พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,515 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1546/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของร่วมมีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้รุกล้ำกรรมสิทธิ์ในที่ดินร่วมได้
เจ้าของร่วมที่ดินเพียงคนใดคนหนึ่ง ย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่ผู้ที่แย่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นได้ตามมาตรา1359
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1440/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อัยการผู้ช่วยมีอำนาจลงนามฟ้องคดีอาญาได้ โดยอาศัยอำนาจของพนักงานอัยการตามกฎหมาย
อัยการผู้ช่วยก็มีอำนาจลงนามเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญาได้ เพราะอัยการผู้ช่วยก็เป็นพนักงานอัยการ (พ.ร.บ.อัยการ 2478 มาตรา 11) จึงอาจเป็นโจทก์ในคดีอาญาได้ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 28(1) ประกอบกับ พ.ร.บ.อัยการ 2478 มาตรา 19(1)
ศาลชั้นต้นสั่งไม่ประทับฟ้องที่อัยการเป็นโจทก์ โดยเห็นว่าผู้ลงนามเป็นโจทก์นั้นไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ ศาลอุทธรณ์ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาต่อไปนั้น จำเลยย่อมฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ เพราะคดีที่อัยการเป็นโจทก์เมื่อยื่นฟ้องก็ถือว่าผู้ถูกฟ้องตกเป็นจำเลยทันทีผิดกับคดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ ผู้ถูกฟ้องไม่เป็นจำเลยจนกว่าศาลจะประทับฟ้อง
(ประชุมใหญ่)
ศาลชั้นต้นสั่งไม่ประทับฟ้องที่อัยการเป็นโจทก์ โดยเห็นว่าผู้ลงนามเป็นโจทก์นั้นไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ ศาลอุทธรณ์ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาต่อไปนั้น จำเลยย่อมฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ เพราะคดีที่อัยการเป็นโจทก์เมื่อยื่นฟ้องก็ถือว่าผู้ถูกฟ้องตกเป็นจำเลยทันทีผิดกับคดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ ผู้ถูกฟ้องไม่เป็นจำเลยจนกว่าศาลจะประทับฟ้อง
(ประชุมใหญ่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1440/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการฟ้องคดีอาญาของอัยการผู้ช่วย: อัยการผู้ช่วยมีอำนาจฟ้องคดีอาญาได้
อัยการผู้ช่วยก็มีอำนาจลงนามเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญาได้ เพราะอัยการผู้ช่วยก็เป็นพนักงานอัยการ(พ.ร.บ.อัยการ 2478มาตรา 11) จึงอาจเป็นโจทก์ในคดีอาญาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 28(1) ประกอบกับพ.ร.บ.อัยการ 2478 มาตรา 19(1)
ศาลชั้นต้นสั่งไม่ประทับฟ้องที่อัยการเป็นโจทก์ โดยเห็นว่าผู้ลงนามเป็นโจทก์นั้นไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ ศาลอุทธรณ์ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาต่อไปนั้น จำเลยย่อมฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ เพราะคดีที่อัยการเป็นโจทก์ เมื่อยื่นฟ้องก็ถือว่า ผู้ถูกฟ้องตกเป็นจำเลยทันที ผิดกับคดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ ผู้ถูกฟ้องไม่เป็นจำเลยจนกว่าศาลจะประทับฟ้อง (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 21/2493)
