พบผลลัพธ์ทั้งหมด 790 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2158-2160/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการยิง การประเมินพฤติการณ์ และความผิดฐานทำร้ายร่างกาย
จำเลยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับโจทก์ที่ 2 ที่ 3 ขณะที่โจทก์ที่ 2 ที่ 3 ไปจับกุมจำเลย จำเลยยิงโจทก์ที่ 3 ถูกที่ต้นคอ ในขณะที่มีการยื้อแย่งปืนกันโดยจำเลยมิได้มีโอกาสเลือกยิง เมื่อจำเลยยิงโจทก์ที่ 3 ล้มลงแล้ว โจทก์ที่ 3 ไม่อยู่ในฐานะที่จะต่อสู้กับจำเลย จำเลยมีโอกาสจะยิงโจทก์ที่ 3 อีกเป็นเวลานานแต่จำเลยก็หาได้ยิงโจทก์ที่ 3 ไม่ จึงยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ที่ 3 ส่วนที่ จำเลยยิงโจทก์ที่ 2 ปรากฏว่าขณะยิงจำเลยอยู่ใกล้กับโจทก์ที่ 2 และมีโอกาสจะเลือกยิงโจทก์ที่ 2 ตรงไหนก็ได้ แต่จำเลยกลับยิงที่ขาของโจทก์ที่ 2 แสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าโจทก์ที่ 2 เพราะหากจำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ที่ 2 จำเลยคงยิงที่อวัยวะสำคัญกว่านี้
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288, 289, 80 เมื่อทางพิจารณาปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายโจทก์ที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 296 และโจทก์ที่ 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 298 ศาลลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 296 และ 298 ได้.
ฟ้องว่าโจทก์ที่ 2 ได้รับอันตรายสาหัสต้องป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน หรือประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วันแต่โจทก์มิได้นำสืบให้ปรากฏว่า โจทก์ที่ 2 ได้รับอันตรายแก่กายสาหัสดังที่โจทก์กล่าวในฟ้อง ลงโทษจำเลยฐานทำให้ได้รับอันตรายสาหัสไม่ได้
โจทก์ที่ 3 ถูกยิงต้องรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล 12 วัน แล้วไปรักษาตัวต่อที่บ้านอีก โจทก์ที่ 3 ต้องหยุดทำงานเกือบ 1 เดือนแพทย์ผู้ทำการตรวจบาดแผลโจทก์ที่ 3 ได้ให้ความเห็นว่าบาดแผลหายได้ภายใน 30 วัน ฟังได้ว่าโจทก์ที่ 3 ได้รับบาดเจ็บจากการยิงของจำเลยจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288, 289, 80 เมื่อทางพิจารณาปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายโจทก์ที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 296 และโจทก์ที่ 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 298 ศาลลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 296 และ 298 ได้.
ฟ้องว่าโจทก์ที่ 2 ได้รับอันตรายสาหัสต้องป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน หรือประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วันแต่โจทก์มิได้นำสืบให้ปรากฏว่า โจทก์ที่ 2 ได้รับอันตรายแก่กายสาหัสดังที่โจทก์กล่าวในฟ้อง ลงโทษจำเลยฐานทำให้ได้รับอันตรายสาหัสไม่ได้
โจทก์ที่ 3 ถูกยิงต้องรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล 12 วัน แล้วไปรักษาตัวต่อที่บ้านอีก โจทก์ที่ 3 ต้องหยุดทำงานเกือบ 1 เดือนแพทย์ผู้ทำการตรวจบาดแผลโจทก์ที่ 3 ได้ให้ความเห็นว่าบาดแผลหายได้ภายใน 30 วัน ฟังได้ว่าโจทก์ที่ 3 ได้รับบาดเจ็บจากการยิงของจำเลยจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2158-2160/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการทำร้ายร่างกาย vs. เจตนาฆ่า: ศาลพิจารณาจากพฤติการณ์และผลการกระทำ
จำเลยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับโจทก์ที่2ที่3ขณะที่โจทก์ที่2ที่3ไปจับกุมจำเลยจำเลยยิงโจทก์ที่3ถูกที่ต้นคอในขณะที่มีการยื้อแย่งปืนกันโดยจำเลยมิได้มีโอกาสเลือกยิงเมื่อจำเลยยิงโจทก์ที่3ล้มลงแล้วโจทก์ที่3ไม่อยู่ในฐานะที่จะต่อสู้กับจำเลยจำเลยมีโอกาสจะยิงโจทก์ที่3อีกเป็นเวลานานแต่จำเลยก็หาได้ยิงโจทก์ที่3ไม่จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ที่3ส่วนที่จำเลยยิงโจทก์ที่2ปรากฏว่าขณะยิงจำเลยอยู่ใกล้กับโจทก์ที่2และมีโอกาสจะเลือกยิงโจทก์ที่2ตรงไหนก็ได้แต่จำเลยกลับยิงที่ขาของโจทก์ที่2แสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าโจทก์ที่2เพราะหากจำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ที่2จำเลยคงยิงที่อวัยวะสำคัญกว่านี้. ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา288,289,80เมื่อทางพิจารณาปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายโจทก์ที่2ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา296และโจทก์ที่3ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา298ศาลลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา296และ298ได้. ฟ้องว่าโจทก์ที่2ได้รับอันตรายสาหัสต้องป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า20วันหรือประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า20วันแต่โจทก์มิได้นำสืบให้ปรากฎว่าโจทก์ที่2ได้รับอันตรายแก่กายสาหัสดังที่โจทก์กล่าวในฟ้องลงโทษจำเลยฐานทำให้ได้รับอันตรายสาหัสไม่ได้. โจทก์ที่3ถูกยิงต้องรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล12วันแล้วไปรักษาตัวต่อที่บ้านอีกโจทก์ที่3ต้องหยุดทำงานเกือบ1เดือนแพทย์ผู้ทำการตรวจบาดแผลโจทก์ที่3ได้ให้ความเห็นว่าบาดแผลหายได้ภายใน30วันฟังได้ว่าโจทก์ที่3ได้รับบาดเจ็บจากการยิงของจำเลยจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า20วัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2104/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงปืนโดยไม่เจตนาทำร้ายหรือฆ่า: พฤติการณ์ที่แสดงถึงการไม่มีเจตนา
จำเลยใช้อาวุธปืนยิงไปยังบ้านที่ผู้เสียหายพักซึ่งอยู่ห่างประมาณ 20 เมตร และอยู่ฝั่งคลองตรงกันข้าม กระสุนปืนถูกหลังคาบ้าน กระจกหน้าต่างชั้นบนซึ่งอยู่สูงจากพื้นชั้นบนประมาณ 2 เมตร จำนวนหลายนัด ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางวันจำเลยยิงเป็นเวลานาน 30 นาที ไม่ปรากฏว่าจำเลยทราบว่ามีผู้เสียหายหรือบุคคลอื่นอยู่ในบ้าน และจำเลยกับผู้เสียหายตลอดจนบุคคลเหล่านั้นไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน หลังจากยิงแล้วจำเลยมิได้หลบหนีไปไหน พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่ายิงโดยไม่ประสงค์ให้ถูกใคร ไม่มีทั้งเจตนาฆ่าหรือเจตนาทำร้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2104/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงปืนโดยไม่เจตนาทำร้ายหรือฆ่า: พิจารณาจากพฤติการณ์และผลกระทบที่เกิดขึ้น
จำเลยใช้อาวุธปืนยิงไปยังบ้านที่ผู้เสียหายพักซึ่งอยู่ห่างประมาณ20เมตรและอยู่ฝั่งคลองตรงกันข้ามกระสุนปืนถูกหลังคาบ้านกระจกหน้าต่างชั้นบนซึ่งอยู่สูงจากพื้นชั้นบนประมาณ2เมตรจำนวนหลายนัดขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางวันจำเลยยิงเป็นเวลานาน30นาทีไม่ปรากฏว่าจำเลยทราบว่ามีผู้เสียหายหรือบุคคลอื่นอยู่ในบ้านและจำเลยกับผู้เสียหายตลอดจนบุคคลเหล่านั้นไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนหลังจากยิงแล้วจำเลยมิได้หลบหนีไปไหนพฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่ายิงโดยไม่ประสงค์ให้ถูกใครไม่มีทั้งเจตนาฆ่าหรือเจตนาทำร้าย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2093/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับของโจร: พฤติการณ์นำทรัพย์ชิงทรัพย์ไปจำนำโดยไม่มีเอกสาร และให้การขัดแย้งในชั้นสอบสวน เป็นเหตุเชื่อได้ว่ารู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด
จำเลยมีอาชีพซ่อมรถจักรยานยนต์ได้นำรถจักรยานยนต์ผู้เสียหายซึ่งถูกชิงทรัพย์ไปจำนำโดยมิได้นำทะเบียนรถไปแสดงเมื่อถูกกล่าวหาก็อ้างแต่เพียงว่าเป็นรถของส.โดยมิได้นำตัวส.มาสืบดังนี้ถือได้ว่าจำเลยได้ช่วยจำหน่ายรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายโดยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาจากการกระทำผิดอันเป็นความผิดฐานรับของโจรแม้โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา339ก็ลงโทษจำเลยฐานรับของโจรตามมาตรา357ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192.(ที่มา-เนติฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2049/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำอนาจารและความยินยอม: พฤติการณ์บ่งชี้ความสัมพันธ์ฉันหนุ่มสาวและการไม่ขัดขืน
