คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดีแพ่ง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,220 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 265/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของคำพิพากษาคดีอาญาต่อคดีแพ่ง: การท้าพิสูจน์ตามคำพิพากษาคดีอาญาที่ยังไม่ถึงที่สุด
คู่ความตกลงท้ากันให้ถือเอาผลของคำพิพากษาคดีอาญาของศาลแขวงสงขลา ที่โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาปลอมและใช้พินัยกรรมปลอมเป็นข้อวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทในคดีนี้ว่าพินัยกรรมฉบับพิพาท เป็นพินัยกรรมปลอมหรือไม่ ย่อมมีความหมายว่าคู่ความประสงค์ให้ถือเอา ผลของคำพิพากษาที่ถึงที่สุดเป็นข้อแพ้ชนะกันในประเด็นดังกล่าว เมื่อคดีอาญายังไม่ถึงที่สุดและไม่ปรากฏว่าคู่ความได้ยกเลิกคำท้า ศาล จึงต้องรอฟังผลของคำพิพากษาคดีอาญาที่ถึงที่สุดเป็นหลักในการ วินิจฉัยตามที่คู่ความท้ากัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2390/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาที่ยังไม่เด็ดขาด
โจทก์ฟ้องเรียกเงินซึ่งจำเลยรับสารภาพว่ายักยอกและยินยอมชดใช้คืนให้โจทก์ เป็นการฟ้องเรียกมูลค่าทรัพย์สินของโจทก์ซึ่งจำเลยเอาไปโดยไม่มีสิทธิ ทั้งเป็นการฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาซึ่งเดิมโจทก์ฟ้องเป็นคดีอาญาและศาลประทับฟ้อง แต่ยังไม่ได้ตัวจำเลยมาพิจารณาและศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราว คดีอาญายังไม่เด็ดขาดอายุความฟ้องคดีแพ่งย่อมสะดุดหยุดลงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 51 วรรคสอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2390/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา: การหยุดชะงักเมื่อคดีอาญาไม่เด็ดขาด
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาในข้อหายักยอกเงินโจทก์ศาลประทับฟ้องไว้พิจารณาแล้ว เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2524 แต่ยังไม่ได้ตัวจำเลยมาพิจารณา ศาลจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราว คดีอาญาจึงยังไม่เด็ดขาด อายุความซึ่งโจทก์เป็นผู้เสียหายมีสิทธิจะฟ้องเป็นคดีแพ่งย่อมสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 51 วรรคสอง โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งเรียกเงินที่จำเลยยักยอกไปคืนเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2534 จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1940/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สัญญากู้ยืมเงินและค้ำประกันเป็นหลักฐานในคดีแพ่ง แม้จะติดอากรแสตมป์หลังทำสัญญา
ป.รัษฎากร มาตรา 118 หาได้บังคับให้ปิดและขีดฆ่าอากรแสตมป์ในขณะทำสัญญาไม่ เมื่อสัญญากู้ยืมเงินและสัญญาค้ำประกันได้ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนและขีดฆ่าแล้ว ในขณะฟ้องคดีจะโดยผู้อ้างเป็นผู้กระทำเองหรือผู้อ้างขอให้ศาลสั่งให้เจ้าหน้าที่สรรพากรจัดการให้ก็มีผลเช่นเดียวกัน ศาลจึงรับฟังสัญญาดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานในคดีได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1859/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจดุลพินิจศาลในการงดสืบพยานและการรับฟังข้อเท็จจริงในคดีแพ่ง
อุทธรณ์จำเลยที่ว่า ศาลชั้นต้นควรสืบพยานโจทก์จำเลยก่อนเพื่อจะวินิจฉัยแปลความในสัญญาเช่าว่าโจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองหรือไม่ และโจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ดินพิพาท ตัวบ้านที่พิพาทของจำเลยทั้งสองในส่วนด้านหน้าหรือทั้งหมดปลูกอยู่ในรัศมีของถนนไม่ได้เช่าจากใคร เป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลชั้นต้นในการมีคำสั่งงดสืบพยานและรับฟังข้อเท็จจริง เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 172/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินสาธารณะ การรบกวนสิทธิ และอำนาจฟ้องคดี
ที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน มิใช่ของโจทก์ โจทก์ จึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยข้อหาบุกรุก แม้จะปรากฏว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกัน แต่เมื่อโจทก์เป็นฝ่ายครอบครองใช้ประโยชน์อยู่ก่อนจำเลยกับพวก การที่จำเลยกับพวกเอาเสาปูนซิเมนต์ ไปปักในที่พิพาท จึงเป็นการรบกวนสิทธิของโจทก์ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนสิทธิของโจทก์ และเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้ โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ขอให้ลงโทษฐานบุกรุก และให้ใช้ค่าเสียหาย เป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา การนำสืบ ว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เพื่อแสดงให้เห็นว่าจำเลย ไม่ได้กระทำผิดตามฟ้องย่อมกระทำได้ ข้อเท็จจริงจึงเกิดจากการ ดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบ ศาลจึงมีอำนาจยกข้อเท็จจริงขึ้น วินิจฉัยในคดีส่วนแพ่งได้ว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติโจทก์มีสิทธิ ครอบครอง ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1546/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานและเอกสารต่างประเทศในคดีแพ่ง การรับฟังพยานหลักฐานประกอบเอกสาร
