พบผลลัพธ์ทั้งหมด 610 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2827/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของผู้ค้ำประกันสัญญาเช่ารถยนต์ จำกัดตามที่ระบุในสัญญาเท่านั้น
อ.เป็นผู้เช่าและรับรถยนต์ไปจากโจทก์ จำเลยทำหนังสือสัญญาค้ำประกันผู้เช่าให้ไว้แก่โจทก์ ต่อมาคนร้ายลักรถยนต์ที่เช่าไปขณะอยู่ในครอบครองของ อ.ผู้เช่า สัญญาค้ำประกันมีใจความสารสำคัญว่า จำเลยยินดีชดใช้หรือรับผิดชอบให้กับผู้เช่า ในกรณีตามหาผู้เช่าไม่พบโดยรับผิดชอบตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้ 1. การเสียหายของรถอันเกิดจากอุบัติเหตุหรือรถชนกันถ้าต่ำกว่า 1,000 บาท จำเลยจะต้องรับผิด 2. ถ้าเกิดรถหายในระหว่างเช่าจำเลยจะต้องรับผิดชอบ ดังนี้ จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ก็แต่เฉพาะในกรณีตามหาผู้เช่าไม่พบ และจำกัดเฉพาะเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญา 2 ข้อเท่านั้น ข้อเท็จจริงฟังยุติว่า ในวันที่รถยนต์หายนั้น อ.ผู้เช่าไปแจ้งที่บริษัทโจทก์ว่ารถหายและมอบกุญแจรถคืนให้โจทก์แล้ว จึงมิใช่เป็นกรณีตามหาผู้เช่าไม่พบ จำเลยหาจำต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2491/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของผู้ค้ำประกันตามสัญญาค้ำประกันหนี้เบิกเงินเกินบัญชี และผลกระทบจากการที่เจ้าหนี้ไม่รับชำระหนี้
ค้ำประกันหนี้เบิกเงินเกินบัญชีตามสัญญา 30,000 บาทผู้ค้ำประกันรับผิดเพียง 30,000 บาท กับดอกเบี้ยในจำนวนนั้น แต่ไม่ต้องรับผิดในจำนวนต้นเงินที่เกิน 30,000 บาท
ผู้ค้ำประกันขอชำระหนี้ตามจำนวนที่ต้องรับผิด แต่เจ้าหนี้ไม่รับชำระ เจ้าหนี้ผิดนัด ผู้ค้ำประกันไม่ต้องรับผิดในดอกเบี้ย หลังจากที่เจ้าหนี้ผิดนัด
ผู้ค้ำประกันขอชำระหนี้ตามจำนวนที่ต้องรับผิด แต่เจ้าหนี้ไม่รับชำระ เจ้าหนี้ผิดนัด ผู้ค้ำประกันไม่ต้องรับผิดในดอกเบี้ย หลังจากที่เจ้าหนี้ผิดนัด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2275/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกัน, ดอกเบี้ยทบต้น, สิทธิคิดดอกเบี้ยหลังสัญญาสิ้นสุด, การฟ้องคดีโดยผู้รับมอบอำนาจ
กู้เงินธนาคารโดยใช้เช็คเบิกเงินและนำเงินเข้าบัญชีหักหนี้กันกำหนดเวลาชำระเงินคืนไว้ ครบกำหนดแล้วก็ยังนำเงินเข้าบัญชีเพื่อหักทอนบัญชีกันอยู่ บัญชีคงเดินสะพัดเรื่อยไป ธนาคารคิดดอกเบี้ยทบต้นได้ต่อไปจนถึงวันธนาคารบอกเลิกสัญญา ผู้ค้ำประกันซึ่งยอมรับผิดร่วมกับลูกหนี้รวมทั้งดอกเบี้ยและค่าเสียหายก็ต้องรับผิดในดอกเบี้ยทบต้นร่วมด้วย
เอกสารราชการซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ทำขึ้นรับรองว่าบริษัทมีกรรมการคือใคร กรรมการลงลายมือชื่อและประทับตราผูกพันบริษัทได้อย่างไร จำเลยไม่สืบพยานหักล้าง ผู้รับมอบอำนาจจากกรรมการตามรายละเอียดในเอกสารนั้นฟ้องคดีได้
เอกสารราชการซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ทำขึ้นรับรองว่าบริษัทมีกรรมการคือใคร กรรมการลงลายมือชื่อและประทับตราผูกพันบริษัทได้อย่างไร จำเลยไม่สืบพยานหักล้าง ผู้รับมอบอำนาจจากกรรมการตามรายละเอียดในเอกสารนั้นฟ้องคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2119/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสัญญาค้ำประกันการขายลดตั๋วเงิน: ฟ้องในฐานะผู้ค้ำฯ ไม่ใช่ผู้รับผิดตามตั๋วเงินโดยตรง
เมื่อโจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดในมูลหนี้ตามสัญญาขายลดตั๋วเงินที่จำเลยที่ 1 ทำไว้ต่อโจทก์ และให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้ค้ำประกันการขายลดตั๋วเงินดังกล่าว หาได้ฟ้องจำเลยให้รับผิดในมูลหนี้ตามตั๋วแลกเงินไม่สัญญาขายลดตั๋วเงินไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้ โดยเฉพาะ ดังนั้น จึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 คือมีกำหนดอายุความ 10 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 105/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: สิทธิของเจ้าหนี้ผู้ค้ำประกันและผลของการไม่ยื่นภายในกำหนด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาด ธนาคารค้ำประกันหนี้ค่าภาษีศุลกากรขาเข้าและภาษีการค้าของลูกหนี้ไว้ก่อน ถือว่ามูลหนี้เกิดขึ้นก่อนแล้ว แม้ลูกหนี้ยังไม่ถูกกรมศุลกากรเรียกให้ชำระหนี้ก็ตามธนาคารไม่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายใน 2 เดือน จึงหมดสิทธิขอรับชำระหนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์นั้น ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้พิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดตามคำสั่งศาลชั้นต้นธนาคารขอรับชำระหนี้ภายในสองเดือนนับแต่โฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ครั้งที่สองนี้ไม่ได้ การโฆษณาคำสั่งครั้งที่สองนี้สำหรับหนี้ที่เกิดขึ้นหลังจากที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องแล้วเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของลูกหนี้จากการค้ำประกันและการประเมินราคาที่ดินที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง
โจทก์ซื้อเชื่อปุ๋ยจาก ก. มาขายแก่จำเลยที่ 1 โจทก์ขอให้ธนาคารจำเลยที่ 2 ค้ำประกันโจทก์ต่อ ก. จำเลยที่ 1 จำนองที่ดินแก่ธนาคารประกันหนี้ของโจทก์และของจำเลยที่ 1 เองต่อธนาคาร โจทก์ไม่ใช้ราคาปุ๋ยแก่ ก. ธนาคารใช้เงินแก่ ก.ไป 800,000บาทตามวงเงินที่ค้ำประกัน ดังนี้ โจทก์ต้องใช้เงินนี้แก่ธนาคาร ที่ดินที่จำเลยที่ 1 จำนองราคาจริง 120,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ธนาคารประเมินไว้ 2 ล้านบาท โจทก์สืบรู้เอง ไม่ใช่ธนาคารแจ้งแก่โจทก์โจทก์อ้างว่าเสียหายเพราะเข้าใจราคาที่ดินที่จำนองผิด จึงให้ธนาคารค้ำประกันโจทก์ไม่ได้ แม้คนของธนาคารทุจริตโจทก์ ก็ไม่พ้นความรับผิดต่อธนาคาร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2330/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันภาษีอากรต่างด้าว: ความรับผิดเมื่อไม่กลับเข้าประเทศภายใน 180 วัน
