พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,546 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายทรัพย์สินโดยสุจจริตและกรรมสิทธิ์ในที่ดิน แม้เจ้าของเดิมมีข้อพิพาท
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เอาที่ของโจทก์ราคา 900 บาทไปขายให้จำเลยที่ 2 ขอให้พิพากษาว่าที่เป็นของโจทก์และสัญญาซื้อขายใช้ไม่ได้ ขอให้เพิกถอน ศาลชั้นต้นฟังว่าที่เป็นมฤดกตกทอดให้แก่โจทก์และจำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 2 ได้รับซื้อและรับโอนโดยสุจจริต จึงพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ฟังว่าที่ดินเป็นของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ก็รับโอนโดยสุจจริต จึงพิพากษายืนดังนี้ ถือว่าเรื่องที่ซื้อขายที่พิพาทโดยสุจจริตหรือไม่ เป็นอันยุตติแล้ว ข้อฎีกาของโจทก์ที่ขอให้วินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จึงไม่จำเป็นที่ศาลฎีกาจะชี้ขาด เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1077/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความครอบครองปรปักษ์: ที่ดินไม่ใช่ที่สวน เจ้าของเดิมไม่ฟ้องภายใน 1 ปี หลังถูกแย่งการครอบครอง คดีขาดอายุความ
ที่ดินไม่ใช่ที่สวน เมื่อออกใบเหยียบย่ำให้แก่ผู้จับจองแล้ว เจ้าของที่เดิมไม่ฟ้องเรียกคืนภายใน 1 ปี นับแต่ได้ถูกแย่งการครอบครอง คดีขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1077/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความแย่งการครอบครอง: ที่ดินไม่ใช่ที่สวน, ไม่ฟ้องภายใน 1 ปี ขาดอายุความ
ที่ดินไม่ใช่ที่สวน เมื่อออกใบเหยียบย่ำให้แก่ผู้จับจองแล้วเจ้าของที่เดิมไม่ฟ้องเรียกคืนภายใน 1 ปีนับแต่ได้ถูกแย่งการครอบครองคดีขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดิน vs. การรุกแพร่ง - ศาลไม่รับวินิจฉัยเรื่องกีดขวาง หากมิได้ตั้งรูปคดีไว้
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีที่ดิน 1 แปลงไม่มีโฉนด ได้ให้จำเลยอาศัยปลูกเรือน บัดนี้ โจทก์ต้องการใช้ที่ดิน จึงขอให้จำเลยรื้อเรือน โจทก์จำเลยรับกันว่าที่พิพาทเดิมเป็นคลองติดอยู่กับที่ดินของโจทก์ แล้วตื้นเขินขึ้น จำเลยไม่ได้อาศัยโจทก์ รูปคดีเช่นนี้ไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์ ศาลจะไปวินิจฉัยชี้ขาดขับไล่จำเลย โดยอ้างว่าจำเลยปลูกสร้างกีดขวางหน้าที่ดินของโจทก์หาได้ไม่ เพราะโจทก์มิได้ฟ้องตั้งรูปคดีมาเช่นนั้น
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์ ศาลจะไปวินิจฉัยชี้ขาดขับไล่จำเลย โดยอ้างว่าจำเลยปลูกสร้างกีดขวางหน้าที่ดินของโจทก์หาได้ไม่ เพราะโจทก์มิได้ฟ้องตั้งรูปคดีมาเช่นนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1066/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ในสัญญาขายฝาก: การมีชื่อในสัญญาและการครอบครองที่ดิน
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ตกลงรับซื้อฝากที่ดินของโจทก์ ได้ทำสัญญาขายฝากกันโดยมีชื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นผู้รับซื้อฝาก แต่จำเลย ที่ 2 มิได้ลงลายมือชื่อในสัญญานั้น ดังนี้จำเลยที่ 2 จะยกการครอบครองปรปักษ์ขึ้นยันโจทก์ผู้ขายฝากไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1039/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำสัญญาเช่าที่ดินโดยมารดาผู้ไม่ได้รับมอบอำนาจ สิทธิของเจ้าของกรรมสิทธิ์
โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน จำเลยได้ทำสัญญาเช่าจากมารดาโจทก์ขณะที่โจทก์อุปสมบทเป็นภิกษุ เมื่อไม่ได้ความว่า โจทก์ได้แต่งตั้งมารดาโจทก์เป็นตัวแทน จะเป็นโดยแสดงออกชัดหรือโดยปริยาย ดังนี้ จะฟังว่ามารดาโจทก์เป็นตัวแทนของโจทก์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1025/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของที่ดินสละเจตนาครอบครองเกิน 10 ปี และมีการครอบครองต่อเนื่องโดยผู้อื่น เจ้าของที่ดินไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่
เจ้าของที่ดินมีโฉนดได้สละเจตนาครอบครองที่ดินเป็นเวลาเกิน 10 ปีแล้ว บุคคลอื่นหลายคนได้เข้าครอบครองสืบเนื่องกันมา แม้การซื้อขายที่เป็นหลั่น ๆ กันไม่มีหนังสือ เจ้าของที่ดินเดิมจะฟ้องขับไล่ผู้ครอบครองที่นั้นหาได้ไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดิน 2 แปลง ทุนทรัพย์ 200 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากที่แปลงหนึ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องทั้งสองแปลง ดังนี้ เป็นการแก้น้อย ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดิน 2 แปลง ทุนทรัพย์ 200 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากที่แปลงหนึ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องทั้งสองแปลง ดังนี้ เป็นการแก้น้อย ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1025/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละเจตนาครอบครองที่ดินเกิน 10 ปี ทำให้เจ้าของที่ดินฟ้องขับไล่ผู้ครอบครองไม่ได้ แม้ไม่มีหลักฐานการซื้อขาย
เจ้าของที่ดินมีโฉนดได้สละเจตนาครอบครองที่ดินเป็นเวลาเกิน 10 ปีแล้วบุคคลอื่นหลายคนได้เข้าครอบครองสืบเนื่องกันมา แม้การซื้อขายที่เป็นหลั่นๆ กัน ไม่มีหนังสือเจ้าของที่ดินเดิมจะฟ้องขับไล่ผู้ครอบครองที่นั้นหาได้ไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดิน 2 แปลงทุนทรัพย์ 200 บาทศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากที่แปลงหนึ่ง ยกฟ้องที่อีกแปลงหนึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องทั้งสองแปลง ดังนี้ เป็นการแก้น้อย ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดิน 2 แปลงทุนทรัพย์ 200 บาทศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากที่แปลงหนึ่ง ยกฟ้องที่อีกแปลงหนึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องทั้งสองแปลง ดังนี้ เป็นการแก้น้อย ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1024/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตมาตรา 74 พ.ร.บ.รถไฟฯ: ห้ามปลูกสร้างเฉพาะทางรถไฟ ไม่กระทบสิทธิเจ้าของที่ดินข้างเคียง
มาตรา 74 แห่ง พระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟและทางหลวง เป็นบทบัญญัติห้ามเฉพาะทางรถไฟ มิให้ปลูกสร้างในระยะ 4 เมตรไม่ใช่ห้ามเจ้าของที่ข้างเคียงมิให้ปลูกสร้างในที่ดินของเขา (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 28/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายโดยสุจริตและกรรมสิทธิ์ในที่ดิน: ศาลฎีกายกฎีกาเมื่อประเด็นกรรมสิทธิ์ระหว่างจำเลยยังไม่สิ้นสุด
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เอาที่ของโจทก์ราคา 900 บาทไปขายให้จำเลยที่ 2 ขอให้พิพากษาว่าที่เป็นของโจทก์ และสัญญาซื้อขายใช้ไม่ได้ ขอให้เพิกถอน ศาลชั้นต้นฟังว่าที่เป็นมรดกตกทอดได้แก่โจทก์และจำเลยที่ 1แต่จำเลยที่ 2 ได้รับซื้อและรับโอนโดยสุจริต จึงพิพากษายกฟ้องศาลอุทธรณ์ฟังว่าที่ดินเป็นของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ก็รับโอนโดยสุจริต จึงพิพากษายืนดังนี้ ถือว่าเรื่องซื้อขายที่พิพาทโดยสุจริตหรือไม่ เป็นอันยุติแล้ว ข้อฎีกาของโจทก์ที่ขอให้วินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จึงไม่จำเป็นที่ศาลฎีกาจะชี้ขาดเพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงได้