใช้เป็นหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้
ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 108 กำหนดว่า ถ้าทำตราสารหลายลักษณะตามที่ระบุบัญชีอัตราอากรแสตมป์บนกระดาษแผ่นเดียวกันหรือเป็นฉบับเดียวกัน ต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์ให้ครบทุกลักษณะหรือทุกเรื่อง โดยปิดแสตมป์บริบูรณ์เป็นรายตราสารแยกไว้ให้ปรากฎว่าตราสารใดอยู่ที่ใด และแสตมป์ดวงใดสำหรับตราสารลักษณะหรือเรื่องใด การที่โจทก์อ้างสัญญากู้และสัญญาค้ำประกัน ซึ่งทำรวมกันมาในฉบับเดียว และปิดอากรแสตมป์ในสัญญากู้เงินเกินกว่าจำนวนที่กฎหมายกำหนดไว้ และเกินกว่าจำนวนที่ให้ปิดในสัญญาค้ำประกัน ดังนี้ ไม่อาจถือได้ว่าการที่ปิดอากรแสตมป์ในสัญญากู้นั้นเป็นการปิดอากรแสตมป์ในสัญญาค้ำประกันด้วยสัญญาค้ำประกันจึงปิดอากรแสตมป์ไม่บริบูรณ์จะใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งหาได้ไม่ ตามประมวลรัษฎากรมาตรา 118