คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อำนาจฟ้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,515 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1278/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องห้ามปรามเมื่อจำเลยอ้างสิทธิในฐานะผู้รับโอนจากบุคคลอื่น แม้ไม่มีการจดทะเบียนสมรส
โจทก์ฟ้องว่า นาพิพาทเป็นของโจทก์ ครอบครองมาจำเลยไปขอจดทะเบียน ออกโฉนดว่าเป็นที่ของผู้อื่น ขอให้ห้าม จำเลยต่อสู้ว่าเป็นนาของภริยาจำเลยครอบครองมาไม่ใช่นาของโจทก์ ดังนี้แม้จะปรากฏว่าจำเลยกับภริยาสมรสกันโดยมิได้จดทะเบียน จำเลยก็อาจอ้างอำนาจของคนที่ 3 เป็นข้อต่อสู้ของโจทก์ได้เพราะถ้าข้อเท็จจริงฟังได้สมข้อต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นของภริยาจำเลย ไม่ใช่ของโจทก์ โจทก์ก็ไม่มีอำนาจที่จะห้ามจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1224/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากความประมาทเลินเล่อของผู้รับขนส่งข้าวสารของทางราชการ
ข้าหลวงประจำจังหวัด+นามประชาชนคณะกรมการจังหวัด โดยหน้าที่ราชการเป็นผู้อำนวยการและจัดการควบคุมดูแลและรับผิดชอบการขนส่งและการจำหน่ายข้าวสารปัน ส่วนของทางราชการจังหวัดนั้น มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้รับขนส่งข้าวสารปันส่วนของทางราชการจังหวัดนั้น เมื่อผู้รับขนส่งประมาทเลินเล่อทำให้ข้าวสารของทางราชการนั้นเสียหายไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1224/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของข้าหลวงประจำจังหวัดในฐานะผู้ดูแลการขนส่งข้าวสารของราชการ
ข้าหลวงประจำจังหวัดในนามประธานคณะกรรมการจังหวัด โดยหน้าที่ราชการเป็นผู้อำนวยการและจัดการควบคุมดูแลและรับผิดชอบการขนส่งและการจำหน่ายข้าวสารปันส่วนของทางราชการจังหวัดนั้น มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้รับขนส่งข้าวสารปันส่วนของทางราชการจังหวัดนั้น เมื่อผู้รับขนส่งประมาทเลินเล่อทำให้ข้าวสารของทางราชการนั้นเสียหายไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีของกระทรวงพาณิชย์เมื่อทำสัญญาผ่านองค์การจัดซื้อฯ ที่ไม่ใช่ นิติบุคคล
กระทรวงพาณิชย์สั่งให้ผู้อำนวยการองค์การจัดซื้อสิ่งของ ๆ จัดหาช่างทำเคียว จำเลยประมูลได้กระทรวงพาณิชย์ได้สั่งผู้อำนวยการองค์การนี้เป็นตัวแทนกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการในเรื่องนี้ ต่อไปได้ ผู้อำนวยการจึงทำสัญญากับจำเลยโดย "องค์การจัดซื้อสิ่งของ ๆ กระทรวงพาณิชย์" กับจำเลยและผู้อำนวยการองค์การเป็นผู้ลงนามในช่องผู้จ้าง ดังนี้เมื่อองค์การจัดซื้อสิ่งของไม่ใช่นิติบุคคล ก็ต้องถือว่าผู้อำนวยการทำสัญญาในฐานะเป็นตัวแทนกระทรวงพาณิชย์
การที่กระทรวงพาณิชย์จ้างจำเลยทำเคียวเกี่ยวข้าวนั้นไม่เป็นการค้าอันเป็นการนอกวัตถุประสงค์ของกระทรวง พาณิชย์ดังเช่น การรับจ้างขนส่งน้ำตาล ตามที่ศาลฎีกาเคยวินิจฉัยไว้ในคำพิพากษาฎีกาที่ 950/2491 และจำเลยก็มิได้ต่อสู้ว่าอยู่นอกวัตถุประสงค์ฉะนั้นเพียงแต่กระทรวงพาณิชย์จ้างจำเลยเช่นนี้ จะว่าเป็นการกระทำนอกขอบวัตถุประสงค์กระทรวงพาณิชย์ยังไม่ได้ ถ้าจำเลยผิดสัญญา กระทรวงพาณิชย์ก็มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของกระทรวงพาณิชย์ในสัญญาที่ทำโดยองค์การจัดซื้อฯ ที่มิได้มีฐานะเป็นนิติบุคคล
