คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สุจริต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,168 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5241/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำนองเหนือโฉนด: สิทธิจำนองย่อมผูกพันที่ดินแปลงเดิม แม้มีการเปลี่ยนมือโดยสุจริต
ผู้ร้องมิได้อุทธรณ์ว่าที่ดินพิพาททั้งสองแปลงเป็นคนละแปลงกับที่ดินตาม น.ส.3 เลขที่ 408 ข้อเท็จจริงจึงต้องฟังเป็นยุติตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ที่ดินพิพาททั้งสองแปลงเป็นส่วนหนึ่งของที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 408 ที่โจทก์เป็นผู้รับจำนองและนำยึดไว้การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าพยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าที่ดินพิพาททั้งสองแปลงของผู้ร้องเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินตาม น.ส.3เลขที่ 408 จึงเป็นการมิชอบ
ที่ดินพิพาทมีโฉนดของผู้ร้องเป็นส่วนหนึ่งของที่ดิน น.ส.3เลขที่ 408 ซึ่งโจทก์เป็นผู้รับจำนองไว้โดยชอบในขณะที่มี น.ส.3เป็นหลักฐานโดยมีชื่อผู้จำนองเป็นเจ้าของ การจำนองยังไม่ระงับสิ้นไปโจทก์ยังคงมีสิทธิบังคับจำนองเอากับที่ดินทั้งสองแปลงได้ตาม ป.พ.พ.มาตรา 744 และ 702 วรรคสอง การที่ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในภายหลังแม้จะได้มาโดยสุจริตก็ไม่ทำให้สิทธิของโจทก์ที่มีอยู่เดิมเสียไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5241/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำนองย่อมมีผลผูกพัน แม้มีการซื้อขายที่ดินภายหลัง และผู้ซื้อได้มาโดยสุจริต
ผู้ร้องมิได้อุทธรณ์ว่าที่ดินพิพาททั้งสองแปลงเป็นคนละแปลงกับที่ดินตาม น.ส.3 เลขที่ 408 ข้อเท็จจริงจึงต้องฟังเป็นยุติตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ที่ดินพิพาททั้งสองแปลงเป็นส่วนหนึ่งของที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 408 ที่โจทก์เป็นผู้รับจำนองและนำยึดไว้การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าพยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าที่ดินพิพาททั้งสองแปลงของผู้ร้องเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินตาม น.ส.3เลขที่ 408 จึงเป็นการมิชอบ ที่ดินพิพาทมีโฉนดของผู้ร้องเป็นส่วนหนึ่งของที่ดิน น.ส.3เลขที่ 408 ซึ่งโจทก์เป็นผู้รับจำนองไว้โดยชอบในขณะที่มี น.ส.3เป็นหลักฐานโดยมีชื่อผู้จำนองเป็นเจ้าของ การจำนองยังไม่ระงับสิ้นไปโจทก์ยังคงมีสิทธิบังคับจำนองเอากับที่ดินทั้งสองแปลงได้ตาม ป.พ.พ.มาตรา 744 และ 702 วรรคสอง การที่ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในภายหลังแม้จะได้มาโดยสุจริตก็ไม่ทำให้สิทธิของโจทก์ที่มีอยู่เดิมเสียไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4960/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องเรียนการเรียกรับเงินและการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อปกป้องผลประโยชน์ส่วนตน ไม่ถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
