คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ที่ดิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,546 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 943/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินในโฉนดร่วมกันระหว่างสามีภรรยาถือเป็นสินสมรส แม้ภรรยาไม่มีสินเดิม
หญิงเป็นภรรยาชายก่อนใช้ ป.ม.แพ่ง ฯ บรรพ 5 โดยไม่มีสินเดิม แม้ชายผู้สามีจะตายเมื่อใช้ ป.ม. แพ่งฯ บรรพ 5 แล้ว ภรรยาก็ไม่มีสิทธิ์ได้สินสมรสตามมาตรา 1517.
สามีและภรรยามีชื่ในโฉนดเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินร่วมกันในระหว่างอยู่กินเป็นสามีภรรยากันนั้น ถือว่าเป็นสินสมรส.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 943/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินร่วมถือเป็นสินสมรส แม้ภรรยาไม่มีสินเดิม
หญิงเป็นภรรยาชายก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 โดยไม่มีสินเดิม แม้ชายผู้สามีจะตายเมื่อใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แล้ว ภรรยาก็ไม่มีสิทธิได้สินสมรสตามมาตรา 1517
สามีและภรรยามีชื่อในโฉนดเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินร่วมกันในระหว่างอยู่กินเป็นสามีภรรยากันนั้น ถือว่าเป็นสินสมรส

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 897/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญากู้เงินที่มีการมอบโฉนดที่นาทำต่างดอกเบี้ย ไม่ถือเป็นสัญญาขายฝาก แม้มีการกำหนดระยะเวลาไถ่ถอน
ทำสัญญากู้เงินโดยมอบโฉนดที่นาให้ไว้แก่ผู้ให้กู้ และมอบนาให้ผู้ให้กู้ทำต่างดอกเบี้ย ไม่มีคำว่าขายฝาก เป็นแต่กล่าวว่าให้นำเงินมาใช้ภายใน 10 ปี ดังนี้เป็นสัญญากู้เงิน ให้นาทำต่างดอกเบี้ยไม่ใช่เป็นการขายฝาก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 892/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิในเรือนปลูกสร้างบนที่ดินของผู้อื่น ย่อมเป็นกรรมสิทธิของเจ้าของที่ดินตามกฎหมาย
การอ้างว่าได้กรรมสิทธิที่ดินในทางนิติกรรมนั้น จะต้องแสดงให้ปรากฎสิทธิในทางทะเบียนกรรมสิทธิต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพียงแต่มีชื่อในบัญชีสำรวจเสียภาษีที่ดินของกำนันหาเป็นการจดทะเบียนการได้มาซึ่งกรรมสิทธิอย่างใดไม่
ปลูกสร้างโรงเรือนในที่ดินของผู้อื่นโดยไม่มีสิทธิอันใดในที่ดินนั้น โรงเรือนที่ปลูกขึ้นย่อนตกเป็นส่วนควบของที่ดินนั้นตาม ป.พ.พ.มาตรา 107 และตกเป็นกรรมสิทธิของเจ้าของที่ดิน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 892/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์โรงเรือนบนที่ดินของผู้อื่น โรงเรือนตกเป็นส่วนควบของที่ดิน
การอ้างว่าได้กรรมสิทธิ์ที่ดินในทางนิติกรรมนั้น จะต้องแสดงให้ปรากฏสิทธิในทางทะเบียนกรรมสิทธิ์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพียงแต่มีชื่อในบัญชีสำรวจเสียภาษีที่ดินของกำนัน หาเป็นการจดทะเบียนการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์อย่างใดไม่
