พบผลลัพธ์ทั้งหมด 746 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2132/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาประเด็นใหม่ & การคำนวณค่าเสียหายจากสัญญาเช่าซื้อ
ปัญหาที่ว่าโจทก์นำรถคันที่เช่าซื้อ ออกขายทอดตลาดโดย ไม่สุจริต ราคาต่ำ กว่าความเป็นจริงนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ จึงต้องห้าม ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงินค่าติดตามรถ แก่โจทก์โดย ที่โจทก์มิได้ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยทั้งสองให้ชำระเงินจำนวนนี้ เป็นการพิพากษาเกินคำขอ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2132/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาประเด็นใหม่ & การพิพากษาเกินคำขอในคดีเช่าซื้อ
ปัญหาที่ว่าโจทก์นำรถคันที่เช่าซื้อออกขายทอดตลาดโดยไม่สุจริตราคาต่ำกว่าความเป็นจริงนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงินค่าติดตามรถแก่โจทก์โดยที่โจทก์มิได้ขอให้ศาลบังคับจำเลยทั้งสองชำระเงินจำนวนนี้เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1865/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อผิดนัดชำระ ผู้ให้เช่าซื้อเพิกเฉยถือว่ารู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิด จึงไม่มีสิทธิขอคืนรถ
สัญญาเช่าซื้อกำหนดว่าหากผู้เช่าซื้อผิดนัดค้างชำระค่าเช่าซื้อสองงวดติด กันหรือผิดนัดค้างชำระค่าเช่าซื้อตั้งแต่ สองงวดขึ้นไปให้สัญญาเช่าซื้อเป็นอันยกเลิกเพิกถอนทันที การที่ผู้เช่าซื้อผิดนัดค้างชำระค่าเช่าซื้อสองงวดติด กันหลายครั้ง แต่ ผู้ให้เช่าซื้อยังยอมรับค่าเช่าซื้ออีกโดย มิได้เลิกสัญญาและยึดรถยนต์ ที่ให้เช่าซื้อคืนแสดงว่าผู้ให้เช่าซื้อมิได้ถือ เอากำหนดเวลาตาม สัญญาเช่าซื้อเป็นสาระสำคัญของสัญญา เพียงต้องได้ รับค่าเช่าซื้อให้ครบตาม สัญญา การที่ผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อสองงวดติด กันหลายครั้ง ผู้ให้เช่าซื้อไม่บอกเลิกสัญญาเอารถยนต์ ที่เช่าซื้อ คืนมาจนกระทั่งจำเลยทั้งสองนำรถยนต์ ของกลางไปใช้ กระทำความผิดและถูก ริบ แล้วผู้ให้เช่าซื้อจึงได้ มาร้องขอรถยนต์ ของกลางคืน ดังนี้เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของจำเลยผู้กระทำความผิดพฤติการณ์ดังกล่าวถือ ได้ ว่า ผู้ให้เช่าซื้อรู้เห็นเป็นใจด้วย ในการกระทำความผิด จึงไม่อาจขอคืนรถยนต์ ของกลางได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 124/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้เช่าซื้อรถยนต์ไม่ต้องรับผิดละเมิด หากไม่ได้ครอบครองหรือควบคุมรถขณะเกิดเหตุ
แม้จำเลยจะขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา โจทก์ก็ยังมีหน้าที่นำพยานหลักฐานมาสืบให้ฟังได้ตามฟ้องของตน
เมื่อทางพิจารณาไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้ครอบครองหรือควบคุมดูแลรถยนต์คันเกิดเหตุในขณะเกิดเหตุ คดีคงได้ความเพียงว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับรถยนต์ดังกล่าวชนเสาหินกันโค้งและรางระบายน้ำคอนกรีตของโจทก์เสียหาย โดยรถยนต์เป็นของจำเลยที่ 2 ซึ่งได้เช่าซื้อมา ดังนี้ จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 1 ได้กระทำด้วย
เมื่อทางพิจารณาไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้ครอบครองหรือควบคุมดูแลรถยนต์คันเกิดเหตุในขณะเกิดเหตุ คดีคงได้ความเพียงว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับรถยนต์ดังกล่าวชนเสาหินกันโค้งและรางระบายน้ำคอนกรีตของโจทก์เสียหาย โดยรถยนต์เป็นของจำเลยที่ 2 ซึ่งได้เช่าซื้อมา ดังนี้ จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 1 ได้กระทำด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 124/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าซื้อยานพาหนะและการรับผิดในละเมิด: ผู้เช่าซื้อไม่ต้องรับผิดหากไม่ได้ครอบครองหรือควบคุมยานพาหนะขณะเกิดเหตุ
จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับรถยนต์บรรทุกคันที่เกิดเหตุชนหลักเสาหินกันโค้ง และรางระบายน้ำคอนกรีตของโจทก์เสียหาย รถยนต์บรรทุกดังกล่าวเป็นของจำเลยที่ 2 เช่าซื้อมาจากบริษัท ค. ซึ่งตามป.พ.พ. มาตรา 572 จำเลยที่ 2 คงมีสิทธิที่จะครอบครองใช้ประโยชน์รถยนต์คันดังกล่าวระหว่างเช่าซื้อเท่านั้น เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ครอบครองหรือควบคุมดูแลรถยนต์ในขณะเกิดเหตุตามความหมายของ ป.พ.พ. มาตรา 437 จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดของจำเลยที่ 1 ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 990/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อผิดนัด ค่าเสียหาย/เบี้ยปรับสูงเกินควร ศาลลดค่าเสียหายได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383
ตามข้อตกลงในสัญญาเช่าซื้อที่ว่า เมื่อผู้เช่าซื้อผิดนัดผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธินำรถที่ได้คืนมาออกขาย ถ้าได้เงินไม่พอชำระราคาค่าเช่าซื้อที่ยังคงเหลืออยู่ ผู้เช่าซื้อยอมชำระเงินจำนวนที่ยังขาดอยู่จนครบและยอมเสียดอกเบี้ยในค่าเสียหายอัตราร้อยละ18 ต่อปีนั้น เป็นวิธีการกำหนดค่าเสียหายวิธีหนึ่งมีลักษณะเป็นการกำหนดเบี้ยปรับ หากกำหนดไว้สูงเกินส่วนศาลอาจลดลงเป็นจำนวนที่พอสมควรได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 985/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อผิดนัด: สิทธิผู้ให้เช่าซื้อในการเรียกค่าเสียหายจากการใช้ทรัพย์และค่าเสียหายที่เกิดขึ้น
ในกรณีที่ผู้เช่าซื้อผิดสัญญาเช่าซื้อโดยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ ผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิเข้าครอบครองรถยนต์คันที่เช่าซื้อ ริบเงินค่าเช่าซื้อที่ส่งแล้ว และมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนเพราะการไม่ชำระหนี้ของผู้เช่าซื้อจนเป็นเหตุให้มีการเลิกสัญญา อันได้แก่ค่าใช้ทรัพย์ตลอดเวลาที่ผู้เช่าซื้อครอบครองทรัพย์อยู่ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 391 วรรคสาม และถ้าทรัพย์สินที่คืนมาเสียหาย ผู้เช่าซื้อต้องรับผิดนอกเหนือไปจากความเสียหายอันเกิดจากการใช้ทรัพย์โดยชอบ.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 985/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อผิดนัด: สิทธิผู้ให้เช่าซื้อในการเรียกค่าเสียหายจากการใช้ทรัพย์และค่าใช้จ่ายในการติดตามเอารถคืน
ในกรณีที่มีการเลิกสัญญาเช่าซื้อเพราะผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อนั้น ผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิเข้าครอบครองรถยนต์คันที่เช่าซื้อ ริบเงินค่าเช่าซื้อที่ส่งแล้วและมีสิทธิเรียกค่าใช้ทรัพย์ตลอดเวลาที่ผู้เช่าซื้อครอบครองทรัพย์อยู่ภายหลังจากการเลิกสัญญาตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 วรรคสามและถ้าทรัพย์สินที่คืนมาเสียหาย ผู้เช่าซื้อต้องรับผิดนอกเหนือไปจากความเสียหายอันเกิดจากการใช้ทรัพย์โดยชอบ และต้องรับผิดสำหรับค่าใช้จ่ายในการติดตามเอารถยนต์ที่เช่าซื้อคืนมาให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 586/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อรถยนต์สูญหาย ศาลลดค่าเสียหายตามสมควร โดยคำนึงถึงระยะเวลาการใช้งาน
จำเลยเช่าซื้อรถยนต์จากโจทก์ราคา 334,614 บาท ต่อมารถคันดังกล่าวสูญหายโจทก์ได้รับชดใช้จากบริษัทผู้รับประกันภัย 230,000 บาท เหลือราคารถยนต์ที่ยังไม่ได้ชำระอีก 104,614บาท แม้สัญญาเช่าซื้อระบุไว้ว่าถ้าทรัพย์สินที่เช่าซื้อสูญหายผู้เช่าซื้อยอมชำระค่าเช่าซื้อจนครบ ก็เป็นการกำหนดเบี้ยปรับไว้ล่วงหน้า ศาลมีอำนาจลดลงเป็นจำนวนพอสมควรได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 เมื่อจำเลยได้ใช้ประโยชน์จากรถที่เช่าซื้อเพียงเดือนเศษ การที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้จำเลยชดใช้เงินให้โจทก์อีก 75,614 บาท จึงนับว่าเป็นค่าเสียหายที่สมประโยชน์แก่โจทก์.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4127/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อค้างชำระ: ผู้เช่าซื้อมีหน้าที่ชำระค่าเช่าซื้อจนกว่าจะบอกเลิกสัญญา ศาลลดเบี้ยปรับสูงเกินสมควร
ข้อสัญญาเช่าซื้อซึ่งมีข้อความว่า ถ้าผู้ให้เช่าซื้อบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อหรือยึดทรัพย์ที่เช่าซื้อคืน ผู้เช่าซื้อยังต้องรับผิดชดใช้เงินค่าเช่าซื้อทุกงวดที่ค้างชำระพร้อมเบี้ยปรับร้อยละ 20 ของเงินดังกล่าวนั้น เป็นข้อกำหนดการชำระค่าเช่าซื้อระหว่างที่ยังมิได้มีการเลิกสัญญากันพร้อมทั้งเบี้ยปรับกรณีผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ มิใช่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ดังนั้น เมื่อมีการเลิกสัญญากันผู้เช่าซื้อจึงมีหน้าที่ชำระค่าเช่าซื้อก่อนเลิกสัญญาทั้งหมด ส่วนเบี้ยปรับสูงเกินส่วนศาลฎีกาให้ลดลงเป็นดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี