คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
กำหนดเวลา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 990 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6349/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ค้ำประกันก่อนล้มละลาย: โจทก์ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนด มิฉะนั้นผูกพันตามการประนอมหนี้
ก่อนจำเลยที่ 3 ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีก่อน จำเลยที่ 1ได้เบิกเงินเกินบัญชีตามสัญญาจากโจทก์แล้ว อันทำให้เกิดมูลหนี้ที่จำเลยที่ 3 จะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาค้ำประกัน หนี้ตามสัญญาค้ำประกันของจำเลยที่ 3 จึงเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 3 เด็ดขาด อยู่ในบังคับที่โจทก์จะต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ แม้หนี้ตามสัญญาค้ำประกันของจำเลยที่ 3 จะยังไม่ถึงกำหนดชำระในขณะที่จำเลยที่ 3 ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เพราะจำเลยที่ 1 ยังไม่ผิดนัด โจทก์ก็ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามมูลหนี้สัญญาค้ำประกันในคดีล้มละลายคดีก่อนภายในกำหนดเวลา 2 เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 27,91,94 เมื่อโจทก์ไม่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายดังกล่าวจนได้มีการประนอมหนี้ก่อนล้มละลายและศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้ของจำเลยที่ 3 แล้ว โจทก์ก็ต้องถูกผูกมัดโดยการประนอมหนี้ด้วยตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 56 โจทก์จะนำหนี้ตามสัญญาค้ำประกันดังกล่าวมาฟ้องให้จำเลยที่ 3 ต้องรับผิดและล้มละลายอีกไม่ได้ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) ประกอบด้วยพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5907/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดหลังพ้นกำหนดระยะเวลาตามกฎหมายล้มละลาย และผลของการตกลงประนีประนอม
การที่โจทก์ยื่นคำร้องว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์ตามคำขอของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไปโดยไม่ชอบและโจทก์ต้องเสียหายโดยการกระทำของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์โจทก์ต้องยื่นคำร้องต่อศาลภายในกำหนดเวลา 14 วัน นับแต่วันที่ได้ทราบถึงการกระทำนั้น ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 146 คำร้องของโจทก์ไม่ว่าจะเป็นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดหรือขอให้ประกาศขายทอดตลาดใหม่ก็เป็นคำร้องที่ได้ยื่นเมื่อพ้นระยะเวลาที่จะยื่นคำร้องได้ตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว โจทก์ไม่อาจขอให้ระงับการโอนที่ดินที่ขายหรือขอให้ดำเนินการขายทอดตลาดใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5845/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีเนื่องจากผู้จัดการมรดกไม่เข้ามาดำเนินคดีแทนทายาทภายในกำหนดเวลาตามกฎหมาย
จ. ผู้จัดการมรดกของ ฉ. ฟ้องจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญาที่จำเลยทำไว้กับ ฉ. ผู้ตาย จำเลยฎีกา ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา จ. ถึงแก่กรรม มีผู้ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่ จ. ศาลฎีกายกคำร้อง และไม่ปรากฏว่าทายาทหรือผู้จัดการมรดกหรือบุคคลอื่นใดที่ปกครองทรัพย์มรดกของ ฉ. ยื่นคำขอเข้ามาเป็นคู่ความแทน จำเลยก็มิได้ยื่นคำขอให้ศาลมีหมายเรียกบุคคลดังกล่าวเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ภายในกำหนดเวลา 1 ปีนับแต่ความปรากฏแก่ศาล ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5709/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการบังคับคดีภายในกำหนดเวลา 10 ปี เจ้าหนี้ปฏิบัติหน้าที่ครบถ้วน สิทธิบังคับคดียังคงมี