ปลูกสร้างโรงเรือนในที่ดินของผู้อื่นโดยไม่มีสิทธิอันใดในที่ดินนั้น โรงเรือนที่ปลูกขึ้นย่อมตกเป็นส่วนควบของที่ดินนั้นตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 107 และตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่ดิน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 874/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผิดสัญญาซื้อขายที่ดิน การเพิกถอนการโอน และค่าเสียหายที่เพิ่มขึ้น
ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกันไว้แล้ว ต่อมาตกลงกันให้ผู้อื่นเป็นผู้ซื้อดังนี้ถือว่าเลิกสัญญาเดิม และเกิดสัญญาขึ้นใหม่ตามที่ตกลงกันนั้น
ปรากฎว่าเจ้าพนักงานที่ดินไม่ทำการโอนที่ดินให้ อีกฝ่ายหนึ่งยังร้องเรียนต่อไปเพื่อทำการโอนดังนี้ยังไม่ถือว่าการชำระหนี้เป็นการพ้นวิสัยอันจะทำให้ลูกหนี้หลุดพ้นตาม มาตรา 219
ในเรื่องฟ้องขอให้บังคับผู้ขายทำการโอนที่ดินและปรากฎว่าผู้ขายโอนให้แก่ผู้อื่นแล้วนั้น ถ้าหากว่าเพิกถอนการโอนนั้นได้ ก็ถือว่าสภาพแห่งหนี้เปิดช่องให้บังคับตามมาตรา 213 ถ้าเพิกถอนไม่ได้สภาพแห่งหนี้ก็ไม่เปิดช่องในบังคับตามาตรา 213
ตาม ม. 1336 และรัฐธรรมนูญ นั้น เจ้าของย่อมมีสิทธิจำหน่ายทรัพย์สินของตน เว้นแต่จะมีกฎหมายห้าม
เจ้าพนักงานที่ดินไม่อาจที่จะไม่ยอมทำการโอนที่ดินตามสัญญาซื้อขายในเมื่อเขาร้องขอทำการโอน ตามความพอใจของตน นอกจากเป็นการไม่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน ม. 41(ข)
ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินไว้กับตน แล้วเอาไปโอนขายให้แก่จำเลยที่ 2 - 3 ดังนี้ ไม่ถือว่า เป็นการฟ้องว่าจำเลยโอนกันโดยการฉ้อฉล เป็นเหตุให้โจทก์เสียเปรียบตาม ม. 237
ผู้ที่ฟ้องขอให้เพิกถอนตาม ม. 1300 จะต้องแสดงว่าตนอยู่ในฐานะอันจะจดทะเบียนสิทธิได้ตามมาตรานี้ เพียงแต่ได้ความว่า ได้ทำสัญญาจะซื้อขายและวางมัดจำไว้ ไม่เรียกว่าอยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้ตกมาตรา 1300
เอาที่ดินซึ่งทำสัญญาจะซื้อขายให้คนหนึ่งไปโอนให้อีกคนหนึ่ง ผู้โอนย่อมได้ชื่อว่าผิดสัญญาต่อผู้ซื้อคนแรก ซึ่งจะต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายฐานผิดสัญญา
รับโอนที่ดินซึ่งผู้ขายทำสัญญาจะขายกับเขาไว้แล้ว แล้วผิดสัญญากับเขามาโอนให้แก่ตน ถ้าหากผู้ซื้อคนแรกฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนไม่ได้แล้ว ผู้ซื้อคนหลังไม่ต้องรับผิดในความเสียหายของผู้ซื้อคนแรก
ทำสัญญาขายที่ดินกับเขาไว้แล้วผิดสัญญาไปโอนขายให้ผู้อื่น ศาลบังคับให้ผู้ขายใช้ค่าเสียหายได้เท่าจำนวนเงินที่ไปขายได้เงินสูงขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 874/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขาย, การผิดสัญญา, และการเพิกถอนการโอนที่ดิน: ศาลฎีกาวินิจฉัยสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย
ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกันไว้แล้วต่อมาตกลงกันให้ผู้อื่นเป็นผู้ซื้อดังนี้ ถือว่าเลิกสัญญาเดิม และเกิดสัญญาขึ้นใหม่ตามที่ตกลงกันนั้น
ปรากฏว่าเจ้าพนักงานที่ดินไม่ทำการโอนที่ดินให้ อีกฝ่ายหนึ่งยังร้องเรียนต่อไปเพื่อทำการโอน ดังนี้ ยังไม่ถือว่าการชำระหนี้เป็นการพ้นวิสัยอันจะทำให้ลูกหนี้หลุดพ้นตาม มาตรา 219
