พบผลลัพธ์ทั้งหมด 558 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้าม หากศาลล่างวินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้ว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปล้นทรัพย์และทำร้ายเจ้าทรัพย์บาดเจ็บขอให้ลงโทษฐานปล้นทรัพย์ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดฐานทำร้ายร่างกายตาม กฎหมายอาญา มาตรา254 จำคุก 2 ปีศาลอุทธรณ์เห็นว่าข้อเท็จจริงไม่พอฟังว่าจำเลยได้กระทำผิดทั้งสองฐานพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์เช่นนี้โจทก์จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง (ขอให้ลงโทษฐานปล้นทรัพย์) ต่อไปไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 932/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยข้อพิพาทเรื่องทางเดินต้องเป็นไปตามคำท้าของคู่ความ ศาลมิอาจนำเหตุอื่นมาวินิจฉัยได้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเปิดทางเดิน คู่ความท้ากันว่าให้ศาลไปตรวจดูที่พิพาทถ้าเห็นว่าที่พิพาทมีลักษณะและสภาพเป็นทางเดินมาก่อนหรือไม่ ? ถ้าเป็นจำเลยยอมแพ้ ถ้าไม่เป็น โจทก์ยอมแพ้
เมื่อศาลไปตรวจและบันทึกในรายงานกระบวนพิจารณาว่า "แนวทางเดินเท้าจากต้นมะลุมหมายอักษร ล.ในแผนที่กลางก็มาจบกับปลายทางเกวียน หมายอักษร ข." เพียงเท่านี้ไม่ชัดเจนพอจะเข้าใจได้ว่ามีลักษณะและสภาพเป็นทางคนเดินมาแต่ก่อนตรงกับที่คู่ความท้ากันไว้หรือไม่ ข.ฉนั้นการที่ศาลยกเอาเหตุอื่น ๆ (นอกจากเหตุที่ท้ากันไว้)มาวินิจฉัยประกอบ(บันทึกที่ไม่ชัดนั้น) เพื่อให้เห็นว่าคนซึ่งอยู่ในที่ดินของโจทก์ย่อมต้องใช้ทางนี้เป็นทางเข้าออกมาแต่เดิมด้วยแล้วบังคับให้จำเลยเปิดทางคนเดินนั้น เป็นเรื่องนอกคำท้าของคู่ความ เป็นการไม่ชอบ
เมื่อศาลไปตรวจและบันทึกในรายงานกระบวนพิจารณาว่า "แนวทางเดินเท้าจากต้นมะลุมหมายอักษร ล.ในแผนที่กลางก็มาจบกับปลายทางเกวียน หมายอักษร ข." เพียงเท่านี้ไม่ชัดเจนพอจะเข้าใจได้ว่ามีลักษณะและสภาพเป็นทางคนเดินมาแต่ก่อนตรงกับที่คู่ความท้ากันไว้หรือไม่ ข.ฉนั้นการที่ศาลยกเอาเหตุอื่น ๆ (นอกจากเหตุที่ท้ากันไว้)มาวินิจฉัยประกอบ(บันทึกที่ไม่ชัดนั้น) เพื่อให้เห็นว่าคนซึ่งอยู่ในที่ดินของโจทก์ย่อมต้องใช้ทางนี้เป็นทางเข้าออกมาแต่เดิมด้วยแล้วบังคับให้จำเลยเปิดทางคนเดินนั้น เป็นเรื่องนอกคำท้าของคู่ความ เป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 932/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยคดีทางเดินต้องเป็นไปตามคำท้าของคู่ความ ศาลมิอาจใช้เหตุอื่นนอกเหนือจากที่ได้ท้ากันไว้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเปิดทางเดิน คู่ความท้ากันว่าให้ศาลไปตรวจดูที่พิพาทถ้าเห็นว่าที่พิพาทมีลักษณะและสภาพเป็นทางเดินมาก่อนหรือไม่ ถ้าเป็นจำเลยยอมแพ้ ถ้าไม่เป็นโจทก์ยอมแพ้
