พบผลลัพธ์ทั้งหมด 517 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4580/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องหลังชี้สองสถาน, การกำหนดประเด็นข้อพิพาท, และการคืนเงินค่าจ้างล่วงหน้า
คำฟ้องของโจทก์ที่ขอแก้ไขจากคำว่า 'เงินมัดจำ' เป็น'เงินที่จ่ายล่วงหน้า' เป็นถ้อยคำที่ก่อให้เกิดผลตามกฎหมายขึ้นแตกต่างกัน ไม่ใช่เป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อย การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์แก้ไขฟ้องหลังจากวันชี้สองสถานแล้ว จึงขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้โจทก์แก้
ศาลชั้นต้นมีอำนาจที่จะดำเนินการชี้สองสถานเพื่อกำหนดประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีแล้วให้ศาลพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปตามนั้น คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวนี้เป็นคำสั่งในระหว่างพิจารณา ซึ่งห้ามมิให้อุทธรณ์ฎีกาในระหว่างพิจารณาเว้นแต่คู่ความฝ่ายใดโต้แย้งคัดค้านไว้ คู่ความที่โต้แย้งชอบที่จะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งนั้นภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันที่ศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี
ประเด็นแห่งคดีที่ว่า โจทก์ได้ขยายเวลาให้แก่จำเลยนั้นไม่เป็นปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อจำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งชี้สองสถานของศาลชั้นต้นอันเกี่ยวกับประเด็นข้อนี้ไว้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อกำหนดประเด็นดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226
โจทก์ฟ้องเรียกเงินมัดจำในการจ้างทำของคืนแล้วขอแก้ฟ้องอ้างว่าเป็นเงินที่จ่ายล่วงหน้าซึ่งศาลไม่อนุญาตแม้ขอใหม่ ศาลฎีกาเห็นว่าไม่ใช่เงินมัดจำ แต่เป็นเงินที่จ่ายล่วงหน้า ก็พิพากษาให้คืนได้ไม่เป็นการนอกฟ้อง
ศาลชั้นต้นมีอำนาจที่จะดำเนินการชี้สองสถานเพื่อกำหนดประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีแล้วให้ศาลพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปตามนั้น คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวนี้เป็นคำสั่งในระหว่างพิจารณา ซึ่งห้ามมิให้อุทธรณ์ฎีกาในระหว่างพิจารณาเว้นแต่คู่ความฝ่ายใดโต้แย้งคัดค้านไว้ คู่ความที่โต้แย้งชอบที่จะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งนั้นภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันที่ศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี
ประเด็นแห่งคดีที่ว่า โจทก์ได้ขยายเวลาให้แก่จำเลยนั้นไม่เป็นปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อจำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งชี้สองสถานของศาลชั้นต้นอันเกี่ยวกับประเด็นข้อนี้ไว้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อกำหนดประเด็นดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226
โจทก์ฟ้องเรียกเงินมัดจำในการจ้างทำของคืนแล้วขอแก้ฟ้องอ้างว่าเป็นเงินที่จ่ายล่วงหน้าซึ่งศาลไม่อนุญาตแม้ขอใหม่ ศาลฎีกาเห็นว่าไม่ใช่เงินมัดจำ แต่เป็นเงินที่จ่ายล่วงหน้า ก็พิพากษาให้คืนได้ไม่เป็นการนอกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4580/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องหลังชี้สองสถาน, การกำหนดประเด็นข้อพิพาท, และการคืนเงินค่าจ้างล่วงหน้า
คำฟ้องของโจทก์ที่ขอแก้ไขจากคำว่า 'เงินมัดจำ' เป็น'เงินที่จ่ายล่วงหน้า' เป็นถ้อยคำที่ก่อให้เกิดผลตามกฎหมายขึ้นแตกต่างกัน ไม่ใช่เป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อย การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์แก้ไขฟ้องหลังจากวันชี้สองสถานแล้ว จึงขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 180 ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้โจทก์แก้