ป.วิ.พ. มาตรา 271 บัญญัติให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะต้องร้องขอให้บังคับคดีแก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาภายในกำหนดสิบปี นับแต่วันมีคำพิพากษาและในการร้องขอให้บังคับคดี โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาก็จะต้องดำเนินวิธีการบังคับคดีตามขั้นตอนให้ครบถ้วนภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าว คือ ต้องขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีก่อน ขั้นต่อไปต้องแจ้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบว่าศาลได้ออกหมายบังคับคดีแล้ว จากนั้น ต้องแถลงต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีขอให้ยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาถ้ามีลูกหนี้หลายคนให้ระบุว่าต้องการยึดทรัพย์สินของลูกหนี้คนใด
โจทก์ร้องขอให้ออกหมายบังคับคดีแก่จำเลยทั้งสองภายในกำหนดเวลาสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษา แต่ได้นำยึดทรัพย์สินเฉพาะของจำเลยที่ 1ออกขายทอดตลาดแล้วได้เงินไม่พอชำระหนี้ แม้โจทก์ยังมิได้บังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 แต่โจทก์ได้แถลงต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลชั้นต้นขอให้ยึดที่ดินของจำเลยที่ 2 ซึ่งอยู่ภายในเวลา 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษา แต่เนื่องจากที่ดินอยู่นอกเขตศาลชั้นต้น เจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลชั้นต้นจึงได้มีหนังสือถึงศาลชั้นต้นขอให้ศาลจังหวัดสีคิ้วซึ่งเป็นศาลที่ที่ดินตั้งอยู่ช่วยบังคับคดีแทน การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลจังหวัดสีคิ้วจะไปยึดที่ดินเมื่อใดนั้น เป็นขั้นตอนการดำเนินงานของเจ้าพนักงานบังคับคดี แม้เจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลจังหวัดสีคิ้วจะไปทำการยึดที่ดินของจำเลยที่ 2 เกินกำหนดสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาเมื่อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนครบถ้วนแล้วภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาก็ถือได้ว่าโจทก์ได้ร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาตามป.วิ.พ.มาตรา 271 แล้ว โจทก์จึงมีสิทธิบังคับคดีเอาแก่ที่ดินของจำเลยที่ 2 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5703/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคัดค้านการบังคับคดีต้องกระทำก่อนบังคับคดีเสร็จสิ้นและภายในกำหนดเวลาตามกฎหมาย
ในการขายทอดตลาดโจทก์เป็นผู้ซื้อที่ดินได้โดยชำระเงินมัดจำค่าซื้อทรัพย์ในวันขายทอดตลาด ส่วนที่เหลือจะชำระภายใน 15 วันการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีรายงานต่อศาลชั้นต้นว่า ค่าซื้อทรัพย์ส่วนที่เหลือนั้นโจทก์ขอหักชำระหนี้โจทก์และทำบัญชีแสดงการรับ-จ่ายว่า เมื่อนำค่าซื้อทรัพย์ส่วนที่เหลือมาหักชำระหนี้โจทก์แล้วจำเลยยังคงเป็นหนี้โจทก์อยู่อีกจำนวนหนึ่ง ศาลชั้นต้นอนุญาตและมีหนังสือถึงเจ้าพนักงานที่ดินให้จดทะเบียนโอนที่ดินให้แก่โจทก์ต่อมาเจ้าพนักงานที่ดินมีหนังสือถึงศาลชั้นต้นว่าจดทะเบียนโอนที่ดินให้แก่โจทก์แล้ว ถือได้ว่าการบังคับคดีเกี่ยวกับที่ดินเสร็จลงแล้ว การร้องคัดค้านการขายทอดตลาดนั้น จะต้องร้องคัดค้านก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลง แต่ต้องไม่ช้ากว่า 8 วัน นับแต่วันทราบการฝ่าฝืนนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา296 วรรคสอง ดังนั้น แม้จำเลยจะไม่ทราบการยึดและการประกาศขายทอดตลาดก็ตาม เมื่อจำเลยมิได้ยื่นคำร้องคัดค้านก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลง จำเลยย่อมไม่มีสิทธิร้องขอให้ศาลเพิกถอนการขายทอดตลาดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5440/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าหนี้ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดในคดีล้มละลาย แม้มีคดีแพ่งค้างอยู่