ศาลชั้นต้นสั่งไม่ประทับฟ้องที่อัยการเป็นโจทก์ โดยเห็นว่าผู้ลงนามเป็นโจทก์นั้นไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ ศาลอุทธรณ์ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาต่อไปนั้น จำเลยย่อมฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ เพราะคดีที่อัยการเป็นโจทก์ เมื่อยื่นฟ้องก็ถือว่า ผู้ถูกฟ้องตกเป็นจำเลยทันที ผิดกับคดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ ผู้ถูกฟ้องไม่เป็นจำเลยจนกว่าศาลจะประทับฟ้อง (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 21/2493)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1436/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องภริยาเรียกค่าเลี้ยงดูจากสามี กรณีหนี้เกิดจากการอุปการะเลี้ยงดูครอบครัว
ภริยาขอหย่าขาดจากสามีเมื่อมีหนี้อันเกี่ยวกับค่าอุปการะเลี้ยงดู เช่นต้องไปซื้อเชื่อสิ่งของและกู้ยืมเงินผู้มีชื่อมาใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นกับการครองชีพของตัวภริยาและบุตรซึ่งสามีมี ีหน้าที่ต้องรับผิด และเมื่อภริยาเรียกร้องให้สามีชำระ, สามีก็ไม่ชำระให้ดังนี้ย่อมตกเป็นภาระแก่ภริยา, ภริยาย่อมขอให้ศาลแสดงว่าสามีมีหน้าที่จะต้องรับผิดชำระหนี้ดังกล่าวได้ และศาลก็พิพากษาให้สามีมีหน้าที่ต้องรับผิดในหนี้ตามจำนวนที่ภริยาฟ้องมานั้นได้
ในกรณีดังกล่าวนี้ภริยาจะฟ้องแทนเจ้าหนี้โดยเจ้าหนี้ไม่ได้มอบอำนาจให้ไม่ได้หรือจะฟ้องให้สามีชำระหนี้แก่ภริยาเพื่อภริยาจะได้นำไปชำระแก่เจ้าหนี้ก็ไม่ได้
ในกรณีดังกล่าวนี้ภริยาจะฟ้องแทนเจ้าหนี้โดยเจ้าหนี้ไม่ได้มอบอำนาจให้ไม่ได้หรือจะฟ้องให้สามีชำระหนี้แก่ภริยาเพื่อภริยาจะได้นำไปชำระแก่เจ้าหนี้ก็ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1436/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขอให้ชำระหนี้ค่าอุปการะเลี้ยงดูระหว่างการฟ้องหย่า: ศาลแสดงว่าจำเลยมีหน้าที่รับผิดได้
ภริยาขอหย่าขาดจากสามีเมื่อมีหนี้อันเกี่ยวกับค่าอุปการะเลี้ยงดู เช่นต้องไปซื้อเชื่อสิ่งของและกู้ยืมเงินผู้มีชื่อมาใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นกับการครองชีพของตัวภริยาและบุตรซึ่งสามีมีหน้าที่ต้องรับผิด และเมื่อภริยาเรียกร้องให้สามีชำระ สามีก็ไม่ชำระให้ ดังนี้ ย่อมตกเป็นภาระแก่ภริยา ภริยาย่อมขอให้ศาลแสดงว่าสามีมีหน้าที่จะต้องรับผิดชำระหนี้ดังกล่าวได้ และศาลก็พิพากษาให้สามีมีหน้าที่ต้องรับผิดในหนี้ตามจำนวนที่ภริยาฟ้องมานั้นได้
ในกรณีดังกล่าวนี้ ภริยาจะฟ้องแทนเจ้าหนี้โดยเจ้าหนี้ไม่ได้มอบอำนาจให้ ไม่ได้ หรือจะฟ้องให้สามีชำระหนี้แก่ภริยาเพื่อภริยาจะได้นำไปชำระแก่เจ้าหนี้ก็ไม่ได้
ในกรณีดังกล่าวนี้ ภริยาจะฟ้องแทนเจ้าหนี้โดยเจ้าหนี้ไม่ได้มอบอำนาจให้ ไม่ได้ หรือจะฟ้องให้สามีชำระหนี้แก่ภริยาเพื่อภริยาจะได้นำไปชำระแก่เจ้าหนี้ก็ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1380/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากคดีทำร้ายร่างกาย: อำนาจฟ้องและการขัดแย้งในคำให้การ
จำเลยเคยถูกอัยการเป็นโจทก์ฟ้องหาว่าทำร้ายร่างกายผู้เสียหายถึงบาดเจ็บ จำเลยรับสารภาพศาลจึงพิพากษาลงโทษจำเลยว่ามีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม. 245 ผู้เสียหายจึงได้มาเป็นโจทก์เรียกค่าเสียหายจากจำเลยในทางแพ่งจำเลยย่อมต่อสู้ว่าที่ผู้เสียหายถูกทำร้ายมีบาดเจ็บนั้นเนื่องจากการวิวาทระหว่างจำเลยกับผู้เสียหาย ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยดังนี้ได้ (เพราะข้อเท็จจริงทางอาญาในคดีก่อนนั้น ศาลไม่ได้พิจารณาชี้ขาดประเด็นว่าวิวาทหรือไม่ศาลก็ย่อมลงโทษ จำเลยตามมาตรา 254 ได้)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1380/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการทำร้ายร่างกาย: อำนาจฟ้องและข้อต่อสู้เรื่องวิวาท