ศาลชั้นต้นมีอำนาจที่จะดำเนินการชี้สองสถานเพื่อกำหนดประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีแล้วให้ศาลพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปตามนั้น คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวนี้เป็นคำสั่งในระหว่าง พิจารณาซึ่งห้ามมิให้อุทธรณ์ฎีกาในระหว่างพิจารณา เว้นแต่คู่ความฝ่ายใดโต้แย้งคัดค้านไว้ คู่ความที่โต้แย้งชอบที่จะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งนั้นภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่ วันที่ศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี
ประเด็นแห่งคดีที่ว่า โจทก์ได้ขยายเวลาให้แก่จำเลยนั้นไม่เป็นปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนเมื่อจำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งชี้สองสถานของศาลชั้นต้นอันเกี่ยวกับประเด็นข้อนี้ไว้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อกำหนดประเด็นดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 โจทก์ฟ้องเรียกเงินมัดจำในการจ้างทำของคืนแล้วขอแก้ฟ้องอ้างว่าเป็นเงินที่จ่ายล่วงหน้าซึ่งศาลไม่อนุญาตแม้ขอใหม่ ศาลฎีกาเห็นว่าไม่ใช่เงินมัดจำ แต่เป็นเงินที่จ่ายล่วงหน้า ก็พิพากษาให้คืนได้ไม่เป็นการนอกฟ้อง
ศาลชั้นต้นมีอำนาจที่จะดำเนินการชี้สองสถานเพื่อกำหนดประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีแล้วให้ศาลพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปตามนั้น คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวนี้เป็นคำสั่งในระหว่าง พิจารณาซึ่งห้ามมิให้อุทธรณ์ฎีกาในระหว่างพิจารณา เว้นแต่คู่ความฝ่ายใดโต้แย้งคัดค้านไว้ คู่ความที่โต้แย้งชอบที่จะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งนั้นภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่ วันที่ศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี
ประเด็นแห่งคดีที่ว่า โจทก์ได้ขยายเวลาให้แก่จำเลยนั้นไม่เป็นปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนเมื่อจำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งชี้สองสถานของศาลชั้นต้นอันเกี่ยวกับประเด็นข้อนี้ไว้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อกำหนดประเด็นดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 โจทก์ฟ้องเรียกเงินมัดจำในการจ้างทำของคืนแล้วขอแก้ฟ้องอ้างว่าเป็นเงินที่จ่ายล่วงหน้าซึ่งศาลไม่อนุญาตแม้ขอใหม่ ศาลฎีกาเห็นว่าไม่ใช่เงินมัดจำ แต่เป็นเงินที่จ่ายล่วงหน้า ก็พิพากษาให้คืนได้ไม่เป็นการนอกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3631/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้รับประกันภัยค้ำจุนเมื่อเกิดความเสียหายจากความประมาทของผู้อื่น และการโต้แย้งเรื่องประเด็นข้อพิพาท
จำเลยที่ 2 กล่าวในฟ้องอุทธรณ์ว่า ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมเพราะคำเบิกความของ ส.พยานโจทก์เบิกความไม่แน่ชัด จำเลยที่ 2 ไม่สามารถเข้าใจ คำฟ้องของโจทก์ได้ดี โดยจำเลยที่ 2 ไม่ได้โต้แย้งเลยว่าคำฟ้องของโจทก์ไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาคำขอคำบังคับที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาอย่างใด ซึ่งเท่ากับจำเลยที่ 2 โต้แย้งปัญหาในเรื่องการรับฟังพยานหลักฐานของศาลเท่านั้น จึงไม่มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่
แม้จำเลยที่ 2 จะเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถบรรทุกคันเกิดเหตุ มีหน้าที่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เสียหายในนามของจำเลยที่ 1 ตามกรมธรรม์ประกันภัย แต่จำเลยที่ 2 ได้ให้การต่อสู้ไว้ด้วยว่า จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยเพราะเหตุที่เกิดขึ้นคดีนี้ไม่ใช่เป็นความประมาทของคนขับรถบรรทุกคันเกิดเหตุ แต่เป็นความประมาทของโจทก์ที่ขึงสายโทรศัพท์ห้อยต่ำมากีดขวางทางจราจรและโจทก์เสียหายไม่ถึงตามฟ้อง ศาลชั้นต้นได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทของ จำเลยที่ 2 ในปัญหานี้ไว้ด้วย เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าวแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองแพ้คดี จำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์ก็ไม่ทำให้ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 2 ที่ปฏิเสธในความรับผิดที่จะต้องชดใช้ค่าเสียหายแทนจำเลยที่ 1 ตกไป เพราะจำเลยที่ 2 เป็นคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งได้ตั้งประเด็นต่อสู้กับโจทก์ไว้แล้วจะเกณฑ์ให้จำเลยที่ 2 ไปว่ากล่าว เอากับจำเลยที่ 1 ในการที่จำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์ในประเด็นดังกล่าวหาได้ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยในประเด็นที่จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ดังกล่าวนั้นจึงไม่ชอบ