ที่ประมวลรัษฎากร มาตรา 4 อัฏฐ บัญญัติให้คนต่างด้าวซึ่งมีความจำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศเป็นปกติธุรเกี่ยวกับการประกอบอาชีพ หรือวิชาชีพยื่นคำร้องขอรับใบผ่านภาษีอากรโดยมีหลักประกันหรือหลักทรัพย์อยู่ในประเทศไทยพอคุ้มค่าภาษีอากรที่ค้างหรือที่จะต้องชำระนั้น ก็เพียงป้องกันไม่ให้รัฐต้องขาดรายได้จากภาษีอากรที่คนต่างด้าวค้างชำระหรือที่จะต้องชำระ เพราะเหตุที่คนต่างด้าวออกจากประเทศไทยไปแล้วไม่กลับเข้ามาในประเทศไทยอีก
จำเลยทำสัญญาค้ำประกัน อ.คนต่างด้าวไว้ต่อโจทก์ เนื่องจากเหตุที่ อ.มีความจำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศ และร้องขอรับใบผ่านภาษีอากรนั้นเป็นการค้ำประกันการเดินทางไปต่างประเทศของ อ.ว่า เมื่อ อ.ไปต่างประเทศแล้วจะต้องเดินทางกลับมาประเทศไทยภายใน 180 วันนับแต่วันออกใบผ่านภาษีอากร ดังนั้น ที่สัญญาค้ำประกันระบุว่า "หากทางราชการจะเรียกร้อง (ภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร) เอาจาก อ.ไม่ได้หรือไม่สะดวก ข้าพเจ้า (จำเลย) ยินยอมชำระแทนให้จนครบถ้วนทั้งสิ้น" นั้น หมายถึงว่าถ้า อ.ไม่เดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยภายใน 180 วันนั้นนับตั้งแต่วันออกใบผ่านภาษีอากรหากทางราชการจะเรียกร้องภาษีอากรเอาจาก อ.ไม่ได้หรือไม่สะดวก จำเลยยินยอมชำระแทนให้จนครบ มิใช่หมายความว่าแม้ อ.เดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยภายใน 180 วัน นับตั้งแต่วันออกใบผ่านภาษีอากรแล้ว หากทางราชการจะเรียกร้องเอาจาก อ.ไม่ได้หรือไม่สะดวกแล้วจำเลยยังจะต้องรับผิดชำระแทนครบถ้วน
อ.คนต่างด้าวได้รับใบผ่านภาษีอากรประเภทเดินทางหลายครั้ง (ระบบ ผ.3 ก) มีสิทธิใช้ใบผ่านภาษีอากรเดินทางไปต่างประเทศได้หลายครั้ง แต่ต้องเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยภายใน 180 วันนับตั้งแต่วันออกใบผ่านภาษีอากรแล้ว เมื่อ อ.ได้เดินทางไปต่างประเทศแล้วกลับเข้ามาในประเทศไทย หลังจากนั้นก็ได้เดินทางไปต่างประเทศอีกภายใน 180 วันนั้นแล้วไม่ได้เดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยอีกเลย ดังนี้ สัญญาค้ำประกันดังกล่าวหาได้ระงับไปเพราะ อ.กลับเข้ามาในประเทศไทยครั้งแรกไม่ จำเลยจึงต้องรับผิดชำระหนี้ภาษีอากรแทน อ.ตามสัญญาค้ำประกัน
จำเลยขอค้ำประกัน อ.ต่อโจทก์ว่า ถ้า อ.มีหน้าที่จะต้องเสียภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรไม่ว่าในฐานะส่วนตัวหรือในฐานะแทนผู้อื่น หากทางราชการจะเรียกร้องเอาจาก อ.ไม่ได้หรือไม่สะดวก จำเลยยินยอมชำระแทนให้จนครบถ้วน ดังนั้นหนี้อากรแสตมป์และเงินเพิ่มที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด บ. โดย อ.หุ้นส่วนผู้จัดการค้างชำระอยู่ก่อนที่จำเลยจะค้ำประกัน อ. แม้เจ้าพนักงานประเมินจะแจ้งให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.นำเงินอากรแสตมป์และเงินเพิ่มไปชำระหลังจากที่จำเลยค้ำประกัน อ.จำเลยก็จะต้องรับผิดเพราะหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ที่ อ.ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการจะต้องชำระให้โจทก์ เมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.ที่ อ.เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการผิดนัดไม่ชำระภาษีอากรต้องถือว่า อ.ผิดนัดด้วย โจทก์จึงเป็นเจ้าหนี้ฟ้องให้จำเลยผู้ค้ำประกันชำระหนี้ภาษีอากรแทน อ.ได้ โดยไม่จำต้องทวงถามจำเลยก่อน และไม่จำต้องเรียกร้องหรือทวงถามให้ อ.รับผิดเป็นส่วนตัวก่อน