เอกสารที่เป็นภาษาต่างประเทศ โจทก์มิได้ส่งสำเนาคำแปลให้แก่จำเลยร่วมก็ไม่เป็นเหตุให้ถึงกับจะรับฟังเอกสารดังกล่าวไม่ได้เพราะว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 46 เพียงบัญญัติให้ศาลสั่งคู่ความฝ่ายที่ส่งเอกสารให้ทำคำแปลแนบไว้กับต้นฉบับเท่านั้น และโจทก์ได้ทำคำแปลเอกสารส่งศาลแล้ว ศาลย่อมรับฟังเอกสารนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1512/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลคำพิพากษาคดีอาญาผูกพันคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกัน ประเด็นความประมาทเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้
คดีแพ่งที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามในมูลละเมิด เป็นการกระทำเดียวกันกับคดีอาญาที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ในข้อหาความผิดต่อชีวิต ประมาท และก่อให้เกิดเพลิงไหม้ การที่จำเลยที่ 1ที่ 2 ในคดีแพ่ง ยื่นคำร้องขออ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 4531/2532 ของคดีอาญาดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานในชั้นฎีกา เมื่อข้อเท็จจริง ปรากฏว่าศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแพ่งเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2528 ส่วนคำพิพากษาฎีกาที่ 4531/2532 ได้อ่านให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2533 จำเลยที่ 1ที่ 2 ในคดีแพ่ง จึงไม่อาจอ้าง คำพิพากษาฎีกาดังกล่าวได้ก่อนนั้น และปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้เคยยื่นคำร้องขออ้างคำพิพากษาฎีกาที่4531/2532 ต่อศาลอุทธรณ์ มาแล้ว แต่ศาลอุทธรณ์มิได้มีคำสั่งอย่างใดดังนี้เห็นว่า คำพิพากษาฎีกาที่ 4531/2532 เป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็น ในคดี เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลฎีกามีอำนาจรับ พยานหลักฐานดังกล่าวเข้าสู่สำนวนความในชั้นฎีกาได้ พนักงานอัยการเคยเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญากล่าวหาจำเลยที่ 2 เป็นจำเลย ว่ากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ ซึ่งมี มูลคดีเป็นการกระทำเดียวกันกับคดีแพ่งมาก่อน คดีของโจทก์ใน คดีแพ่งจึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา เมื่อผลของคำพิพากษา คดีส่วนอาญา มีคำวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 มิได้กระทำประมาท เป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้และคดีถึงที่สุดไปแล้ว ข้อเท็จจริง ดังกล่าวศาลในคดีส่วนแพ่งจึงต้องถือตามที่ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 บัญญัติไว้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1216/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าขึ้นศาลคดีแพ่ง: การฟ้องหลายข้อหา (ผิดสัญญา/ละเมิด) และการร้องเรียนต่อบุคคลที่สาม
การพิจารณาว่าคดีใดจะต้องเสียค่าขึ้นศาลเท่าใด จำต้องพิจารณาคำฟ้องเป็นเกณฑ์โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานผิดสัญญาข้อหาหนึ่ง และฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดอีกข้อหาหนึ่งคำฟ้องของโจทก์จึง เป็นการเสนอข้อหา 2 ข้อหา และแยกจากกันได้ โจทก์จึงต้องเสีย ค่าขึ้นศาลทั้ง 2 ข้อหา โจทก์ทำสัญญารับจ้างเหมาก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ โดยโจทก์ได้ทำสัญญาซื้อและติดตั้งลิฟต์ กับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ได้ ส่งมอบลิฟต์ และติดตั้งลิฟต์ ให้แก่โจทก์เรียบร้อยแล้ว โจทก์ได้รับ เงินจากมหาวิทยาลัยในงานส่วนติดตั้งลิฟต์ แล้ว แต่ไม่ยอมจ่ายเงิน ให้แก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ได้ร้องเรียนต่อ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยได้เรียกโจทก์และจำเลยที่ 1 ไปไกล่เกลี่ยในที่สุดโจทก์ตกลงจ่ายค่าลิฟต์ ให้จำเลยที่ 1 แต่ก็ ไม่จ่ายอีก เห็นว่าการที่จำเลยที่ 1 ร้องเรียนโจทก์ต่อมหาวิทยาลัย ดังกล่าว เป็นสิทธิของจำเลยที่ 1 จะกระทำได้โดยชอบ หาเป็น การละเมิดโจทก์ไม่ พยานจำเลยที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานไปนั้น จะเบิกความถึงข้อเท็จจริงที่ศาลฎีกาวินิจฉัยเป็นคุณแก่จำเลยอยู่แล้ว การที่ ศาลชั้นต้นงดสืบพยานจำเลยไม่ทำให้คำวินิจฉัยของศาลเปลี่ยนแปลง เป็นอย่างอื่นฎีกาของจำเลยที่ว่าศาลชั้นต้นงดสืบพยานไม่ชอบ จึงไม่ เป็นสาระอันควรวินิจฉัยศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6405/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีแพ่งเนื่องจากคดีล้มละลาย และการขอพิจารณาคดีใหม่
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ จำเลยร้องขอพิจารณาคดีใหม่ ศาลชั้นต้นยกคำร้องจำเลยอุทธรณ์ ระหว่างอุทธรณ์จำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในอีกคดีหนึ่ง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ได้เข้ามาว่าคดีแทนจำเลยศาลอุทธรณ์จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีโดยมิได้วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลย เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่ในคดีล้มละลาย ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาคดีล้มละลายใหม่ มีผลให้คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเป็นอันเพิกถอนไปในตัว ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 209ประกอบด้วย พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153 จำเลยชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไป ศาลฎีกายังไม่มีอำนาจวินิจฉัยฎีกาของจำเลยที่ขอให้ศาลฎีกาสั่งศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลย
of 122