แม้จำเลยที่ 2 จะเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถบรรทุกคันเกิดเหตุ มีหน้าที่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เสียหายในนามของจำเลยที่ 1 ตามกรมธรรม์ประกันภัย แต่จำเลยที่ 2 ได้ให้การต่อสู้ไว้ด้วยว่า จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยเพราะเหตุที่เกิดขึ้นคดีนี้ไม่ใช่เป็นความประมาทของคนขับรถบรรทุกคันเกิดเหตุ แต่เป็นความประมาทของโจทก์ที่ขึงสายโทรศัพท์ห้อยต่ำมากีดขวางทางจราจรและโจทก์เสียหายไม่ถึงตามฟ้อง ศาลชั้นต้นได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทของ จำเลยที่ 2 ในปัญหานี้ไว้ด้วย เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าวแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองแพ้คดี จำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์ก็ไม่ทำให้ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 2 ที่ปฏิเสธในความรับผิดที่จะต้องชดใช้ค่าเสียหายแทนจำเลยที่ 1 ตกไป เพราะจำเลยที่ 2 เป็นคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งได้ตั้งประเด็นต่อสู้กับโจทก์ไว้แล้วจะเกณฑ์ให้จำเลยที่ 2 ไปว่ากล่าว เอากับจำเลยที่ 1 ในการที่จำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์ในประเด็นดังกล่าวหาได้ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยในประเด็นที่จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ดังกล่าวนั้นจึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1856/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยนอกประเด็นข้อพิพาทในสัญญาซื้อขาย/เช่าซื้อ และการแปลงหนี้
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้เพียงประเด็นเดียวว่า หนังสือสัญญาที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นสัญญาปลอมหรือไม่ ดังนี้เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังว่าหนังสือสัญญากู้ดังกล่าวไม่ใช่สัญญาปลอมแล้ว จะวินิจฉัยว่าเป็นการแปลงหนี้ใหม่ หนี้ตามสัญญากู้ไม่สมบูรณ์เพราะไม่ระบุจำนวนเงิน โจทก์นำพยานบุคคลมาสืบเพิ่มเติมข้อความในสัญญากู้ต้องห้ามไม่ให้รับฟัง หาได้ไม่ เพราะเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นข้อพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1856/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นข้อพิพาทจำกัด ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยนอกประเด็น วินิจฉัยเรื่องแปลงหนี้ใหม่ที่ไม่ใช่ประเด็นที่ศาลชั้นต้นกำหนดเป็นเหตุให้ต้องกลับคำพิพากษา
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้เพียงประเด็นเดียวว่าหนังสือสัญญาที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นสัญญาปลอมหรือไม่ดังนี้เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังว่าหนังสือสัญญากู้ดังกล่าวไม่ใช่สัญญาปลอมแล้วจะวินิจฉัยว่าเป็นการแปลงหนี้ใหม่หนี้ตามสัญญากู้ไม่สมบูรณ์เพราะไม่ระบุจำนวนเงินโจทก์นำพยานบุคคลมาสืบเพิ่มเติมข้อความในสัญญากู้ต้องห้ามไม่ให้รับฟังหาได้ไม่เพราะเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นข้อพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1726/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำท้าพิพาทเนื้อที่ดินไม่เป็นผลเมื่อเนื้อที่ดินจริงต่างจากที่ตกลงมาก ศาลต้องพิจารณาตามประเด็นข้อพิพาท
