คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ภารจำยอม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 460 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1403/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องทางสาธารณะ/ภารจำยอมไม่เคลือบคลุม การนำสืบพยานบุคคลประกอบข้อเท็จจริงได้ แม้เอกสารไม่ตรง
โจทก์บรรยายฟ้องว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะ แต่ตอนท้ายคำฟ้องบรรยายว่า หรือไม่เช่นนั้นทางพิพาทตกเป็นภารจำยอมโดยอายุความแล้วนั้น ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
การนำสืบเขตติดต่อที่ดินที่มีโฉนด ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงย่อมนำสืบพยานบุคคลได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ที่ดินของโจทก์ด้านหนึ่งติดที่ดินโฉนดของจำเลย ครั้นนำสืบกลับนำสืบว่าที่ดินของโจทก์ติดทางสาธารณะซึ่งเป็นการนำสืบในประเด็นข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยว่าที่ดินของจำเลยซึ่งติดกับที่ดินโจทก์ตามฟ้องตกเป็นทางสาธารณะหรือตกอยู่ในภารจำยอมไปแล้ว หาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94(ข) ไม่
โจทก์ฟ้องหรือนำพยานเข้าสืบโดยพยานจะเรียกทางพิพาทว่าเป็นทางสาธารณะหรือทางภารจำยอมนั้น หาทำให้ทางพิพาทเป็นทางสาธารณะหรือภารจำยอมตามที่เรียกขานไม่ หากฟังได้ว่าเป็นทางภารจำยอม ศาลย่อมจะพิพากษาได้ว่าทางพิพาทเป็นทางตกอยู่ในภารจำยอม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1092/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิภารจำยอม: การรื้อรั้วกีดขวางทางออกสู่สาธารณะ ถือเป็นการใช้สิทธิโดยสุจริต
คดีก่อนโจทก์เคยฟ้องจำเลยขอให้ศาลพิพากษาว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมและบังคับให้จำเลยขนย้ายกองไม้ออกไปให้พ้นทางภารจำยอม ศาลพิพากษาบังคับตามฟ้องโจทก์ แต่มีรั้วพิพาทในคดีนี้ปิดกั้นกีดขวางทางภารจำยอมอยู่ โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้ขอให้บังคับจำเลยรื้อรั้วพิพาทออกไป ดังนี้ ถือว่าเป็นการใช้สิทธิของโจทก์โดยสุจริต
การที่โจทก์ฟ้องจำเลยให้รื้อรั้วพิพาทดังกล่าว เป็นการใช้สิทธิของโจทก์เพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ตามปกติธรรมดา ไม่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงในภารยทรัพย์หรือสามยทรัพย์เรียกไม่ได้ว่าความต้องการแห่งเจ้าของสามยทรัพย์เปลี่ยนแปลงไป และไม่ทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1092/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิภารจำยอมและการรื้อรั้วกีดขวางทางออกสู่สาธารณะ การใช้สิทธิโดยสุจริตไม่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงภาระ
คดีก่อนโจทก์เคยฟ้องจำเลยขอให้ศาลพิพากษาว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมและบังคับให้จำเลยขนย้ายกองไม้ออกไปให้พ้นทางภารจำยอม ศาลพิพากษาบังคับตามฟ้องโจทก์ แต่มีรั้วพิพาทในคดีนี้ปิดกั้นกีดขวางทางภารจำยอมอยู่ โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้ ขอให้บังคับจำเลยรื้อรั้วพิพาทออกไป ดังนี้ ถือว่าเป็นการใช้สิทธิของโจทก์โดยสุจริต
