พบผลลัพธ์ทั้งหมด 567 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 220/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินโดยมีการชำระเงินบางส่วนแล้ว ฟ้องร้องบังคับคดีได้ แม้ไม่มีเอกสารสัญญา
โจทก์จำเลยร่วมกันยื่นเรื่องราวขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมขอแบ่งขายที่พิพาท โดยโจทก์จะขายให้จำเลยในราคา 4,000 บาท จำเลยตกลงชำระเงินให้โจทก์ในวันยื่นเรื่องราวนั้น 3,000 บาท ส่วนที่ค้างจะชำระในวันหลัง เรื่องราวที่โจทก์จำเลยร่วมกันยื่นนั้น ไม่ใช่สัญญาจะซื้อจะขาย เป็นเพียงหลักฐานแห่งการซื้อขายที่ดินเท่านั้น
ผู้จะซื้อได้ชำระเงินค่าที่ดินที่จะซื้อขายกันให้ผู้จะขายแล้วบางส่วน เป็นสัญญาจะซื้อขายที่พิพาทกันโดยสมบูรณ์ในแบบที่ได้ชำระหนี้บางส่วนแล้ว สัญญาแบบนี้ไม่จำต้องมีเอกสารเป็นหนังสือมาแสดงก็ฟ้องร้องบังคับคดีกันได้ และโจทก์ก็มีสิทธิที่จะนำพยานบุคคลมาสืบถึงข้อตกลงในการขายที่ดินนี้ได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94.
ผู้จะซื้อได้ชำระเงินค่าที่ดินที่จะซื้อขายกันให้ผู้จะขายแล้วบางส่วน เป็นสัญญาจะซื้อขายที่พิพาทกันโดยสมบูรณ์ในแบบที่ได้ชำระหนี้บางส่วนแล้ว สัญญาแบบนี้ไม่จำต้องมีเอกสารเป็นหนังสือมาแสดงก็ฟ้องร้องบังคับคดีกันได้ และโจทก์ก็มีสิทธิที่จะนำพยานบุคคลมาสืบถึงข้อตกลงในการขายที่ดินนี้ได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 867/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสารทำไม่ได้
โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากัน เมื่อหย่าขาดจากกันจำเลยยอมเป็นผู้ออกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรและทำหนังสือสัญญากันไว้เป็นหลักฐานเป็นการระงับข้อพิพาทซึ่งอาจจะมีขึ้นสัญญาดังกล่าวจึงเป็นสัญญาประนีประนอมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 ซึ่งกฎหมายบังคับให้มีหลักฐานเป็นหนังสือ
จำเลยขอนำสืบว่าโจทก์ได้ตกลงยินยอมด้วยปากให้จำเลยชำระเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรต่ำกว่าที่ตกลงกันไว้ในสัญญาประนีประนอมเป็นการนำสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสาร ต้องห้ามตามกฎหมาย
จำเลยมิได้ยกข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การที่จำเลยขอนำสืบข้อต่อสู้นั้นจึงเป็นการขอนำสืบนอกประเด็น
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร ซึ่งจำเลยยอมจ่ายให้แก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมเมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องในนามของโจทก์เอง
จำเลยขอนำสืบว่าโจทก์ได้ตกลงยินยอมด้วยปากให้จำเลยชำระเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรต่ำกว่าที่ตกลงกันไว้ในสัญญาประนีประนอมเป็นการนำสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสาร ต้องห้ามตามกฎหมาย
จำเลยมิได้ยกข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การที่จำเลยขอนำสืบข้อต่อสู้นั้นจึงเป็นการขอนำสืบนอกประเด็น
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร ซึ่งจำเลยยอมจ่ายให้แก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมเมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องในนามของโจทก์เอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 759/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารที่โจทก์เบิกความไม่ใช่พยานเอกสาร แม้จำเลยนำส่งศาลเพื่อประกอบคำเบิกความ
ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ทนายจำเลยถามค้านตัวโจทก์ซึ่งอ้างตนเองเป็นพยานถึงเงินที่โจทก์รับไปจากจำเลย โดยเอาบันทึกที่โจทก์เซ็นรับเงินและเอกสารให้โจทก์ดูและโจทก์รับรองว่าถูกต้องแล้ว ทนายจำเลยจึงส่งบันทึกและเอกสารต่อศาล เช่นนี้ บันทึกกับเอกสารดังกล่าวไม่ใช่เป็นพยานเอกสารที่จำเลยอ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 585/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเอกสารต้องมีเหตุอันสมควร และจำเลยต้องนำสืบข้อเท็จจริงที่กล่าวอ้าง
การที่จำเลยจะระบุผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 วรรค 3 จะต้องมีเหตุอันสมควรแสดงว่าตนไม่สามารถทราบได้ว่าต้องนำผู้เชี่ยวชาญมาสืบหรือทราบว่าผู้เชี่ยวชาญได้มีอยู่
การที่จำเลยเบิกความ ได้ทำหนังสือกู้ให้โจทก์ ตามหนังสือปรากฏว่าจำเลยรับเงินไปแล้ว จำเลยกล่าวอ้างว่าไม่ได้รับเงิน โดยจำเลยคิดจะเอาเงินจากสามีจำเลย จึงขอให้โจทก์ช่วยเหลือ โดยจำเลยจะทำหนังสือกู้ให้ เพื่อให้โจทก์นำมาฟ้องจำเลยแล้วให้สามีออกเงินใช้ โจทก์ก็จะให้เงินจำเลย ดังนี้ จำเลยต้องนำสืบ
การที่จำเลยเบิกความ ได้ทำหนังสือกู้ให้โจทก์ ตามหนังสือปรากฏว่าจำเลยรับเงินไปแล้ว จำเลยกล่าวอ้างว่าไม่ได้รับเงิน โดยจำเลยคิดจะเอาเงินจากสามีจำเลย จึงขอให้โจทก์ช่วยเหลือ โดยจำเลยจะทำหนังสือกู้ให้ เพื่อให้โจทก์นำมาฟ้องจำเลยแล้วให้สามีออกเงินใช้ โจทก์ก็จะให้เงินจำเลย ดังนี้ จำเลยต้องนำสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 340/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารสัญญาจำนอง ห้ามมิให้นำสืบเปลี่ยนแปลงข้อความในสัญญา หากไม่ได้อ้างเหตุสัญญาไม่สมบูรณ์
ตามสัญญาจำนองมีข้อความปรากฏชัดแจ้งว่า โจทก์จำนองไว้เป็นเงิน 5,750 บาท และผู้จำนอง(โจทก์) ได้รับเงินไปแล้ว ทั้งจำเลยก็ให้การยืนยันว่า โจทก์ได้รับเงินไป 5,750 บาท เช่นนี้ หากโจทก์ไม่ได้กล่าวอ้างว่าสัญญาจำนองไม่สมบูรณ์ด้วยเหตุใดแล้ว โจทก์จะนำพยานบุคคลมาสืบว่า โจทก์ได้จำนองไว้เพียง 5,000 บาทเท่านั้น ย่อมไม่ได้ เพราะเป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร ไม่ใช่นำสืบหักล้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1343/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทำบัญชีเท็จเอง ไม่ถือเป็นปลอมแปลงเอกสารผู้อื่น จึงไม่ผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม
จำเลยร่วมกันทำบัญชีเท็จขึ้นโดยไม่ลงรายการรับชำระหนี้ที่นายน้อยได้ชำระหนี้แก่บริษัทจำเลย การกระทำดังกล่าวเป็นแต่ทำเอกสารด้วยข้อความเท็จ บัญชีเหล่านั้นเป็นบัญชีของจำเลยทำขึ้นเองทั้งฉบับ มิได้ปลอมเอกสารอันแท้จริงของผู้ใด จึงไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร และการที่จำเลยใช้เอกสารนั้นย่อมไม่เป็นความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264,268
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1106/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานพยานบุคคลต้องเบิกความรับรองความถูกต้องของเอกสาร จึงจะรับฟังได้
บันทึกข้อสรุปของนักศึกษาแพทย์ที่ได้จากการสอบถามสามีของผู้ป่วยถึงประวัติและอาการของผู้ป่วย โดยผู้ทำเอกสารนั้นมิได้มาเบิกความรับรองถึงความถูกต้องและแท้จริง จึงรับฟังเป็นพยานไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 65/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานการยืมเงินและการสันนิษฐานตามกฎหมายเกี่ยวกับเอกสารและการถือหุ้น