สภาตำบลซึ่งมีจำเลยเป็นประธานสภาเสนอโครงการสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก และได้รับอนุมัติ ต่อมาจำเลยทำหนังสือร้องเรียนต่ออธิบดีกรมการปกครองกล่าวหาผู้เสียหายซึ่งเป็นนายอำเภอพุนพินว่าเรียกร้อง เงินค่าอนุมัติเบิกจ่ายเงินค่าก่อสร้างดังกล่าวจากจำเลยจำนวน 2,000 บาท ซึ่งตามข้อเท็จจริงและพฤติการณ์แห่งคดีน่าเชื่อว่ามีการเรียกร้องและรับเงิน 2,000 บาทจากจำเลย ฉะนั้น การที่จำเลยทำหนังสือร้องเรียนดังกล่าวจึงเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมในฐานะประธานสภาตำบลและราษฎรในตำบล กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (1) จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4960/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อปกป้องผลประโยชน์ส่วนตนและการยกเว้นความผิดฐานหมิ่นประมาท
สภาตำบลซึ่งมีจำเลยเป็นประธานสภาเสนอโครงการสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก และได้รับอนุมัติ ต่อมาจำเลยทำหนังสือร้องเรียนต่ออธิบดีกรมการปกครองกล่าวหาผู้เสียหายซึ่งเป็นนายอำเภอว่าเรียกร้องเงินค่าอนุมัติเบิกจ่ายเงินค่าก่อสร้างดังกล่าวจากจำเลยจำนวน 2,000 บาท ซึ่งตามข้อเท็จจริงและพฤติการณ์แห่งคดีน่าเชื่อว่ามีการเรียกร้องและรับเงิน 2,000 บาทจากจำเลย ฉะนั้นการที่จำเลยทำหนังสือร้องเรียนดังกล่าวจึงเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมในฐานะประธานสภาตำบลและราษฎรในตำบล กรณีต้องด้วย ป.อ. มาตรา 329(1)จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4960/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อป้องกันส่วนได้เสีย ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
สภาตำบลซึ่งมีจำเลยเป็นประธานสภาเสนอโครงการสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก และได้รับอนุมัติ ต่อมาจำเลยทำหนังสือร้องเรียนต่ออธิบดีกรมการปกครองกล่าวหาผู้เสียหายซึ่งเป็นนายอำเภอพุนพินว่าเรียกร้องเงินค่าอนุมัติเบิกจ่ายเงินค่าก่อสร้างดังกล่าวจากจำเลยจำนวน 2,000 บาท ซึ่งตามข้อเท็จจริงและพฤติการณ์แห่งคดีน่าเชื่อว่ามีการเรียกร้องและรับเงิน 2,000 บาทจากจำเลย ฉะนั้น การที่จำเลยทำหนังสือร้องเรียนดังกล่าวจึงเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมในฐานะประธานสภาตำบลและราษฎรในตำบล กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329(1) จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4947/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกทรัพย์สินที่เป็นสินสมรสโดยความยินยอมของคู่สมรส แม้ภายหลังจะมาฟ้องเพิกถอนมิได้ ถือเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
อ. ได้ที่ดินพิพาทมาโดยการรับมรดกระหว่างเป็นสามีโจทก์เมื่อปรากฏว่า อ. ได้รับมรดกที่ดินพิพาทมาก่อนวันที่ 16 ตุลาคม2519 อันเป็นวันที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 5 ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2519 มีผลใช้บังคับ ที่ดินพิพาทจึงเป็นสินสมรสระหว่าง อ. กับโจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 เดิมมาตรา 1466
แม้ว่าที่ดินพิพาทจะเป็นสินสมรสระหว่าง อ. กับโจทก์ก็ตามเมื่อปรากฏว่าการที่ อ. ยกที่ดินพิพาทส่วนของโจทก์ให้แก่จำเลยด้วยนั้น โจทก์ซึ่งรู้เห็นอยู่แล้วไม่ได้คัดค้านหรือทักท้วงประการใดกลับปล่อยให้จำเลยดำเนินการไถ่ถอนการขายฝาก และจดทะเบียนโอนที่ดินยกให้เป็นของจำเลยแล้ว โจทก์จะมาใช้สิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนการยกให้ซึ่งที่ดินพิพาทดังกล่าวหาได้ไม่ เพราะเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