การที่โจทก์ฟ้องจำเลยให้รื้อรั้วพิพาทดังกล่าว เป็นการใช้สิทธิของโจทก์เพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ตามปกติธรรมดา ไม่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงในภารยทรัพย์หรือสามยทรัพย์เรียกไม่ได้ว่าความต้องการแห่งเจ้าของสามยทรัพย์เปลี่ยนแปลงไป และไม่ทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 242/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: คดีภารจำยอม - การขอรื้อรั้วที่ต่างจากคำขอเดิมในคดีก่อน ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
คดีก่อนโจทก์ฟ้องอ้างว่า ที่ดินที่โจทก์จำเลยพิพาทกันในคดีนั้นเป็นทางภารจำยอมขอให้บังคับจำเลยขนย้ายกองไม้ที่วางอยู่ ในทางภารจำยอม ศาลฎีกาพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินโจทก์ ให้จำเลยขนย้ายกองไม้ที่วางอยู่ในทางภารจำยอมออกไป โจทก์ไม่ได้กล่าวและไม่ได้ขอให้บังคับจำเลยรื้อรั้วในทางภารจำยอมในขณะฟ้องคดีก่อน โจทก์เพิ่งยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยรื้อในชั้นบังคับคดี แก่ศาลฎีกาให้ยกคำร้อง โจทก์จึงฟ้องคดีนี้ว่าโจทก์กับบริวารจำเป็นต้องใช้ยานพาหนะเข้าออกในทางภารจำยอม แต่มีรั้วกัดขวางอยู่ ขอให้บังคับจำเลยรื้อรั้วออกไป เห็นได้ว่าโจทก์มิได้ฟ้องคดีนี้โดยอาศัยเหตุและมิได้มีคำขอให้บังคับจำเลยเป็นอย่างเดียวกันกับคดีก่อนจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2097-2098/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่า, การดัดแปลงที่ดิน, กรรมสิทธิ์ในสิ่งปลูกสร้าง, สิทธิภารจำยอม, การรื้อถอน
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นผู้เช่าที่ดินของโจทก์จนหมดอายุสัญญาเช่าแล้วได้บอกกล่าวให้จำเลยออกไป จำเลยและบริวารไม่ยอมออก เป็นการละเมิดขอให้ขับไล่ เป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม ไม่จำต้องบรรยายไปถึงว่าจำเลยได้ทำสัญญาเช่าเป็นหนังสือหรือไม่
สัญญาเช่าบ้านมีข้อความว่า ส่วนที่ดัดแปลงต่อเติมหรือปลูกสร้างขึ้นนั้นให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ให้เช่าทั้งสิ้น ย่อมมีความหมายว่า บริเวณที่จำเลยก่อสร้างโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดนั้นอยู่ในขอบเขตของสัญญาทั้งสิ้น ดังนี้ โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ที่จำเลยก่อสร้างขึ้นจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ให้เช่าตั้งแต่เวลาก่อสร้างขึ้น กรณีไม่เข้าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1310, 1312

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1426/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิในที่ดินร่วมไม่กระทบสิทธิภารจำยอมเดิม
เจ้าของที่ดินที่ซึ่งมีทางภารจำยอมโดยอายุความอยู่ก่อนแล้ว โอนขายที่ดินบางส่วนให้แก่ผู้ซื้อโดยเติมผู้ซื้อลงในโฉนดร่วมกับตน ดังนี้ ไม่เป็นเหตุทำให้การจำยอมซึ่งมีอยู่แต่เดิมสิ้นไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1426/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนขายที่ดินบางส่วนไม่ทำให้ภารจำยอมเดิมสิ้นสุดลง หากยังถือครองกรรมสิทธิ์ร่วมกัน