เมื่อศาลไปตรวจและบันทึกในรายงานกระบวนพิจารณาว่า"แนวทางเดินเท้าจากต้นมะลุมหมายอักษร ล. ในแผนที่กลางก็มาจบกับปลายทางเกวียนหมายอักษร ข." เพียงเท่านี้ไม่ชัดเจนพอจะเข้าใจได้ว่ามีลักษณะและสภาพเป็นทางคนเดินมาแต่ก่อนตรงกับที่คู่ความท้ากันไว้หรือไม่ ฉะนั้นการที่ศาลยกเอาเหตุอื่นๆ(นอกจากเหตุที่ท้ากันไว้)มาวินิจฉัยประกอบ(บันทึกที่ไม่ชัดนั้น)เพื่อให้เห็นว่าคนซึ่งอยู่ในที่ดินของโจทก์ย่อมต้องใช้ทางนี้เป็นทางเข้าออกมาแต่เดิมด้วยแล้วบังคับให้จำเลยเปิดทางคนเดินนั้น เป็นเรื่องนอกคำท้าของคู่ความ เป็นการไม่ชอบ
เมื่อศาลไปตรวจและบันทึกในรายงานกระบวนพิจารณาว่า"แนวทางเดินเท้าจากต้นมะลุมหมายอักษร ล. ในแผนที่กลางก็มาจบกับปลายทางเกวียนหมายอักษร ข." เพียงเท่านี้ไม่ชัดเจนพอจะเข้าใจได้ว่ามีลักษณะและสภาพเป็นทางคนเดินมาแต่ก่อนตรงกับที่คู่ความท้ากันไว้หรือไม่ ฉะนั้นการที่ศาลยกเอาเหตุอื่นๆ(นอกจากเหตุที่ท้ากันไว้)มาวินิจฉัยประกอบ(บันทึกที่ไม่ชัดนั้น)เพื่อให้เห็นว่าคนซึ่งอยู่ในที่ดินของโจทก์ย่อมต้องใช้ทางนี้เป็นทางเข้าออกมาแต่เดิมด้วยแล้วบังคับให้จำเลยเปิดทางคนเดินนั้น เป็นเรื่องนอกคำท้าของคู่ความ เป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 660/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยคดีมรดกโดยอ้างอิงคำพิพากษาเดิมและประเด็นฟ้องซ้ำ
โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องมรดกที่ดินต่างอ้างถึงสำนวนคดีแดงอีกเรื่องหนึ่งเมื่อศาลเห็นว่าตามคำฟ้องคำให้การประกอบกับสำนวนเรื่องนั้นก็พอวินิจฉัยคดีได้แล้วศาลก็อาจงดสืบพยานเสียแล้วนำสำนวนคดีนั้นมาวินิจฉัยประกอบได้เองโดยโจทก์จำเลยไม่ต้องขอระบุอ้าง
คดีก่อนโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทคำพิพากษาถึงที่สุดวินิจฉัยว่าที่พิพาทโจทก์จำเลยมีกรรมสิทธิและปกครองร่วมกันข้อเท็จจริงอันนี้ย่อมผูกมัดโจทก์จำเลยในคดีนี้ซึ่งเป็นคู่ความเดียวกันด้วยและคดีหลังนี้โจทก์ฟ้องขอแบ่งที่พิพาทจึงเป็นคนละประเด็นไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คดีก่อนโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทคำพิพากษาถึงที่สุดวินิจฉัยว่าที่พิพาทโจทก์จำเลยมีกรรมสิทธิและปกครองร่วมกันข้อเท็จจริงอันนี้ย่อมผูกมัดโจทก์จำเลยในคดีนี้ซึ่งเป็นคู่ความเดียวกันด้วยและคดีหลังนี้โจทก์ฟ้องขอแบ่งที่พิพาทจึงเป็นคนละประเด็นไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 178/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีอาญาเมื่อหลักฐานสำคัญสูญหาย ศาลฎีกามีอำนาจสั่งให้สืบพยานใหม่เพื่อวินิจฉัย
จำเลยหลบหนีเรือนจำไปโดยยังไม่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ต่อมากว่า 10 ปี แล้ว จึงจับจำเลยได้ ปรากฎว่าสำนวนทำลายเสียหมด คงเหลือแต่ฟ้องและคำพิพากษาเท่านั้น ไม่อาจวินิ่จฉัยข้อเท็จจริงได้ ศาลฎีกามีอำนาจสั่งให้ศาลชั้นตั้นสืบพะยานโจทก์จำเลยใหม่เพื่อศาลฎีกาจะได้วินิจฉัยไปก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1494/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเมิดสิทธิทำให้เกิดความเสียหาย แม้โจทก์สืบค่าเสียหายไม่ได้ ศาลมีอำนาจวินิจฉัยตามควรแก่เหตุ
