พบผลลัพธ์ทั้งหมด 644 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 203/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องฐานลักทรัพย์หลังศาลแขวงสั่งมีมูลฐานรับของโจร และหลักการสั่งคดีชั้นไต่สวนมูลฟ้อง
พนักงานสอบสวนฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ชั้นไต่สวนมูลฟ้องจำเลยรับสารภาพฐานรับของโจร ศาลแขวงสั่งว่าคดีมีมูลฐานรับของโจร และรับประทับฟ้อง โจทก์เห็นว่า ความผิดฐานลักทรัพย์และรับของโจรเป็นข้อเท็จจริงอันเดียวกัน เกี่ยวพันกันและต่อเนื่องกัน จึงฟ้องจำเลยฐานลักทรัพย์ต่อศาลอาญา ย่อมทำได้ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 16
ในกรณีที่โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรฐานใดฐานหนึ่งนั้น เมื่อศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้วควรสั่งว่าคดีมีมูลหรือไม่มีมูลเท่านั้น ควรให้ศาลซึ่งจะพิจารณาพิพากษาคดีนั้นเป็นผู้ชี้ขาดต่อไป
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 19/2502)
ในกรณีที่โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรฐานใดฐานหนึ่งนั้น เมื่อศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้วควรสั่งว่าคดีมีมูลหรือไม่มีมูลเท่านั้น ควรให้ศาลซึ่งจะพิจารณาพิพากษาคดีนั้นเป็นผู้ชี้ขาดต่อไป
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 19/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 203/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องฐานลักทรัพย์หลังศาลแขวงสั่งมีมูลฐานรับของโจร และหลักการสั่งคดีในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง
พนักงานสอบสวนฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร
ชั้นไต่สวนมูลฟ้องจำเลยรับสารภาพฐานรับของโจรศาลแขวงสั่งว่าคดีมีมูลฐานรับของโจร และรับประทับฟ้องโจทก์เห็นว่าว่า ความผิดฐานลักทรัพย์และรับของโจรเป็นข้อเท็จจริงอันเดียวกันเกี่ยวพันกันและต่อเนื่องกันจึงฟ้องจำเลยฐานลักทรัพย์ต่อศาลอาญา ย่อมทำได้ตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 16
ในกรณีที่โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรฐานใดฐานหนึ่งนั้นเมื่อศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้วควรสั่งว่าคดีมีมูลหรือไม่มีมูลเท่านั้น ไม่ควรสั่งว่ามีมูลฐานใดฐานหนึ่ง เพราะเป็นคำสั่งชั้นไต่สวนมูลฟ้องเท่านั้น ควรให้ศาลซึ่งจะพิจารณาพิพากษาคดีนั้นเป็นผู้ชี้ขาดต่อไป(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 19/2502)
ชั้นไต่สวนมูลฟ้องจำเลยรับสารภาพฐานรับของโจรศาลแขวงสั่งว่าคดีมีมูลฐานรับของโจร และรับประทับฟ้องโจทก์เห็นว่าว่า ความผิดฐานลักทรัพย์และรับของโจรเป็นข้อเท็จจริงอันเดียวกันเกี่ยวพันกันและต่อเนื่องกันจึงฟ้องจำเลยฐานลักทรัพย์ต่อศาลอาญา ย่อมทำได้ตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 16
ในกรณีที่โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรฐานใดฐานหนึ่งนั้นเมื่อศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้วควรสั่งว่าคดีมีมูลหรือไม่มีมูลเท่านั้น ไม่ควรสั่งว่ามีมูลฐานใดฐานหนึ่ง เพราะเป็นคำสั่งชั้นไต่สวนมูลฟ้องเท่านั้น ควรให้ศาลซึ่งจะพิจารณาพิพากษาคดีนั้นเป็นผู้ชี้ขาดต่อไป(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 19/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 920/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานรับของโจรต้องมีทรัพย์ที่ถูกลักขโมยมาแล้วก่อน จึงจะมีความผิดได้