แม้จะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือเป็นเจ้าหนี้ที่ได้ฟ้องคดีแพ่งไว้แล้วแต่คดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาก็ตาม เจ้าหนี้นั้นก็ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลา 2 เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 27 และ 91
แม้ พ.ร.บ.ล้มละลาย มาตรา 25 จะบัญญัติให้เจ้าพนักงาน-พิทักษ์ทรัพย์เข้าว่าคดีแพ่งทั้งปวงอันเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ซึ่งค้างพิจารณาอยู่ในศาลขณะที่มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ก็ตาม แต่บทมาตราดังกล่าวก็มิใช่บทบังคับให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องเข้าว่าคดีเช่นว่านี้ทุกเรื่องไป การจะเข้าว่าคดีหรือไม่เป็นดุลพินิจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และหากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำขอเป็นประการใดแล้ว ศาลก็มีอำนาจพิจารณาสั่งได้ตามที่เห็นสมควรเช่นกัน
กรณีของโจทก์คดีนี้เมื่อกฎหมายได้ให้สิทธิโจทก์ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้ว แต่โจทก์ไม่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนด โจทก์ย่อมหมดสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่โจทก์ดังกล่าวเนื่องมาจากความผิดของโจทก์เอง ดังนั้นการที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ขอเข้าว่าคดีแพ่งแทนจำเลยโดยขอให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดี และศาลชั้นต้นก็ได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีโจทก์ออกจากสารบบความนั้นชอบแล้ว และคำสั่งของศาลดังกล่าวถือไม่ได้ว่าเป็นการตัดสิทธิโจทก์ที่จะยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483 มาตรา 93

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5440/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าหนี้ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายภายในกำหนด แม้จะเป็นเจ้าหนี้เดิมที่มีคดีแพ่งค้างอยู่
แม้จะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือเป็นเจ้าหนี้ที่ได้ฟ้องคดีแพ่งไว้แล้วแต่คดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาก็ตามเจ้าหนี้นั้นก็ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลา 2 เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 27 และ 91 แม้พระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 25 จะบัญญัติให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าว่าคดีแพ่งทั้งปวงอันเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ซึ่งค้างพิจารณาอยู่ในศาลขณะที่มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ก็ตาม แต่บทมาตราดังกล่าวก็มิใช่บทบังคับให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องเข้าว่าคดีเช่นว่านี้ทุกเรื่องไป การจะเข้าว่าคดีหรือไม่เป็นดุลพินิจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และหากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำขอเป็นประการใดแล้ว ศาลก็มีอำนาจพิจารณาสั่งได้ตาม ที่เห็นสมควรเช่นกัน กรณีของโจทก์คดีนี้เมื่อกฎหมายได้ให้สิทธิโจทก์ยื่น คำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้ว แต่โจทก์ไม่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนด โจทก์ย่อมหมดสิทธิที่จะ ได้รับชำระหนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่โจทก์ดังกล่าวเนื่องมาจากความผิดของโจทก์เอง ดังนั้นการที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ขอเข้าว่าคดีแพ่งแทนจำเลยโดยขอให้ศาลมี คำสั่งจำหน่ายคดี และศาลชั้นต้นก็ได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีโจทก์ออกจากสารบบความนั้นชอบแล้ว และคำสั่งของศาลดังกล่าว ถือไม่ได้ว่าเป็นการตัดสิทธิโจทก์ที่จะยื่นคำขอรับชำระหนี้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 93