เมื่อฟังว่าจำเลยละเมิดแม้โจทก์จะสืบในเรื่องค่าเสียหายไม่ได้ ศาลก็มีอำนาจวินิจฉัยให้ตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งการละเมิด
ในฟ้องโจทก์กล่าวว่าจำเลยละเมิดปลูกห้องล้ำที่โจทก์ ทำให้น้ำฝนสาดห้องโจทก์เสียหาย 100 บ. แต่กลับสืบว่าทำให้น้ำฝนสาดยาม้วนของโจทก์เสียหาย 2 ม้วนเป็นเงิน 100 บาท ศาลวินิจฉัยค่าเสียหายให้โจทก์ 20 บาท ดังนี้ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยได้
ในฟ้องโจทก์กล่าวว่าจำเลยละเมิดปลูกห้องล้ำที่โจทก์ ทำให้น้ำฝนสาดห้องโจทก์เสียหาย 100 บ. แต่กลับสืบว่าทำให้น้ำฝนสาดยาม้วนของโจทก์เสียหาย 2 ม้วนเป็นเงิน 100 บาท ศาลวินิจฉัยค่าเสียหายให้โจทก์ 20 บาท ดังนี้ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1494/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเมิดสิทธิก่อให้เกิดความเสียหาย แม้โจทก์สืบค่าเสียหายไม่ได้ ศาลมีอำนาจวินิจฉัยตามควรแก่กรณี
เมื่อฟังว่าจำเลยละเมิด แม้โจทก์จะสืบในเรื่องค่าเสียหายไม่ได้ ศาลก็มีอำนาจวินิจฉัยให้ตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งการละเมิด
ในฟ้องโจทก์กล่าวว่าจำเลยละเมิดปลูกห้องล้ำที่โจทก์ ทำให้น้ำฝนสาดห้องโจทก์เสียหาย 100 บาท แต่กลับสืบว่าทำให้น้ำฝนสาดยาม้วนของโจทก์เสียหาย 2 ม้วนเป็นเงิน 100 บาท ศาลวินิจฉัยค่าเสียหายให้โจทก์ 20 บาทดังนี้ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยได้
ในฟ้องโจทก์กล่าวว่าจำเลยละเมิดปลูกห้องล้ำที่โจทก์ ทำให้น้ำฝนสาดห้องโจทก์เสียหาย 100 บาท แต่กลับสืบว่าทำให้น้ำฝนสาดยาม้วนของโจทก์เสียหาย 2 ม้วนเป็นเงิน 100 บาท ศาลวินิจฉัยค่าเสียหายให้โจทก์ 20 บาทดังนี้ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1368/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงเดิมหลังศาลอุทธรณ์ตัดสินแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์ตาม ม. 300 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับลงโทษจำเลยเพียงทำร้ายร่างกายตาม ม. 254 เช่นนี้ เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริง แม้จะอ้างเหตุผลไปคนละนัย แต่ในที่สุดก็เห็นต้องกันว่าจำเลยไม่ผิดฐานลักทรัพย์หรือชิงทรัพย์ดังข้อหาของโจทก์จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ฐานชิงทรัพย์โดยอาศัยข้อเท็จจริง ดังนี้ โจทก์จะฎีกาข้อเท็จจริงขอให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์หาได้ไม่ เป็นการต้องห้ามตาม ป.วิ.อาญา ม. 219
