พบผลลัพธ์ทั้งหมด 557 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 533/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันเฉพาะคู่ความ ผู้เยาว์มีสิทธิทำนิติกรรมได้ตามกฎหมาย
ผู้ร้องเคยเป็นโจทก์ฟ้องขอแบ่งทรัพย์จากผู้คัดค้าน แล้วทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันต่อหน้าศาล โดยผู้คัดค้านยอมยกที่ดินให้แก่ผู้ร้องและบุตรผู้เยาว์ และผู้ร้องให้สัญญาว่าจะไม่นำที่ดินส่วนของบุตรผู้เยาว์ไปจำหน่ายจ่ายโอนหรือจำนองทั้งนี้จนกว่าบุตรผู้เยาว์จะบรรลุนิติภาวะ สัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมในคดีดังกล่าวแล้วย่อมมีผลผูกพันเฉพาะคู่ความในกระบวนพิจารณา บุตรผู้เยาว์ผู้ได้รับการให้ที่ดินเป็นบุคคลนอกคดี และสัญญาประนีประนอมยอมความก็มิได้มีเงื่อนไขห้ามบุตรผู้เยาว์มิให้จำหน่ายจ่ายโอนที่ดินส่วนของตนบุตรผู้เยาว์โดยผู้ปกครองย่อมมีอำนาจร้องขอต่อศาล ขออนุญาตทำนิติกรรมขายที่ดินของผู้เยาว์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 837/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้อง: ศาลจะยกขึ้นอ้างเองได้ต่อเมื่อเห็นสมควร และเมื่อคู่ความมิได้ต่อสู้
ศาลจะยกเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนขึ้นอ้างเองก็ต่อเมื่อศาลเห็นสมควรเท่านั้น
การที่จำเลยผู้ขายที่ดินพิพาทมิได้ต่อสู้เรื่องอำนาจฟ้องไว้ และเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินก็ได้จัดการโอนที่พิพาทให้โจทก์ไปแล้ว โดยจำเลยเป็นผู้รับเงินค่าที่ดินทั้งหมด ทั้งเจ้าของที่ดินมิได้โต้แย้งคัดค้านแต่ประการใด กรณีจึงไม่มีเหตุสมควรที่ศาลจะยกขึ้นวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 350/2485)
การที่จำเลยผู้ขายที่ดินพิพาทมิได้ต่อสู้เรื่องอำนาจฟ้องไว้ และเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินก็ได้จัดการโอนที่พิพาทให้โจทก์ไปแล้ว โดยจำเลยเป็นผู้รับเงินค่าที่ดินทั้งหมด ทั้งเจ้าของที่ดินมิได้โต้แย้งคัดค้านแต่ประการใด กรณีจึงไม่มีเหตุสมควรที่ศาลจะยกขึ้นวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 350/2485)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 555/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกความเท็จในชั้นไต่สวนอนาถา ไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อคู่ความ จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
การที่จำเลยเข้าเบิกความในชั้นไต่สวนเพื่อให้ศาลสั่งอนุญาตให้จำเลยซึ่งเป็นโจทก์ในคดีนั้นฟ้องคดีอย่างคนอนาถา เป็นข้อความที่เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของจำเลย มิได้เกี่ยวพันถึงโจทก์ในคดีนี้หรือจำเลยในคดีนั้นโจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้องคดีในข้อหาเบิกความเท็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2213/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: คดีพิพาทที่ดินถึงที่สุดแล้ว ห้ามฟ้องรื้อฟื้นประเด็นเดิม แม้คู่ความเปลี่ยน
จำเลยคดีนี้ เคยเป็นโจทก์ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นจำเลยมาแล้วคดีถึงที่สุด ศาลฎีกาพิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยคดีนี้(โจทก์ในคดีก่อน) แล้ว โจทก์มารื้อฟื้นฟ้องจำเลยเกี่ยวกับที่พิพาทแปลงเดียวกันนี้อีก เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1927/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันคำพิพากษาคดีอาญาต่อคดีแพ่ง: จำเลยต้องไม่ใช่คู่ความในคดีอาญา