จำเลยเคยถูกอัยการเป็นโจทก์ฟ้องหาว่าทำร้ายร่างกายผู้เสียหายถึงบาดเจ็บ จำเลยรับสารภาพศาลจึงพิพากษาลงโทษ จำเลยว่ามีความผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254 ผู้เสียหายจึงได้มาเป็นโจทก์เรียกค่าเสียหายจากจำเลย ในทางแพ่ง จำเลยย่อมต่อสู้ว่าที่ผู้เสียหายถูกทำร้ายมีบาดเจ็บนั้นเนื่องจากการวิวาทระหว่างจำเลยกับผู้เสียหาย ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยดังนี้ได้ (เพราะข้อเท็จจริงทางอาญาในคดีก่อนนั้น ศาลไม่ได้พิจารณาชี้ขาดประเด็นว่าวิวาทหรือไม่ ศาลก็ย่อมลงโทษ จำเลยตามมาตรา 254 ได้)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1365/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของหุ้นส่วนสามัญที่ไม่จดทะเบียน กรณีผู้จัดการมอบหมายรับเงินแทน หุ้นส่วนทุกคนมีสิทธิฟ้อง
ผู้จัดการหุ้นส่วนสามัญที่ไม่จดทะเบียนมอบหมายให้ผู้หนึ่งไปรับเงินของหุ้นส่วนมาย่อมเป็นเรื่องที่ผู้จัดการทำไปในหน้าที่ผู้จัดการของหุ้นส่วนเมื่อถึงคราวจะฟ้องร้องเรียกเงินจำนวนนี้จากผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ไปรับเงินมาแล้ว ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนมาฟ้องก็เป็นการดีแล้ว
หุ้นส่วนผู้หนึ่งรับเงินของหุ้นส่วนจากบุคคลภายนอกมาแล้วไม่มอบให้หุ้นส่วนผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนย่อมเป็นโจทก์ ฟ้องเรียกเงินนั้นจากหุ้นส่วนผู้รับมาได้โดยไมต้องมีการชำระบัญชีเสียก่อน
หุ้นส่วนผู้หนึ่งรับเงินของหุ้นส่วนจากบุคคลภายนอกมาแล้วไม่มอบให้หุ้นส่วนผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนย่อมเป็นโจทก์ ฟ้องเรียกเงินนั้นจากหุ้นส่วนผู้รับมาได้โดยไมต้องมีการชำระบัญชีเสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1365/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของหุ้นส่วนสามัญที่ไม่จดทะเบียน กรณีผู้จัดการมอบหมายให้รับเงินแทน
ผู้จัดการหุ้นส่วนสามัญที่ไม่จดทะเบียนมอบหมายให้ผู้หนึ่งไปรับเงินของหุ้นส่วนมา ย่อมเป็นเรื่องที่ผู้จัดการทำไปในหน้าที่ผู้จัดการของหุ้นส่วน เมื่อถึงคราวจะฟ้องร้องเรียกเงินจำนวนนี้จากผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ไปรับเงินมาแล้วผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนมาฟ้องก็เป็นการดีแล้ว
หุ้นส่วนผู้หนึ่งรับเงินของหุ้นส่วนจากบุคคลภายนอกมาแล้วไม่มอบให้หุ้นส่วนผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนย่อมเป็นโจทก์ฟ้องเรียกเงินนั้นจากหุ้นส่วนผู้รับมาได้โดยไม่ต้องมีการชำระบัญชีเสียก่อน
หุ้นส่วนผู้หนึ่งรับเงินของหุ้นส่วนจากบุคคลภายนอกมาแล้วไม่มอบให้หุ้นส่วนผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนย่อมเป็นโจทก์ฟ้องเรียกเงินนั้นจากหุ้นส่วนผู้รับมาได้โดยไม่ต้องมีการชำระบัญชีเสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1278/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องห้ามบุคคลที่สาม แม้ไม่จดทะเบียนสมรส หากมีสิทธิในทรัพย์สินนั้น
โจทก์ฟ้องว่านาพิพาทเป็นของโจทก์ครอบครองมาจำเลยไปขอจดทะเบียนออกโฉนดว่าเป็นที่ของผู้อื่น ขอให้ห้ามจำเลยต่อสู้ว่าเป็นนาของภริยาจำเลยครอบครองมาไม่ใช่นาของโจทก์ ดังนี้แม้จะปรากฎว่าจำเลยกับภริยาสมรสกันโดยมิได้จดทะเบียนจำเลยก็อาจอ้างอำนาจของคนที่ 3 เป็นข้อต่อสู้ของโจทก์ได้ เพราะถ้าข้อเท็จจริงฟังได้สมข้อต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นเป็นของภริยาจำเลย ไม่ใช่ของโจทก์ โจทก์ก็ไม่มีอำนาจที่จะห้ามจำเลยได้