จำเลยทำสัญญาค้ำประกัน อ.คนต่างด้าวไว้ต่อโจทก์ เนื่องจากเหตุที่ อ.มีความจำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศ และร้องขอรับใบผ่านภาษีอากรนั้นเป็นการค้ำประกันการเดินทางไปต่างประเทศของ อ.ว่า เมื่อ อ.ไปต่างประเทศแล้วจะต้องเดินทางกลับมาประเทศไทยภายใน 180 วันนับแต่วันออกใบผ่านภาษีอากร ดังนั้น ที่สัญญาค้ำประกันระบุว่า "หากทางราชการจะเรียกร้อง (ภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร) เอาจาก อ.ไม่ได้หรือไม่สะดวก ข้าพเจ้า (จำเลย) ยินยอมชำระแทนให้จนครบถ้วนทั้งสิ้น" นั้น หมายถึงว่าถ้า อ.ไม่เดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยภายใน 180 วันนั้นนับตั้งแต่วันออกใบผ่านภาษีอากรหากทางราชการจะเรียกร้องภาษีอากรเอาจาก อ.ไม่ได้หรือไม่สะดวก จำเลยยินยอมชำระแทนให้จนครบ มิใช่หมายความว่าแม้ อ.เดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยภายใน 180 วัน นับตั้งแต่วันออกใบผ่านภาษีอากรแล้ว หากทางราชการจะเรียกร้องเอาจาก อ.ไม่ได้หรือไม่สะดวกแล้วจำเลยยังจะต้องรับผิดชำระแทนครบถ้วน
อ.คนต่างด้าวได้รับใบผ่านภาษีอากรประเภทเดินทางหลายครั้ง (ระบบ ผ.3 ก) มีสิทธิใช้ใบผ่านภาษีอากรเดินทางไปต่างประเทศได้หลายครั้ง แต่ต้องเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยภายใน 180 วันนับตั้งแต่วันออกใบผ่านภาษีอากรแล้ว เมื่อ อ.ได้เดินทางไปต่างประเทศแล้วกลับเข้ามาในประเทศไทย หลังจากนั้นก็ได้เดินทางไปต่างประเทศอีกภายใน 180 วันนั้นแล้วไม่ได้เดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยอีกเลย ดังนี้ สัญญาค้ำประกันดังกล่าวหาได้ระงับไปเพราะ อ.กลับเข้ามาในประเทศไทยครั้งแรกไม่ จำเลยจึงต้องรับผิดชำระหนี้ภาษีอากรแทน อ.ตามสัญญาค้ำประกัน
จำเลยขอค้ำประกัน อ.ต่อโจทก์ว่า ถ้า อ.มีหน้าที่จะต้องเสียภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรไม่ว่าในฐานะส่วนตัวหรือในฐานะแทนผู้อื่น หากทางราชการจะเรียกร้องเอาจาก อ.ไม่ได้หรือไม่สะดวก จำเลยยินยอมชำระแทนให้จนครบถ้วน ดังนั้นหนี้อากรแสตมป์และเงินเพิ่มที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด บ. โดย อ.หุ้นส่วนผู้จัดการค้างชำระอยู่ก่อนที่จำเลยจะค้ำประกัน อ. แม้เจ้าพนักงานประเมินจะแจ้งให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.นำเงินอากรแสตมป์และเงินเพิ่มไปชำระหลังจากที่จำเลยค้ำประกัน อ.จำเลยก็จะต้องรับผิดเพราะหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ที่ อ.ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการจะต้องชำระให้โจทก์ เมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.ที่ อ.เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการผิดนัดไม่ชำระภาษีอากรต้องถือว่า อ.ผิดนัดด้วย โจทก์จึงเป็นเจ้าหนี้ฟ้องให้จำเลยผู้ค้ำประกันชำระหนี้ภาษีอากรแทน อ.ได้ โดยไม่จำต้องทวงถามจำเลยก่อน และไม่จำต้องเรียกร้องหรือทวงถามให้ อ.รับผิดเป็นส่วนตัวก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 216/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค้ำประกันและอายุความ: ผู้ค้ำประกันต้องชำระหนี้แทนโจทก์ภายใน 10 ปีนับจากวันทำสัญญาค้ำประกัน คดีไม่ขาดอายุความ