ประจักษ์พยานโจทก์มีผู้เสียหายเพียงผู้เดียวคำเบิกความของผู้เสียหายจึงต้องพิเคราะห์ด้วยความระมัดระวัง ผู้เสียหายกับจำเลยรักใคร่กันฉันหนุ่มสาวก่อนเกิดเหตุได้พากันซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปเที่ยวสองต่อสองเกือบทั้งวันระหว่างทางกลับบ้านผู้เสียหายไม่สบายมากจำเลยได้พาผู้เสียหายไปให้แพทย์ตรวจรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งแล้วกอดจูบทำอนาจารผู้เสียหายในห้องพักคนไข้ แม้ผู้เสียหายจะเบิกความว่าขณะจำเลยกอดจูบนางพยาบาลได้ออกจากห้องไปแล้วแต่ภายหลังจากนั้นนางพยาบาลก็เข้ามาในห้องอีกผู้เสียหายมิได้เล่าเรื่องกอดจูบให้นางพยาบาลทราบพฤติการณ์น่าเชื่อว่าผู้เสียหายยินยอมให้จำเลยกระทำจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานกระทำอนาจาร.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1962/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า – การแย่งปืน – พฤติการณ์ข่มขู่ – ไม่พอพิสูจน์เจตนา
ล. เข้าแย่งปืนจากจำเลยซึ่งเมาสุราขณะจำเลยจ้องปากกระบอกปืนไปทางผู้เสียหายแล้วประมาณ3อึดใจเช่นนี้หากจำเลยมีเจตนาฆ่าก็น่าจะยิงทันทีที่จ้องปากกระบอกปืนไปทางผู้เสียหายการกระทำของจำเลยมีเจตนาเพียงต้องการวางอำนาจและแกล้งขู่ผู้เสียหายเท่านั้นหามีเจตนาฆ่าไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1962/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า - การพิจารณาพฤติการณ์ผู้ต้องหา - การข่มขู่ด้วยอาวุธ - ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์
ล.เข้าแย่งปืนจากจำเลยซึ่งเมาสุราขณะจำเลยจ้องปากกระบอกปืนไปทางผู้เสียหายแล้วประมาณ3อึดใจเช่นนี้หากจำเลยมีเจตนาฆ่าก็น่าจะยิงทันทีที่จ้องปากกระบอกปืนไปทางผู้เสียหายการกระทำของจำเลยมีเจตนาเพียงต้องการวางอำนาจและแกล้งขู่ผู้เสียหายเท่านั้นหามีเจตนาฆ่าไม่.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1949/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย: การประเมินจากบาดแผลและพฤติการณ์
จำเลยใช้สันไม้แปขนาดหน้ากว้าง 4 นิ้ว หนา 1 นิ้ว ยาวประมาณ1 เมตร ตีผู้ตายอย่างแรง 1 ที ที่บริเวณคางด้านขวา บาดแผลเฉียงขึ้นไปทางดั้งจมูกยาว 7 เซนติเมตร กว้าง 2 เซนติเมตร ลึก 5 เซนติเมตร ขากรรไกรขวาหักดั้งจมูกยุบ ปลายจมูกฉีกขาด บริเวณที่เกิดเหตุมีแสงสว่างจากกองไฟพอที่จะเห็นเหตุการณ์ในบริเวณนั้นได้ซึ่งจำเลยย่อมจะมีโอกาสเลือกตีผู้ตายได้ การที่จำเลยตีผู้ตายที่บริเวณซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญจนเกิดบาดแผลฉกรรจ์และผู้ตายได้ถึงแก่ความตายแทบจะทันทีทันใดเช่นนี้ ฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1831/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วมกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่น: พฤติการณ์พาผู้ต้องหาหลบหนีหลังก่อเหตุบ่งชี้เจตนาตั้งแต่ต้น
การที่ ศ.ซึ่งเป็นคนร้ายได้ยิงผู้อื่นแล้ววิ่งหนีมาขึ้นนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของกลางคันที่จำเลยที่ 2 นั่งคร่อมในที่นั่งคนขับและจอดไว้ข้างที่เกิดเหตุศ.กับคนร้ายที่อยู่ในรถยนต์ปิคอัพยิงต่อสู้กับร้อยตำรวจเอก ว.ที่วิ่งไล่ตามเพื่อจับกุม เมื่อ ศ.ถูกยิงล้มลงจำเลยที่ 2 ทิ้งรถจักรยานยนต์ของกลางทันทีวิ่งไปขึ้นรถยนต์ปิคอัพหลบหนีไปนั้น แม้จำเลยที่ 2 มิได้ลงมือกระทำการยิงผู้อื่นด้วย แต่ตามพฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 แสดงว่าจำเลยที่ 2 กับพวกคนร้ายที่ถูกตำรวจยิงตายและที่หลบหนีไปได้ร่วมกันวางแผนกระทำการฆ่าผู้อื่นมาแต่ต้นโดยตลอด โดยจำเลยที่ 2 รับหน้าที่คอยพาคนร้ายที่ถูกตำรวจยิงตายหลบหนีไป หลังจากที่กระทำการฆ่าผู้อื่นบรรลุผลสำเร็จแล้ว ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกระทำผิดด้วยกันกับคนร้ายที่ถูกตำรวจยิงตายและที่หลบหนีไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83