จำเลยเป็นแต่เพียงผู้เสียหาย มิได้ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการโจทก์ ดังนั้น ข้อเท็จจริงในคดีอาญาจึงไม่ผูกพันจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1927/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันคำพิพากษาคดีอาญาต่อคดีแพ่ง: จำเลยต้องเป็นคู่ความในคดีอาญาจึงมีผลผูกพัน
จำเลยเป็นแต่เพียงผู้เสียหาย มิได้ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการโจทก์ ดังนั้น ข้อเท็จจริงในคดีอาญาจึงไม่ผูกพันจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 599/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: คำพิพากษาคดีเดิมผูกพันคู่ความ การฟ้องกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์ใหม่จึงเป็นการเถียงรื้อฟื้นคดี
เดิมจำเลยฟ้องขอให้ถอนชื่อโจทก์จากโฉนดโดยอ้างว่าที่ดินเป็นของจำเลย โจทก์ต่อสู้ว่าบุคคลภายนอกยกที่ดินให้แก่โจทก์ ศาลคดีเดิมพิพากษา คดีถึงที่สุดว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลย คำพิพากษาของศาลคดีเดิมย่อมผูกพันโจทก์จำเลย ดังนั้น การที่โจทก์กลับมาฟ้องกล่าวอ้างว่า จำเลยแบ่งขายที่พิพาทให้โจทก์ครึ่งหนึ่งจึงเท่ากับเป็นการเถียงรื้อฟื้นคดีเดิมว่า ที่พิพาทไม่ใช่เป็นของจำเลยทั้งหมด แต่เป็นของโจทก์ครึ่งหนึ่ง กรณีจึงเป็นการฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 597/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการโอนสิทธิเช่าก่อนล้มละลาย และผลกระทบเมื่อผู้รับโอนรายหลังมิได้เป็นคู่ความ
ก่อนมีการขอให้ล้มละลาย 3 วัน บุคคลล้มละลายได้โอนสิทธิการเช่าตึกแถวให้กับเจ้าหนี้ของตนเพื่อให้เจ้าหนี้นั้นโอนขายสิทธิการเช่าต่อไปและเอาเงินมาชำระหนี้ ต่อมาเจ้าหนี้นั้นก็โอนสิทธิการเช่าตึกนั้นไปและได้เอาเงินที่ได้รับไปแต่ผู้เดียว เป็นกรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 และพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 115
แต่เมื่อสิทธิการเช่าได้ถูกโอนต่อไปหลายทอดและผู้ที่ได้รับโอนรายหลัง ๆ มิได้เข้ามาเป็นคู่ความด้วยคำขอของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่ให้เพิกถอนการโอนสิทธิการเช่าและให้สิทธิการเช่ากลับมาเป็นของบุคคลล้มละลายตามเดิม จึงบังคับให้ไม่ได้ต้องยกเสีย
แต่เมื่อสิทธิการเช่าได้ถูกโอนต่อไปหลายทอดและผู้ที่ได้รับโอนรายหลัง ๆ มิได้เข้ามาเป็นคู่ความด้วยคำขอของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่ให้เพิกถอนการโอนสิทธิการเช่าและให้สิทธิการเช่ากลับมาเป็นของบุคคลล้มละลายตามเดิม จึงบังคับให้ไม่ได้ต้องยกเสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1735/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิบัติคำท้าพิสูจน์ข้อเท็จจริงต้องเป็นไปตามที่คู่ความตกลง หากไม่ตรงตามข้อตกลง ศาลยังไม่สามารถพิพากษาคดีได้