ประมวล ก.ม. อาญา ม. 357 บัญญัติเกณฑ์ความผิดฐานรับของโจรไว้ว่า การรับด้วยประการใด ๆ ซึ่งทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิดอันจำกัดไว้ว่า ความผิดนั้น ต้องเข้าลักษณะความผิดฐานลักทรัพย์, วิ่งราวทรัพย์ ฯลฯ ซึ่งหมายความว่า ทรัพย์นั้นจะต้องเป็นทรัพย์ที่ถูกลักฯลฯ มาเสียก่อนจึงจะเกิดความผิดฐานรับของโจรต่อไปได้ เมื่อกรณีเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ว่ามิได้มีการกระทำผิดฐานลักทรัพย์เกิดขึ้น ก็ย่อมไม่อาจมีความผิดฐานรับของโจรเกิดขึ้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 920/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานรับของโจร ต้องมีหลักฐานการลักทรัพย์ก่อน จึงจะมีความผิด
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา357 บัญญัติเกณฑ์ความผิดฐานรับของโจรไว้ว่า การรับด้วยประการใดๆ ซึ่งทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิดอันจำกัดไว้ว่า ความผิดนั้น ต้องเข้าลักษณะความผิดฐานลักทรัพย์, วิ่งราวทรัพย์ ฯลฯ ซึ่งหมายความว่าทรัพย์นั้นจะต้องเป็นทรัพย์ที่ถูกลัก ฯลฯมาเสียก่อนจึงจะเกิดความผิดฐานรับของโจรต่อไปได้ เมื่อกรณีเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ว่ามิได้มีการกระทำผิดฐานลักทรัพย์เกิดขึ้น ก็ย่อมไม่อาจมีความผิดฐานรับของโจรเกิดขึ้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 689/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประทับฟ้องความผิดฐานลักทรัพย์เมื่อจำเลยรับสารภาพฐานรับของโจร และศาลเห็นว่าคดีไม่เป็นประโยชน์แก่โจทก์
ผู้ว่าคดีฟ้องจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรต่อศาลแขวง จำเลยรับสารภาพ ฐานรับของโจร ศาลแขวงสั่งคดีมีมูลเฉพาะข้อหาฐานรับของโจร อัยการฟ้องจำเลยต่อศาลอาญาฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลอาญานั่งประทับฟ้องฐานรับของโจร จำเลยรับสารภาพ โจทก์ จำเลย แถลงไม่ติดใจสืบพยาน ศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำเลยฐานรับของโจร โจทก์จะอุทธรณ์ฎีกาขอให้ประทับฟ้องลักทรัพย์ ดังนี้ ผลของคดีจำเลยย่อมรับโทษฐานรับของโจรตามความประสงค์ ของโจทก์แล้ว คดีไม่เป็นประโยชน์แก่โจทย์อย่างใด จึงยังไม่มีความจำเป็นที่จะวินิจฉัยฎีกาของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 689/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประทับฟ้องและการวินิจฉัยฎีกาในคดีรับของโจร แม้โจทก์ไม่ติดใจสืบพยาน หากจำเลยได้รับโทษตามความประสงค์แล้ว
ผู้ว่าคดีฟ้องจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรต่อศาลแขวงจำเลยรับสารภาพฐานรับของโจร ศาลแขวงสั่งคดีมีมูลเฉพาะข้อหาฐานรับของโจร อัยการฟ้องจำเลยต่อศาลอาญาฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลอาญาสั่งประทับฟ้องฐานรับของโจร จำเลยรับสารภาพ โจทก์ จำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน ศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำเลยฐานรับของโจร โจทก์จะอุทธรณ์ฎีกาขอให้ประทับฟ้องฐานลักทรัพย์ ังนี้ ผลของคดีจำเลยย่อมรับโทษฐานรับของโจรตามความประสงค์ของโจทก์แล้ว คดีไม่เป็นประโยชน์แก่โจทก์อย่างใด จึงยังไม่มีความจำเป็นที่จะวินิจฉัยฎีกาของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 248/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องซ้ำในข้อหาลักทรัพย์ หลังศาลแขวงยกฟ้อง คดีเกี่ยวพันกับรับของโจร