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5440/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าหนี้ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายภายในกำหนด หากไม่ยื่น แม้ศาลจะจำหน่ายคดี ก็ไม่ตัดสิทธิ
พระราชบัญญัติ ญญัติล้มละลายฯ มาตรา 25 มิใช่บทบังคับให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องเข้าว่าคดีแพ่งอันเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ซึ่งค้างพิจารณาอยู่ในศาล ขณะที่มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ทุกเรื่องไป การจะเข้าว่าคดีหรือไม่เป็นดุลพินิจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ และหากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำขอประการใดศาลก็มีอำนาจพิจารณาสั่งได้ตามที่เห็นสมควร การที่โจทก์ไม่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายภายในกำหนด โจทก์ย่อมหมดสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ขอเข้าว่าคดีแพ่งแทนจำเลย โดยขอให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดี จึงชอบที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งจำหน่ายคดีโจทก์ออกจากสารบบความและคำสั่งดังกล่าวถือไม่ได้ว่าเป็นการตัดสิทธิโจทก์ที่จะยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามมาตรา 93

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5419/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำหนดเวลาจดทะเบียนเป็นสาระสำคัญของสัญญานายหน้า หากไม่ทำตามสัญญาภายในกำหนด สัญญาเป็นโมฆะ
สัญญานายหน้าระบุว่า มอบให้นายหน้าไปจัดการจดทะเบียนให้เสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันทำสัญญา แสดงว่าคู่สัญญามีเจตนากำหนดเวลาไว้แน่นอนว่าต้องจดทะเบียนให้เสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันทำสัญญาถือเป็นสาระสำคัญของสัญญานายหน้า เมื่อนายหน้าไม่สามารถจัดการให้มีการจดทะเบียนซื้อขายภายในกำหนด โดยไม่ปรากฏว่ามีการผ่อนเวลาตามสัญญาออกไปอีก สัญญาจึงสิ้นสุดลงไม่มีผลผูกพันคู่สัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5267/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ แม้มีการรับชำระภายหลัง ก็ยังคงมีสิทธิบังคับคดีได้
เมื่อสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลพิพากษาตามยอมกำหนดให้จำเลยทั้งสี่ผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์ภายในกำหนดวันที่ 30 ของทุกเดือนเริ่มตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2532 เป็นต้นไป หากผิดนัดสองงวดติดต่อกันให้ถือว่าผิดนัดทั้งหมด ให้โจทก์บังคับคดีได้ทันทีสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวจึงได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทิน การที่จำเลยทั้งสี่ชำระหนี้งวดแรกช้าไป 1 วัน และไม่ได้ชำระงวดที่ 2 จำเลยทั้งสี่จึงผิดนัดสองงวดติดต่อกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 204 วรรคสอง โจทก์มีสิทธิบังคับคดีได้ จำเลยทั้งสี่มีหน้าที่ต้องชำระหนี้ให้โจทก์ถึง 44,714,520.11บาท และต้องผ่อนชำระทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยให้เสร็จภายใน 5 ปีจำเลยทั้งสี่ผ่อนชำระให้โจทก์เพียง 7 ครั้ง เป็นเงินเพียง 3,500,000บาท การที่โจทก์ยอมรับชำระหนี้จากจำเลยทั้งสี่อีกต่อมาภายหลังที่จำเลยทั้งสี่ผิดนัดนั้นย่อมเป็นการบรรเทาภาระหนี้สินของจำเลยทั้งสี่ที่มีอยู่ต่อโจทก์ ซึ่งเป็นผลดีแก่จำเลยทั้งสี่ จำเลยทั้งสี่จะถือเอาเป็นการผูกมัดโจทก์ว่าโจทก์มิได้ถือเอากำหนดเวลาชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นสาระสำคัญหาได้ไม่ ทั้งโจทก์ได้คัดค้านปฏิเสธข้ออ้างดังกล่าวของจำเลยทั้งสี่ตลอดมา แม้จำเลยทั้งสี่ได้ชำระหนี้ให้โจทก์ครั้งที่ 7 เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2533ต่อมาวันที่ 10 กันยายน 2533 โจทก์ก็ยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายบังคับคดี แสดงว่าโจทก์ยังถือเอากำหนดเวลาชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นสาระสำคัญต่อไป
of 99