กระทรวงพาณิชย์สั่งให้ผู้อำนวยการองค์การจัดซื้อสิ่งของ จัดหาช่างทำเคียว จำเลยประมูลได้ กระทรวงพาณิชย์ได้สั่งผู้อำนวยการองค์การนี้ เป็นตัวแทนกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไปได้ ผู้อำนวยการจึงทำสัญญากับจำเลยโดย "องค์การจัดซื้อสิ่งของๆ กระทรวงพาณิชย์" กับจำเลยและผู้อำนวยการองค์การเป็นผู้ลงนามในช่องผู้จ้าง ดังนี้ เมื่อองค์การจัดซื้อสิ่งของไม่ใช่นิติบุคคลก็ต้องถือว่าผู้อำนวยการองค์การทำสัญญาในฐานะเป็นตัวแทนกระทรวงพาณิชย์
การที่กระทรวงพาณิชย์จ้างจำเลยทำเคียวเกี่ยวข้าวนั้นไม่เป็นการแจ้งชัดในตัวว่าเป็นการค้าอันเป็นการนอกวัตถุประสงค์ของกระทรวงพาณิชย์ ดังเช่น การรับจ้างขนส่งน้ำตาลตามที่ศาลฎีกาเคยวินิจฉัยไว้ในคำพิพากษาฎีกาที่ 950/2491และจำเลยก็มิได้ต่อสู้ว่า อยู่นอกวัตถุประสงค์ ฉะนั้นเพียงแต่กระทรวงพาณิชย์จ้างจำเลยเช่นนี้ จะว่าเป็นการกระทำนอกขอบวัตถุประสงค์กระทรวงพาณิชย์ยังไม่ได้ ถ้าจำเลยผิดสัญญา กระทรวงพาณิชย์ก็มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีของทายาทเมื่อผู้ตายยังมีชีวิตอยู่ และผลกระทบต่อฟ้องเดิม
บิดากู้เงินเขามาและมอบนาให้เขาทำต่างดอกเบี้ยเงินกู้ บุตรมาฟ้องขอชำระเงินกู้และขอนาคืนโดยอ้างว่าบิดาตายแล้วบุตรเป็นทายาทผู้รับมฤดก ดังนี้ เมื่อปรากฎว่าบิดายังมีชีวิตอยู่ อำนาจฟ้องคดีของบุตรก็หมดไป บิดาจะขอเข้มาเป็นโจทก์ร่วมด้วยก็ไม่ได้ เพราะฟ้องเดิมใช้ไม่ได้แล้ว ก็ไม่มีฟ้องที่สมบูรณ์ ซึ่งบิดาจะร่วมเป็นโจทก์ด้วยได้
อำนาจฟ้องเช่นนี้เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลยกขึ้นพิจารณาเองได้ตามป.ม.วิ.แพ่งมาตรา142(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีของทายาทเมื่อผู้ตายยังมีชีวิตอยู่: ศาลพิจารณาได้เองตามมาตรา 142(5)
บิดากู้เงินเขามาและมอบนาให้เขาทำต่างดอกเบี้ยเงินกู้ บุตรมาฟ้องขอชำระเงินกู้และขอนาคืนโดยอ้างว่าบิดาตายแล้ว บุตรเป็นทายาทผู้รับมรดก ดังนี้ เมื่อปรากฏว่าบิดายังมีชีวิตอยู่ อำนาจฟ้องคดีของบุตรก็หมดไป บิดาจะขอเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมด้วยก็ไม่ได้ เพราะฟ้องเดิมใช้ไม่ได้แล้ว ก็ไม่มีฟ้องที่สมบูรณ์ซึ่งบิดาจะร่วมเป็นโจทก์ด้วยได้
อำนาจฟ้องเช่นนี้เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลยกขึ้นพิจารณาเองได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1030-1033/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของกระทรวงพาณิชย์: พิจารณาจากขอบเขตหน้าที่ ไม่ใช่การค้าหรือหากำไร
อำนาจหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ ศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้แล้วในคำพิพากษาฎีกาที่ 950/2491 ว่าเป็นหน่วยอยู่ในราชการบริหาร ไม่มีกรมหรือส่วนราชการใดจัดไว้สำหรับทำการค้า หรือหากำไร ฉะนั้นจึงมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องเรียกหนี้สินที่อยู่ในขอบเขตต์อำนาจและหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์เท่านั้น
กระทรวงพาณิชย์เป็นโจทก์ฟ้องเรียกหนี้จากจำเลยโดยอ้างว่าสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดเป็นองค์การค้าส่วนหนึ่ง ของกระทรวงพาณิชย์จำเลยเป็นลูกจ้างของสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดตำแหน่งหัวหน้ากองการค้าได้รับเงินไปจากสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดเป็นเงินทดรองค่าใช้จ่ายในการขนน้ำตาลจากต่างจังหวัดมากรุงเทพฯอันเป็นธุระกิจ ของสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดและอยู่ในหน้าที่ของจำเลยเมื่อมีเงินเหลือจำเลยต้องส่งคืนจำเลยมีหน้าที่ต้องส่งเงินที่ขาดอยู่อีกเป็นเงินจำนวนหนึ่งแต่เพิกเฉยเสียจึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยใช้เงินนั้นพร้อมทั้งดอกเบี้ย