การใช้สิทธิโดยไม่สุจริต เป็นเรื่องเกี่ยวกับอำนาจฟ้องซึ่งเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4933/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ตกเป็นของผู้ซื้อทันทีเมื่อซื้อขายสำเร็จ แม้มีเงื่อนไขให้ผู้ขายยึดคืนได้หากผิดสัญญา สิทธิของผู้ซื้อโดยสุจริตย่อมได้รับการคุ้มครอง
สัญญาซื้อขายรถยนต์พิพาท มีเงื่อนไขเฉพาะวิธีการชำระราคาให้ชำระเป็นเช็ค 2 งวด หากผิดเงื่อนไขยอมให้ผู้ขายยึดรถคืนได้โดยไม่ได้ระบุว่าให้กรรมสิทธิ์โอนไปเมื่อผู้ขายได้รับชำระราคาครบถ้วน แล้ว เช่นนี้เป็นสัญญาซื้อขายเด็ดขาดกรรมสิทธิ์โอนไปยังผู้ซื้อตั้งแต่วันทำสัญญา เงื่อนไขยอมให้ผู้ขายยึดรถคืนได้เป็นเพียงข้อกำหนดวิธีการบังคับเมื่อเกิดกรณีผิดสัญญาเท่านั้นโจทก์ผู้ซื้อรถยนต์พิพาทจากผู้ซื้อเดิมโดยสุจริตย่อมได้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์นั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4933/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในรถยนต์: สัญญาซื้อขายเด็ดขาด แม้มีเงื่อนไขยึดคืน ผู้ซื้อสุจริตได้กรรมสิทธิ์
สัญญาซื้อขายรถยนต์พิพาท มีเงื่อนไขเฉพาะวิธีการชำระราคาให้ชำระเป็นเช็ค 2 งวด หากผิดเงื่อนไขยอมให้ผู้ขายยึดรถคืนได้โดยไม่ได้ระบุว่าให้กรรมสิทธิ์โอนไปเมื่อผู้ขายได้รับชำระราคาครบถ้วนแล้ว เช่นนี้เป็นสัญญาซื้อขายเด็ดขาดกรรมสิทธิ์โอนไปยังผู้ซื้อตั้งแต่วันทำสัญญา เงื่อนไขยอมให้ผู้ขายยึดรถคืนได้เป็นเพียงข้อกำหนดวิธีการบังคับเมื่อเกิดกรณีผิดสัญญาเท่านั้นโจทก์ผู้ซื้อรถยนต์พิพาทจากผู้ซื้อเดิมโดยสุจริตย่อมได้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์นั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4879/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประมาทเลินเล่อของผู้มอบอำนาจย่อมมีผลถึงผู้รับจำนองที่สุจริตและมีค่าตอบแทน
โจทก์ลงลายมือชื่อในใบมอบอำนาจ โดยมิได้กรอกข้อความพร้อมทั้งมอบโฉนดที่ดินและเอกสารต่าง ๆ ที่ต้องใช้ในการจดทะเบียนนิติกรรมให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ไป จำเลยที่ 1 ปลอมใบมอบอำนาจดังกล่าวว่าโจทก์มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 โอนขายที่ดินแก่จำเลยที่ 2 และนำไปจดทะเบียนซื้อขาย แล้วจำเลยที่ 2 นำไปจดทะเบียนจำนองต่อจำเลยที่ 3 เมื่อจำเลยที่ 3 รับจำนองโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน โจทก์จะอ้างเอาความประมาทเลินเล่อของตนมาเป็นข้ออ้างให้พ้นความรับผิดโดยการขอให้เพิกถอนการจำนองดังกล่าวไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4879/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อของผู้มอบอำนาจมีผลต่อการเพิกถอนการจำนองที่ทำไปโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน
โจทก์ลงลายมือชื่อในใบมอบอำนาจ โดยมิได้กรอกข้อความพร้อมทั้งมอบโฉนดที่ดินและเอกสารต่าง ๆ ที่ต้องใช้ในการจดทะเบียนนิติกรรมให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ไป จำเลยที่ 1 ปลอมใบมอบอำนาจดังกล่าวว่าโจทก์มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 โอนขายที่ดินแก่จำเลยที่ 2 และนำไปจดทะเบียนซื้อขาย แล้วจำเลยที่ 2 นำไปจดทะเบียนจำนองต่อจำเลยที่ 3 เมื่อจำเลยที่ 3 รับจำนองโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน โจทก์จะอ้างเอาความประมาทเลินเล่อของตนมาเป็นข้ออ้างให้พ้นความรับผิดโดยการขอให้เพิกถอนการจำนองดังกล่าวไม่ได้.
of 117