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 21/249+)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 21/249+)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1012/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการวินิจฉัยคดีตามข้อตกลงร่วม: ศาลจำกัดเฉพาะประเด็นที่คู่ความตกลงกันไว้เท่านั้น
การที่ " คู่ความตกลงกันสืบข้อเท็จจริงในประเด็นเพียงข้อเดียวว่า โจทก์ได้ชำระเงินค่าไถ่ถอนที่พิพาทให้แก่นายหมาแดงบิดาจำเลยแล้วหรือยัง ถ้าฟังข้อเท็จจริงว่าชำระแล้ว ให้โจทก์ชนะคดี ถ้ายังไม่ชำระให้ยกฟ้อง " ดังนี้ก็มีข้อที่พึงวินิจฉัยเฉพาะข้อที่ตกลงกันไว้เพียงข้อเดียวเท่านั้น
ส่วนข้อที่โจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยทราบว่าโจทก์รบกวนสิทธิตั้งแต่เดือนกันยายน 2495 แล้วเพิกเฉยไม่จัดการฟ้องร้องเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนภายใน 1 ปี จำเลยย่อมขาดสิทธิในที่พิพาทนั้น เป็นเรื่องที่จะฟังข้อเท็จจริงว่าอย่างไร หาใช่เป็นข้อกฎหมายดังโจทก์อ้างไม่และเป็นเรื่องนอกประเด็นที่ตกลงกันไว้ ศาลไม่จำต้องวินิจฉัย
ส่วนข้อที่โจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยทราบว่าโจทก์รบกวนสิทธิตั้งแต่เดือนกันยายน 2495 แล้วเพิกเฉยไม่จัดการฟ้องร้องเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนภายใน 1 ปี จำเลยย่อมขาดสิทธิในที่พิพาทนั้น เป็นเรื่องที่จะฟังข้อเท็จจริงว่าอย่างไร หาใช่เป็นข้อกฎหมายดังโจทก์อ้างไม่และเป็นเรื่องนอกประเด็นที่ตกลงกันไว้ ศาลไม่จำต้องวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1012/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงประเด็นข้อเท็จจริงจำกัดขอบเขตการวินิจฉัย ศาลไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยประเด็นนอกข้อตกลง
การที่ "คู่ความตกลงกันสืบข้อเท็จจริงในประเด็นเพียงข้อเดียวว่าโจทก์ได้ชำระเงินค่าไถ่ถอนที่พิพาทให้แก่นายหมาบิดาจำเลยแล้วหรือยังถ้าฟังข้อเท็จจริงว่าชำระแล้วให้โจทก์ชนะคดี ถ้ายังไม่ชำระให้ยกฟ้อง"ดังนี้ก็มีข้อที่พึงวินิจฉัยเฉพาะข้อที่ตกลงกันไว้เพียงข้อเดียวเท่านั้น
ส่วนข้อที่โจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยทราบว่าโจทก์รบกวนสิทธิตั้งแต่เดือนกันยายน 2495 แล้วเพิกเฉยไม่จัดการฟ้องร้องเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนภายใน 1 ปี จำเลยย่อมขาดสิทธิในที่พิพาทนั้น เป็นเรื่องที่จะฟังข้อเท็จจริงว่าอย่างไร หาใช่เป็นข้อกฎหมายดังโจทก์อ้างไม่ และเป็นเรื่องนอกประเด็นที่ตกลงกันไว้ ศาลไม่จำต้องวินิจฉัย
ส่วนข้อที่โจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยทราบว่าโจทก์รบกวนสิทธิตั้งแต่เดือนกันยายน 2495 แล้วเพิกเฉยไม่จัดการฟ้องร้องเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนภายใน 1 ปี จำเลยย่อมขาดสิทธิในที่พิพาทนั้น เป็นเรื่องที่จะฟังข้อเท็จจริงว่าอย่างไร หาใช่เป็นข้อกฎหมายดังโจทก์อ้างไม่ และเป็นเรื่องนอกประเด็นที่ตกลงกันไว้ ศาลไม่จำต้องวินิจฉัย