ดังนี้เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องเรียกเงินที่ได้จ่ายทดรองแก่จำเลยผู้เป็นลูกจ้างคืนมิใช่เป็นเรื่องของการค้าหรือหากำไรกับบุคคลภายนอกโจกท์จึงมีอำนาจฟ้องได้ ส่วนเรื่องฟ้องบุคคลภายนอกตามสัญญาการค้าหรือหากำไรแล้วก็ไม่อยู่ในขอบเขตต์อำนาจและหน้าที่ของกระทรวง พาณิชย์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1030-1033/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของกระทรวงพาณิชย์: กรณีหนี้จากลูกจ้าง vs. สัญญาการค้ากับบุคคลภายนอก
อำนาจหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ ศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้แล้วในคำพิพากษาฎีกาที่ 950/2491 ว่า เป็นหน่วยอยู่ในราชการบริหาร ไม่มีกรมหรือส่วนราชการใดจัดไว้สำหรับทำการค้า หรือหากำไร ฉะนั้นจึงมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องเรียกหนี้สิน ที่อยู่ในขอบเขตอำนาจและหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์เท่านั้น
กระทรวงพาณิชย์เป็นโจทก์ฟ้องเรียกหนี้จากจำเลยโดยอ้างว่าสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดเป็นองค์การค้าส่วนหนึ่งของกระทรวงพาณิชย์ จำเลยเป็นลูกจ้างของสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดตำแหน่งหัวหน้ากองการค้าได้รับเงินไปจากสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดเป็นเงินทดรองค่าใช้จ่ายในการขนน้ำตาลจากต่างจังหวัดมากรุงเทพฯ อันเป็นธุรกิจของสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดและอยู่ในหน้าที่ของจำเลย เมื่อมีเงินเหลือจำเลยต้องส่งคืน จำเลยมีหน้าที่ต้องส่งเงินที่ขาดอยู่อีกเป็นเงินจำนวนหนึ่งแต่เพิกเฉยเสีย จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยใช้เงินนั้นพร้อมทั้งดอกเบี้ย ดังนี้เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องเรียกเงินที่ได้จ่ายทดรองแก่จำเลยผู้เป็นลูกจ้างคืนมิใช่เป็นเรื่องของการค้าหรือหากำไรกับบุคคลภายนอก โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องได้ ส่วนเรื่องฟ้องบุคคลภายนอกตามสัญญาการค้า หรือหากำไรแล้วก็ไม่อยู่ในขอบเขตอำนาจและหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 753/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องนายกเทศมนตรีในฐานะบุคคลธรรมดา กรณีภาษีโรงเรือนและการอุทธรณ์การประเมิน
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าภาษีโรงเรือนที่เจ้าหน้าที่ประเมินเกินไป โดยกล่าวในฟ้องว่าโจทก์ฟ้องนายทับ ณ พัทลุง ในนามนายกเทศมนตรีเมืองพัทลุงเป็นจำเลย ย่อมเป็นการฟ้องบุคคลธรรมดาในตำแหน่งหน้าที่ของเขา
ตามพระราชบัญญัติปันรายได้บำรุงเทศบาล 2478 มาตรา 4 ซึ่งบัญญัติว่า ภาษีโรงเรือน ซึ่งจะพึงเรียกเก็บได้ในเขตเทศบาลให้โอนให้เทศบาลเรียกเก็บเป็นรายได้ของเทศบาล และให้เทศบาลมีอำนาจและหน้าที่แต่งตั้งเจ้าหน้าที่เพื่อการนี้ประกอบกับ พระราชบัญญัติเทศบาล 2481 มาตรา 36 บัญญัติว่าในการบริหารการเทศบาลทั้งหลาย ให้นายกเทศมนตรีเป็นหัวหน้าดำเนินกิจการทั้งปวงของเทศบาล ดังนี้ นายกเทศมนตรีซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาโดยตำแหน่งหน้าที่นายกเทศมนตรีจึงอาจฟ้อง หรือถูกฟ้องเป็นคดีความในโรงศาลได้ ไม่จำเป็นต้องเอานิติบุคคลเข้ามาเป็นคู่ความเสมอไป(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 11/92)
of 452