โจทก์ฟ้องจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งว่า คดีมีมูลเฉพาะข้อหารับของโจร ส่วนข้อหาลักทรัพย์คดีไม่มีมูล ให้ยกฟ้อง เช่นนี้ โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในข้อหาฐานลักทรัพย์นี้ต่อศาลที่มีอำนาจอีกโจทก์คงฟ้องจำเลยได้ในข้อหาฐานรับของโจรยังศาลที่มีอำนาจเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 248/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องซ้ำในข้อหาลักทรัพย์หลังศาลแขวงยกฟ้อง แม้เกี่ยวพันกับรับของโจร
โจทก์ฟ้องจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งว่า คดีมีมูลเฉพาะข้อหารับของโจรส่วนข้อหาลักทรัพย์คดีไม่มีมูลให้ยกฟ้อง เช่นนี้ โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในข้อหาฐานลักทรัพย์นี้ต่อศาลที่มีอำนาจอีกโจทก์คงฟ้องจำเลยได้ในข้อหาฐานรับของโจรยังศาลที่มีอำนาจเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1247/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องลักทรัพย์/รับของโจร แม้มีการกล่าวถึงการขายของกลางก่อน
การบรรยายฟ้องข้อหาฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรโดยบรรยายตอนต้นว่า มีคนร้ายลักทรัพย์นั้น แม้จะได้บรรยายไว้ในตอนต่อมาอีกว่า จำเลยได้เอาทรัพย์ที่คนร้ายลักไปนั้นขายให้แก่ผู้มีชื่อ ทั้งนี้โดยจำเลยเป็นคนร้ายลักทรัพย์ฉันรับหรือมิฉนั้นจำเลยก็รับทรัพย์นั้นไว้โดยรู้ว่าได้มาโดยการกระทำผิดฐานลักทรัพย์เช่นนี้ เป็นฟ้องที่สมบูรณ์แล้วไม่เคลือบคลุมแต่อย่างใด การที่โจทก์กล่าวในฟ้องถึงเรื่องจำเลยขายทรัพย์ของกลาง ย่อมเข้าใจได้ว่าเป็นทรัพย์ที่จำเลยลักหรือรับของโจรไว้แล้วนั่นเอง โจทก์จะกล่าวเรื่องขายทรัพย์ของกลางก่อนหรือเรื่องลักทรัพย์กับรับของโจรก่อนอยู่ที่การเรียบเรียง เรื่องขายทรัพย์ของกลางจึงเป็นเพียงข้อเท็จจริงประการหนึ่งซึ่งอย่างน้อยก็แสดงถึงมูลเหตุที่ทำให้ได้ตัวจำเลยและของกลาง และแม้โจทก์ไม่กล่าวมาในฟ้องก็อาจนำสืบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1247/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องลักทรัพย์/รับของโจร แม้มีการกล่าวถึงการขายของกลางก่อน
การบรรยายฟ้องข้อหาฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรโดยบรรยายตอนต้นว่า มีคนร้ายลักทรัพย์นั้น แม้จะได้บรรยายไว้ในตอนต่อมาอีกว่า จำเลยได้เอาทรัพย์ที่คนร้ายลักไปนั้นขายให้แก่ผู้มีชื่อ ทั้งนี้โดยจำเลยเป็นคนร้ายลักทรัพย์นั้นไป หรือมิฉะนั้นจำเลยก็รับทรัพย์นั้นไว้โดยรู้ว่าได้มาโดยการกระทำผิดฐานลักทรัพย์เช่นนี้ เป็นฟ้องที่สมบูรณ์แล้วไม่เคลือบคลุมแต่อย่างใด การที่โจทก์กล่าวในฟ้องถึงเรื่องจำเลยขายทรัพย์ของกลาง ย่อมเข้าใจได้ว่าเป็นทรัพย์ที่จำเลยลักหรือรับของโจรไว้แล้วนั่นเอง โจทก์จะกล่าวเรื่องขายทรัพย์ของกลางก่อนหรือเรื่องลักทรัพย์กับรับของโจรก่อนอยู่ที่การเรียบเรียง เรื่องขายทรัพย์ของกลางจึงเป็นเพียงข้อเท็จจริงประการหนึ่งซึ่งอย่างน้อยก็แสดงถึงมูลเหตุที่ทำให้ได้ตัวจำเลยและของกลาง และแม้โจทก์ไม่กล่าวมาในฟ้องก็อาจนำสืบได้