หนังสือ ไอ.โอ.ยู. เป็นหลักฐานการยืมเงิน ซึ่งลูกหนี้ทำให้เจ้าหนี้เก็บไว้ เมื่อไม่มีหลักฐานแสดงว่าลูกหนี้ได้ชำระหนี้นั้นแล้ว ต้องถือว่าลูกหนี้ยังเป็นหนี้อยู่ตามเอกสารนั้น
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1141 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า สมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเป็นพยานหลักฐานอันถูกต้องแม้สมุดทะเบียนนี้สูญหายไป เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทผู้ล้มละลายก็อ้างบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่กรรมการบริษัทคัดสำเนาส่งนายทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1139วรรค 2 เป็นพยานในคดีที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรียกให้ผู้ถือหุ้นชำระค่าหุ้นที่ยังค้างชำระแก่บริษัทผู้ล้มละลายได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1141 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า สมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเป็นพยานหลักฐานอันถูกต้องแม้สมุดทะเบียนนี้สูญหายไป เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทผู้ล้มละลายก็อ้างบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่กรรมการบริษัทคัดสำเนาส่งนายทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1139วรรค 2 เป็นพยานในคดีที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรียกให้ผู้ถือหุ้นชำระค่าหุ้นที่ยังค้างชำระแก่บริษัทผู้ล้มละลายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานการกู้ยืมสูญหาย โจทก์พิสูจน์ได้จากการที่จำเลยยืมเอกสารไปและไม่คืน ถือใช้แทนหลักฐานได้
จำเลยยืมเงินโจทก์ไปโดยทำหลักฐานการยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยให้โจทก์ยึดถือไว้ แต่เมื่อโจทก์มาฟ้องให้จำเลยใช้คืนเงินยืมนั้น โจทก์ไม่มีหลักฐานการกู้ยืมมาแสดงต่อศาล แต่โจทก์ก็นำสืบได้ว่าจำเลยได้ยืมหลักฐานดังกล่าวไปแล้วไม่ส่งคืน ดังนี้ย่อมรับฟังแทนหนังสือกู้ยืมดังกล่าวนั้นได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยยืมเงินโจทก์ไปโดยทำหนังสือยืมให้ไว้เป็นหลักฐาน จำเลยให้การว่าไม่เคยยืมเงินโจทก์และไม่เคยทำหลักฐานการยืมเงินให้โจทก์โจทก์ไม่มีหลักฐานแห่งหนี้ ดังนี้ศาลจะวินิจฉัยว่ากรณีเป็นเรื่องเข้าหุ้นส่วนกันประกอบการค้า ไม่ใช่กู้ยืมนั้น หาชอบไม่ เพราะคดีไม่มีประเด็นในเรื่องนี้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยยืมเงินโจทก์ไปโดยทำหนังสือยืมให้ไว้เป็นหลักฐาน จำเลยให้การว่าไม่เคยยืมเงินโจทก์และไม่เคยทำหลักฐานการยืมเงินให้โจทก์โจทก์ไม่มีหลักฐานแห่งหนี้ ดังนี้ศาลจะวินิจฉัยว่ากรณีเป็นเรื่องเข้าหุ้นส่วนกันประกอบการค้า ไม่ใช่กู้ยืมนั้น หาชอบไม่ เพราะคดีไม่มีประเด็นในเรื่องนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 255/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเขียนกากบาทบนเอกสาร ไม่ถือเป็นปลอมแปลงเอกสาร หากไม่แก้ไขข้อความเดิม
การเขียนกากบาทบนข้อความในสมุดบัญชีเงินเชื่อของผู้อื่นโดยมิได้ตัดทอนหรือแก้ไขข้อความในเอกสารนั้นให้ผิดไปจากข้อความเดิม แม้จะกระทำไป เพื่อให้คนอื่นหลงเชื่อว่า จำเลยชำระหนี้แล้วก็ตาม ยังไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264