เจ้าของที่ดินซึ่งมีทางภารจำยอมโดยอายุความอยู่ก่อนแล้วโอนขายที่ดินบางส่วนให้แก่ผู้ซื้อโดยเติมชื่อผู้ซื้อลงในโฉนดร่วมกับตนดังนี้ ไม่เป็นเหตุทำให้ภารจำยอมซึ่งมีอยู่แต่เดิมสิ้นไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 37/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอม-ทางจำเป็น: พยานบุคคลสำคัญกว่าเอกสาร, หนังสือยินยอมไม่ผูกพันตลอดไป
การนำสืบข้อเท็จจริงว่า ที่พิพาทเป็นทางภารจำยอมหรือไม่ ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง แม้จะมีหนังสือของเจ้าของที่ดินระบุว่าที่พิพาทเป็นทางเดินมาก่อนนานแล้ว ก็เป็นเพียงพยานหลักฐานอย่างหนึ่ง ซึ่งอาจนำสืบพยานบุคคลเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารนั้นได้
จำเลยทำหนังสือยินยอมว่ายอมให้โจทก์ใช้ที่ดินของจำเลยเป็นทางเข้าออกสู่ถนนสาธารณะได้ โดยไม่ขอรับค่าตอบแทนใด ๆ และบุคคลคนหนึ่งเป็นผู้นำหนังสือนั้นมาให้โจทก์ยึดถือไว้ ก็มีผลเป็นแต่เพียงให้โจทก์มีสิทธิเดินตามทางพิพาทได้โดยไม่เป็นละเมิด แต่โจทก์ไม่มีสิทธิยกเอาความยินยอมนั้นผูกพันจำเลยตลอดไป จำเลยอาจเลิกไม่ให้ใช้เดินเสียเมื่อไรก็ได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1084/2507)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 37/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอม-ทางจำเป็น: การพิสูจน์สิทธิ-หนังสือยินยอม-การเลิกสัญญา
การนำสืบข้อเท็จจริงว่า ที่พิพาทเป็นทางภารจำยอมหรือไม่ ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง แม้จะมีหนังสือของเจ้าของที่ดินระบุว่าที่พิพาทเป็นทางเดินมาก่อนนานแล้ว ก็เป็นเพียงพยานหลักฐานอย่างหนึ่งซึ่งอาจนำสืบพยานบุคคลเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารนั้นได้
จำเลยทำหนังสือยินยอมว่ายอมให้โจทก์ใช้ที่ดินของจำเลยเป็นทางเข้าออกสู่ถนนสาธารณะได้โดยไม่ขอรับค่าตอบแทนใดๆและบุคคลคนหนึ่งเป็นผู้นำหนังสือนั้นมาให้โจทก์ยึดถือไว้ ก็มีผลเป็นแต่เพียงให้โจทก์มีสิทธิเดินตามทางพิพาทได้โดยไม่เป็นละเมิด แต่โจทก์ไม่มีสิทธิยกเอาความยินยอมนั้นผูกพันจำเลยตลอดไป จำเลยอาจเลิกไม่ให้ใช้เดินเสียเมื่อไรก็ได้(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1084/2507)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 368/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลีกเลี่ยงคำพิพากษาศาลโดยการจงใจกีดขวางทางภารจำยอม ทำให้ต้องรับผิดค่าสินไหมทดแทนต่อเนื่อง
ตามคำบังคับของศาลมีใจความสำคัญว่าจำเลยจะต้องจดทะเบียนภารจำยอมที่ดินของจำเลยเพื่อให้โจทก์ใช้เป็นถนนเข้าสู่ที่ดินของโจทก์ได้ตลอดไป และให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนในอนาคตแก่โจทก์เดือนละ 300 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะขนย้ายอิฐและสัมภาระออกไปจากถนนดังกล่าวนี้ ดังนี้ กองอิฐที่โจทก์ฟ้องจำเลยได้ใช้ในการก่อสร้างหมดแล้วภายใน 3 เดือนนับแต่วันฟ้องแล้วจำเลยได้สั่งอิฐมากองไว้อีก อิฐที่จำเลยสั่งมากองไว้คราวหลังนี้ แม้โจทก์มิได้ฟ้อง แต่ก็เห็นว่าเป็นพฤติการณ์ที่ส่อให้เห็นว่าจำเลยได้กระทำไปโดยเจตนาหลีกเลี่ยงที่จะไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาล โดยทำให้โจทก์ไม่อาจใช้ถนนเข้าสู่ที่ดินของโจทก์ได้ตลอดไป ฉะนั้น ตราบใดที่จำเลยยังไม่ทำให้โจทก์ใช้ถนนได้ตลอดไปจำเลยก็ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์อยู่ตราบนั้น
of 46