จำเลยที่ 1 ขายลดตั๋วเงินแก่ธนาคาร โจทก์ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ต่อธนาคาร จำเลยที่ 2 จำนองที่ดินและค้ำประกันจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์โจทก์ใช้หนี้แก่ธนาคารตามที่จำเลยที่ 1 ผิดนัดต่อธนาคารไป จำเลยที่ 2 ต้องใช้หนี้นั้นแก่โจทก์ อายุความระหว่างจำเลยที่ 2 กับโจทก์มีกำหนด 10 ปี นับแต่วันทำสัญญาค้ำประกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1448/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องค้ำประกันเคลือบคลุม: จำเลยไม่ทราบรายละเอียดหนี้ จึงไม่อาจต่อสู้ได้
สัญญาค้ำประกันมีข้อความว่า "ถ้าปรากฏขึ้นเมื่อใดว่าผู้ได้รับทุนนี้ตกเป็นผู้ผิดสัญญาหรือกระทำการใด ๆ อันนำความเสียหายหรือด้วยประการใด ๆ จนผู้รับทุนตกเป็นลูกหนี้แก่รัฐบาล หรือแก่กรมการแพทย์ผู้รับสัญญา จะเป็นโดยสัญญาหรือโดยเหตุใด ๆ ก็ตาม ข้าพเจ้า (จำเลย) ขอให้สัญญาไว้แก่กรมการแพทย์ผู้รับสัญญาว่า ข้าพเจ้า (จำเลย) ยอมรับชดใช้เงินที่ตกเป็นลูกหนี้ดังกล่าวแทนผู้ได้รับทุนรายนี้ทั้งสิ้น ฯลฯ" โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดคือเงินทุนที่ผู้รับทุนได้รับไปตามแผนโคลัมโบที่รัฐบาลแคนนาดาให้แก่รัฐบาลไทย ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายของรัฐบาลแคนนาดา เกี่ยวกับรายการฝึกอบรมของผู้รับทุนเป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 247,943.01 บาท โดยมิได้แสดงรายละเอียดว่าค่าใช้จ่ายนั้นเป็นค่าอะไรบ้าง แต่ละอย่างจำนวนเท่าใด อันเป็นสารสำคัญที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จำเลยย่อมไม่ทราบว่าค่าใช้จ่ายนั้นเป็นค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เพราะจำเลยเป็นผู้ค้ำประกันมิใช่เป็นผู้รับทุน เมื่อจำเลยไม่เข้าใจข้อหาย่อมไม่อาจให้การต่อสู้ได้ ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่มิได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา ขาดข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา เป็นฟ้องเคลือบคลุม
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2521)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2521)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 126/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการค้ำประกัน L/C: ค้ำเฉพาะราคาสินค้า ไม่รวมค่าธรรมเนียม
โจทก์ค้ำประกันจำเลยต่อธนาคารในการเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตสำหรับราคาสินค้าที่จำเลยสั่งเข้ามาซึ่งตามคำรับรองของโจทก์ไม่รวมถึงค่าธรรมเนียมที่ธนาคารเรียกเก็บจากจำเลยในการเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตโจทก์รับใช้และได้ใช้ค่าธรรมเนียมแทนจำเลยไป โจทก์ไม่ได้รับช่วงสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอาเงินจำนวนนี้จากจำเลย