พบผลลัพธ์ทั้งหมด 541 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3591/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในคดีที่ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง และคดีมีทุนทรัพย์น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โดยฟังข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์ และฟังไม่ได้ว่าจำเลยทำให้เสียทรัพย์ตามฟ้อง โจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 คดีส่วนแพ่ง โจทก์เรียกร้องให้จำเลยร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายรวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 32,600 บาท จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาทต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ทั้งไม่ปรากฏข้อกฎหมายที่ยกขึ้นอ้างอิงในฎีกาโดยแจ้งชัดแต่อย่างใด จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยมาตรา 249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3247/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษในคดียาเสพติด และข้อจำกัดในการฎีกาเมื่อศาลชั้นต้นและอุทธรณ์พิพากษาต้องกัน
การที่ศาลอุทธรณ์แก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้เพิ่มโทษจำเลยเป็นไม่เพิ่มโทษนั้น ไม่เป็นการแก้บทความผิด จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อย เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ลงโทษจำเลยกระทงละ 5 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2874/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการอุทธรณ์ฎีกาในคดีขับไล่และค่าเช่า: ประเด็นข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ตึกแถวพิพาท 2 ห้อง ค่าเช่าเดือนละ 100 บาทต่อห้องแม้โจทก์จะเรียกค่าเสียหายนับแต่วันฟ้องเดือนละ 6,000 บาท แต่ก็เป็นค่าเสียหายในอนาคตอันเป็นส่วนหนึ่งของการฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์ ถือได้ว่าการเช่ารายนี้มีค่าเช่าหรืออาจให้เช่าได้ ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละ 2,000 บาท จำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์หรือยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่า จึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 แม้ศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยให้ก็ไม่ชอบ คดีได้ยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในข้อเท็จจริง และการพิจารณาความประสงค์ของผู้ฎีกาในข้อหาอื่น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 288 ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่า พิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายถึงสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษฐานพยายามฆ่า ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าเช่นกันและบาดแผลไม่ถึงสาหัส พิพากษาแก้เป็นให้ลงโทษจำเลย ฐานทำร้ายร่างกาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ดังนี้ ข้อหาฐานพยายามฆ่าต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 การที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 288 จึงต้องห้าม คดีของโจทก์จึงไม่อาจขึ้นมาสู่การวินิจฉัยของศาลฎีกา และถือไม่ได้ว่าโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นในข้อหาฐานทำร้ายร่างกายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 ด้วย ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ยกฎีกาโจทก์ (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2526)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4000/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในคดีขับไล่: การต่อสู้ที่ไม่ใช่ข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ทำให้ฎีกาไม่ได้
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินของโจทก์ และเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อการที่จำเลยอยู่ในที่ดินของโจทก์โดยละเมิดเดือนละ 500 บาทโดยอ้างว่าที่ดินของโจทก์ดังกล่าวอาจให้เช่าได้เดือนละ 500 บาทเป็นคดีฟ้องขับไล่บุคคลในกรณีอื่นให้ออกจากอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในขณะยื่นคำฟ้องอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ 500 บาท ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ซึ่งต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงเว้นแต่จำเลยจะกล่าวแก้เป็นข้อพิพาท ด้วยกรรมสิทธิ์ คดีนี้จำเลยต่อสู้ว่าบ้านของจำเลยปลูกอยู่นอกเขต ที่ดินของโจทก์โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยหาได้ต่อสู้ว่าที่พิพาทที่ จำเลยปลูกบ้านเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยไม่ ถือไม่ได้ว่าจำเลย กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ คดีจึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงที่จำเลยฎีกาว่าบ้านจำเลยมิได้ปลูกอยู่ในที่ดินของโจทก์แต่ปลูก อยู่ใน ที่ดินของกรมชลประทานเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ศาลฎีกา ไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3705/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง คดีฉ้อโกงในศาลแขวง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยให้เหตุผลในการตัดสินว่ากรณียังไม่มีพฤติการณ์ที่จะแสดงว่าจำเลยทั้งสองส่อเจตนาฉ้อโกงโจทก์ เป็นการยกฟ้องในปัญหาข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่มีเจตนากระทำผิดตามที่โจทก์ฟ้อง ซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 22 โจทก์อุทธรณ์ว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองได้สมคบกันหลอกลวงอันเป็นการฉ้อโกงโจทก์ จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์ย่อมพิพากษายกอุทธรณ์โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2365/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนมติสมาคม: ข้อจำกัดระยะเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1291