สำเนาคำฟ้องฎีกา เมื่อเจ้าพนักงานศาลรายงานว่า สั่งให้จำเลยฎีกาไม่ได้เพราะตัวจำเลยตาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์ฎีกาแถลงมาภายใน 5 วัน โจทก์ทราบคำสั่งแล้วครบกำหนด 5 วันไม่แถลงให้ศาลทราบย่อมถือได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2) ได้
คู่ความตกลงท้ากันให้พนักงานที่ดินอำเภอและปลัดอำเภอ คนใดคนหนึ่งแล้วแต่นายอำเภอจะกำหนดตัวพากันไปดูที่พิพาทร่วมกับคู่ความ เพื่อต้องการทราบว่าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 2 หรือหมู่ที่ 3 ตำบลสำโรงชัย แล้วรายงานมายังศาล ถ้าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 3 ให้ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะถ้าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 2 ให้ศาลพิพากษาให้จำเลยชนะ เมื่อปรากฏว่าเสมียนพนักงานที่ดินกับปลัดอำเภอไปดูที่พิพาทแทนตัวพนักงานที่ดินจึงไม่ตรงกับความประสงค์ของคู่ความที่ท้ากัน ถือได้ว่ายังไม่มีการปฏิบัติโดยถูกต้องตามคำท้า ศาลจะพิพากษาให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดชนะคดียังไม่ได้
คู่ความตกลงท้ากันให้พนักงานที่ดินอำเภอและปลัดอำเภอ คนใดคนหนึ่งแล้วแต่นายอำเภอจะกำหนดตัวพากันไปดูที่พิพาทร่วมกับคู่ความ เพื่อต้องการทราบว่าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 2 หรือหมู่ที่ 3 ตำบลสำโรงชัย แล้วรายงานมายังศาล ถ้าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 3 ให้ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะถ้าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 2 ให้ศาลพิพากษาให้จำเลยชนะ เมื่อปรากฏว่าเสมียนพนักงานที่ดินกับปลัดอำเภอไปดูที่พิพาทแทนตัวพนักงานที่ดินจึงไม่ตรงกับความประสงค์ของคู่ความที่ท้ากัน ถือได้ว่ายังไม่มีการปฏิบัติโดยถูกต้องตามคำท้า ศาลจะพิพากษาให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดชนะคดียังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 434/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานภายหลัง และสิทธิในการนำพยานสืบเพิ่มเติมของคู่ความ
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 89 ถ้าศาลยอมรับฟังพยานจำเลยซึ่งเป็นฝ่ายที่สืบภายหลัง โดยที่จำเลยไม่ได้ถามค้านโจทก์ไว้ขณะโจทก์เบิกความคู่ความที่ได้นำพยานสืบก่อนจะเรียกพยานที่เกี่ยวข้องมาสืบอีกก็ได้. ถ้าโจทก์เพียงแต่ยื่นคำแถลงคัดค้านว่าคำสั่งศาลคลาดเคลื่อนด้วยกฎหมาย. ขอโต้แย้งไว้ให้ศาลสูงวินิจฉัย. โจทก์ไม่ได้ขอให้เรียกพยานที่เกี่ยวข้องของโจทก์มาสืบตามสิทธิที่มีอยู่. ดังนี้ จะว่าศาลไม่อนุญาตให้โจทก์นำพยานที่เกี่ยวข้องมาสืบอีกหาได้ไม่.
โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่จำเลยกู้ไป จำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้ทำสัญญากู้ไว้กับโจทก์. โจทก์เอาสัญญากู้ซึ่งไม่มีข้อความอื่น นอกจากจำเลยเซ็นชื่อในช่องผู้กู้ให้ ป. มากรอกข้อความแล้วเอามาฟ้อง. ดังนี้ เท่ากับจำเลยสู้ว่าสัญญากู้นั้นปลอม. โจทก์จึงต้องนำสืบก่อน.
โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่จำเลยกู้ไป จำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้ทำสัญญากู้ไว้กับโจทก์. โจทก์เอาสัญญากู้ซึ่งไม่มีข้อความอื่น นอกจากจำเลยเซ็นชื่อในช่องผู้กู้ให้ ป. มากรอกข้อความแล้วเอามาฟ้อง. ดังนี้ เท่ากับจำเลยสู้ว่าสัญญากู้นั้นปลอม. โจทก์จึงต้องนำสืบก่อน.