โจทก์ จำเลย ท้ากันเป็นข้อแพ้ชนะโดยกำหนดจำนวนเนื้อที่ดินของแต่ละฝ่ายไว้ แล้วให้เจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดตามที่เป็นจริงถ้าฝ่ายใดเกินอีกฝ่ายหนึ่งขาดฝ่ายที่เกินยอมแพ้ แต่ปรากฏจากการรังวัดว่าเนื้อที่ดินของจำเลยน้อยกว่าจำนวนที่ท้ากันถึงเกือบหนึ่งในห้า เห็นได้ว่า เนื้อที่ดินอันเป็นตัวตั้ง เพื่อหาสัดส่วนเนื้อที่ดินของทั้งสองฝ่ายตามคำท้าผิดไปมากและไม่ตรงตามคำท้า ศาลย่อมไม่สามารถที่จะวินิจฉัยชี้ขาดคดีไปตามคำท้าได้ คำท้าของโจทก์จำเลยจึงตกไป ชอบที่จะต้องดำเนินกระบวนตามประเด็นข้อพิพาทต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1726/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำท้าพิพาทเนื้อที่ดินไม่เป็นไปตามข้อตกลง ศาลไม่สามารถวินิจฉัยตามคำท้าได้ ต้องดำเนินกระบวนพิจารณาตามประเด็นข้อพิพาท
โจทก์จำเลยท้ากันเป็นข้อแพ้ชนะโดยกำหนดจำนวนเนื้อที่ดินของแต่ละฝ่ายไว้ แล้วให้เจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดตามที่เป็นจริงถ้าฝ่ายใดเกินอีกฝ่ายหนึ่งขาดฝ่ายที่เกินยอมแพ้แต่ปรากฏจากการรังวัดว่าเนื้อที่ดินของจำเลยน้อยกว่าจำนวนที่ท้ากันถึงเกือบหนึ่งในห้าเห็นได้ว่าเนื้อที่ดินอันเป็นตัวตั้งเพื่อหาสัดส่วนเนื้อที่ดินของทั้งสองฝ่ายตามคำท้าผิดไปมากและไม่ตรงตามคำท้าศาลย่อมไม่สามารถที่จะวินิจฉัยชี้ขาดคดีไปตามคำท้าได้คำท้าของโจทก์จำเลยจึงตกไปชอบที่จะต้องดำเนินกระบวนตามประเด็นข้อพิพาทต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 418/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดประเด็นข้อพิพาทและการวินิจฉัยนอกประเด็นในคดีละเมิดทางรถยนต์ จำเลยไม่ต้องรับผิดหากโจทก์สืบไม่ได้ถึงความสัมพันธ์
คดีนี้ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า นายบุญหยกหรือนายไพเป็นฝ่ายขับรถโดยประมาทเลินเล่อ และจำเลยทั้งสองกับนายไพมีนิติสัมพันธ์กันหรือไม่ แล้วฟังว่าเหตุที่รถยนต์ชนกันเกิดจากนายไพขับรถของจำเลยที่ 1 โดยประมาทเลินเล่อฝ่ายเดียว แต่จำเลยทั้งสองกันนายไพไม่มีนิติสัมพันธ์กันจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยทั้งสองกับนายไพมีนิติสัมพันธ์กันต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยทั้งสองมิได้แก้อุทธรณ์ว่าความจริงขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 2ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ศาลอุทธรณ์ชอบที่วินิจฉัยชี้ขาดว่าจำเลยทั้งสองกับนายไพมีนิติสัมพันธ์กันหรือไม่ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 ขับรถยนต์ของจำเลยที่1 โดยประมาทชนรถยนต์ของนายบุญหยกและพิพากษาให้จำเลยที่2 รับผิดต่อโจทก์นั้น เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1192-1193/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่โต้แย้งคำสั่งศาลทันที ทำให้สิทธิในการอุทธรณ์/ฎีกาในประเด็นนั้นสิ้นสุด และข้อจำกัดในการฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง
จำเลยยื่นคำร้องว่าศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นใหม่ไม่ถูกต้องขอให้ถือตามประเด็นที่กำหนดไว้เดิม หากศาลไม่อนุญาตก็ขอถือเอาคำร้องเป็นคำโต้แย้งคำสั่งศาลเพื่อประโยชน์ในการอุทธรณ์ต่อไป เมื่อศาลสั่งยกคำร้อง จำเลยหาได้โต้แย้งคำสั่งในเรื่องนี้อีกแต่อย่างใดไม่ ดังนี้ จะถือเอาคำร้องของจำเลยเป็นคำโต้แย้งไม่ได้จำเลยจะอุทธรณ์ในปัญหานี้อีกไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2) การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเรื่องนี้ให้จำเลยจึงเป็นการไม่ชอบแม้จำเลยจะฎีกาต่อมาศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1000/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสัญญาใหม่มาใช้แทนสัญญาเดิมที่เลิกแล้ว การนำหลักฐานนอกฟ้องมาใช้
ปัญหาที่ว่าสัญญาเลิกกันแล้วหรือไม่กับการนำเอาสัญญาที่เลิกกันแล้วกลับมาใช้ใหม่ตามข้อตกลงในสัญญาใหม่นั้นหาเหมือนกันไม่ ดังนั้น เมื่อโจทก์ไม่ได้ตั้งเรื่องการมีข้อตกลงในสัญญาใหม่ให้นำสัญญาที่จำเลยต่อสู้ว่าเลิกกันแล้วกลับมาใช้ใหม่แต่กลับปรากฏว่ามีสัญญาใหม่ดังกล่าวในขั้นสืบพยานจึงย่อมถือได้ว่า โจทก์นำสืบถึงสัญญาใหม่ดังกล่าวนอกฟ้องนอกประเด็นจะรับฟังนำมาวินิจฉัยคดีหาได้ไม่