คำร้องของผู้ร้องกล่าวอ้างว่าการประชุมและรายงานการประชุมของสมาคมเป็นการประชุมและรายงานการประชุมที่ไม่ชอบด้วยระเบียบข้อบังคับของสมาคม ไม่มีผลบังคับขอให้ศาลสั่งว่าการประชุมและรายงานการประชุมดังกล่าวขัดต่อข้อบังคับ ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่มีผลบังคับ ปรากฏตามรายงานการประชุมว่าที่ประชุมของสมาคมได้ลงมติแต่งตั้งกรรมการบริหารของสมาคม แม้ผู้ร้องมิได้ขอให้เพิกถอนมติของสมาคมโดยตรง แต่ถ้าได้ความตามคำร้องของผู้ร้องประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1291 กำหนดให้ศาลเพิกถอนมตินั้นเสียได้ กรณีตามคำร้องของผู้ร้องถือได้ว่าเป็นการขอให้เพิกถอนมติของสมาคม จึงอยู่ในบังคับของบทมาตราดังกล่าว ซึ่งห้ามมิให้ร้องเกินกว่าหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้ลงมติ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนเกินกว่าหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้ลงมติ จึงขาดสิทธิที่จะร้องขอให้เพิกถอนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2365/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนมติสมาคม: ข้อจำกัดระยะเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1291
คำร้องของผู้ร้องกล่าวอ้างว่าการประชุมและรายงานการประชุมของสมาคมเป็นการประชุมและรายงานการประชุมที่ไม่ชอบด้วยระเบียบข้อบังคับของสมาคม ไม่มีผลบังคับขอให้ศาลสั่งว่าการประชุมและรายงานการประชุมดังกล่าวขัดต่อข้อบังคับ ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่มีผลบังคับ ปรากฏตามรายงานการประชุมว่าที่ประชุมของสมาคมได้ลงมติแต่งตั้งกรรมการบริหารของสมาคม แม้ผู้ร้องมิได้ขอให้เพิกถอนมติของสมาคมโดยตรง แต่ถ้าได้ความตามคำร้องของผู้ร้องประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1291 กำหนดให้ศาลเพิกถอนมตินั้นเสียได้ กรณีตามคำร้องของผู้ร้องถือได้ว่าเป็นการขอให้เพิกถอนมติของสมาคม จึงอยู่ในบังคับของบทมาตราดังกล่าว ซึ่งห้ามมิให้ร้องเกินกว่าหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้ลงมติ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนเกินกว่าหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้ลงมติ จึงขาดสิทธิที่จะร้องขอให้เพิกถอนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2062/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ฎีกาในคดีขับไล่ผู้เช่าและเรียกค่าเสียหาย: ข้อจำกัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์ค่าเช่าไม่เกินเดือนละ 2,000 บาท และเรียกค่าเสียหายเดือนละ 50,000 บาทนับแต่วันฟ้องอันเป็นค่าเสียหายในอนาคต จำเลยรับว่าได้ทำสัญญาเช่าตามฟ้อง แต่โจทก์ให้จำเลยเช่าต่อไปอีก 10 ปีด้วยวาจาต่างหากจากสัญญาเช่าอันเป็นสัญญาต่างตอบแทน ส่วนค่าเสียหายก็ไม่เท่าที่ฟ้อง ดังนี้ จำเลย มิได้ต่อสู้คดีกล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ หรือไม่ได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่า จึงต้องห้ามอุทธรณ์ ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย คดีเป็นอันยุติไปตาม คำพิพากษาของศาลชั้นต้นแล้ว ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกามาไม่ชอบด้วย มาตรา 249 ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1575/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดในการฎีกาเรื่องฟ้องเคลือบคลุม ประเด็นนอกฟ้อง และประเด็นยุติ
ปัญหาเรื่องฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่ จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ทั้งปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยจะยกขึ้นฎีกาหาได้ไม่
โจทก์จำเลยนำชี้ที่พิพาทและต่างก็รับรองแผนที่พิพาทว่าถูกต้อง เมื่อศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่จำเลยก็ไม่ได้โต้แย้งว่าที่พิพาทเป็นที่ดินนอกฟ้อง ดังนี้ที่ดินที่โจทก์หาว่าจำเลยทั้งสองบุกรุกก็คือที่พิพาทตามที่ปรากฏในแผนที่พิพาท มิใช่พิพาทในที่แปลงอื่น จึงไม่ใช่เรื่องนอกฟ้องนอกประเด็น
ครั้งแรกศาลชั้นต้นพิพากษาว่าโจทก์ไม่ฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองภายใน 1 ปี จึงขาดสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าโจทก์ไม่ขาดสิทธิฟ้องร้องยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิพากษาตามประเด็นที่กำหนดไว้ จำเลยไม่ฎีกา เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ก็มิได้พิพากษาในประเด็นข้อนี้ประเด็นเรื่องอายุความเอาคืนซึ่งการครอบครองจึงยุติ จำเลยจะยกขึ้นฎีกาอีกไม่ได้
โจทก์จำเลยนำชี้ที่พิพาทและต่างก็รับรองแผนที่พิพาทว่าถูกต้อง เมื่อศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่จำเลยก็ไม่ได้โต้แย้งว่าที่พิพาทเป็นที่ดินนอกฟ้อง ดังนี้ที่ดินที่โจทก์หาว่าจำเลยทั้งสองบุกรุกก็คือที่พิพาทตามที่ปรากฏในแผนที่พิพาท มิใช่พิพาทในที่แปลงอื่น จึงไม่ใช่เรื่องนอกฟ้องนอกประเด็น
ครั้งแรกศาลชั้นต้นพิพากษาว่าโจทก์ไม่ฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองภายใน 1 ปี จึงขาดสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าโจทก์ไม่ขาดสิทธิฟ้องร้องยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิพากษาตามประเด็นที่กำหนดไว้ จำเลยไม่ฎีกา เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ก็มิได้พิพากษาในประเด็นข้อนี้ประเด็นเรื่องอายุความเอาคืนซึ่งการครอบครองจึงยุติ จำเลยจะยกขึ้นฎีกาอีกไม่ได้