ในเรื่องฟ้องขอให้บังคับผู้ขายทำการโอนที่ดินและปรากฏว่าผู้ขายโอนให้แก่ผู้อื่นแล้วนั้น ถ้าหากว่าเพิกถอนการโอนนั้นได้ ก็ถือว่าสภาพแห่งหนี้เปิดช่องให้บังคับตาม มาตรา 213 ถ้าเพิกถอนไม่ได้สภาพแห่งหนี้ก็ไม่เปิดช่องให้บังคับตาม มาตรา 213
ตามมาตรา 1336 และรัฐธรรมนูญนั้น เจ้าของย่อมมีสิทธิจำหน่ายทรัพย์สินของตน เว้นแต่จะมีกฎหมายห้าม
เจ้าพนักงานที่ดินไม่มีอำนาจที่จะไม่ยอมทำการโอนที่ดินตามสัญญาซื้อขายในเมื่อเขาร้องขอทำการโอนตามความพอใจของตนนอกจากเป็นการไม่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน มาตรา 41(ข)
ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินไว้กับตนแล้วเอาไปโอนขายให้แก่จำเลยที่ 2-3 ดังนี้ไม่ถือว่า เป็นการฟ้องว่าจำเลยโอนกันโดยการฉ้อฉล เป็นเหตุให้โจทก์เสียเปรียบตาม มาตรา 237
ผู้ที่ฟ้องขอให้เพิกถอนตาม มาตรา 1300 จะต้องแสดงว่าตนอยู่ในฐานะอันจะจดทะเบียนสิทธิได้ตามมาตรานี้ เพียงแต่ได้ความว่า ได้ทำสัญญาจะซื้อขายและวางมัดจำไว้ ไม่เรียกว่าอยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้ตาม มาตรา 1300
เอาที่ดินซึ่งทำสัญญาจะซื้อขายให้คนหนึ่งไปโอนให้อีกคนหนึ่งผู้โอนย่อมได้ชื่อว่าผิดสัญญาต่อผู้ซื้อคนแรก ซึ่งจะต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายฐานผิดสัญญา
รับโอนที่ดินซึ่งผู้ขายทำสัญญาจะขายกับเขาไว้แล้ว แล้วผิดสัญญากับเขามาโอนให้แก่ตน ถ้าหากผู้ซื้อคนแรกฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนไม่ได้แล้ว ผู้ซื้อคนหลังไม่ต้องรับผิดในความเสียหายของผู้ซื้อคนแรก
ทำสัญญาขายที่ดินกับเขาไว้แล้วผิดสัญญาไปโอนขายให้ผู้อื่นศาลบังคับให้ผู้ขายใช้ค่าเสียหายได้เท่าจำนวนเงินที่ไปขายได้เงินสูงขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 856/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้รับโอนที่ดินโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน ย่อมได้รับการคุ้มครอง แม้เจ้าของร่วมต้องการเพิกถอนนิติกรรม
ผู้รับโอนที่ดินจากผู้มีชื่อในโฉนดโดยเสียค่าตอบแทนและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว เจ้าของร่วมจะฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนนั้นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ที่ดิน - ศาลแสดงกรรมสิทธิ์ในส่วนที่ครอบครอง
โอนทะเบียนซื้อขายที่ดินโดยรู้อยู่ว่าเป็นที่ของคนอื่นปกครองปรปักษ์มาช้านาน เจ้าของที่ดินฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินเป็นของตนได้รับมรดกที่ทั้งโฉนด ซึ่งรวมเอาที่ที่โจทก์มีกรรมสิทธิ์เข้าไปด้วยแล้วไปโอนขาย โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนการรับมรดกและการซื้อขาย และแสดงว่าที่ที่โจทก์ปกครองเป็นของโจทก์ดังนี้ศาลพิพากษาให้แสดงว่าที่ที่โจทก์ปกครองเป็นของโจทก์โดยไม่พิพากษาเพิกถอนการรับมรดกและการซื้อขาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 817/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิที่ดินจากการครอบครองปรปักษ์หลังสัญญาขายฝากเกิน 10 ปี แม้มีการโอนสิทธิให้ผู้อื่น
ทำกรมธรรม์ขายฝากที่ดินกันถูกต้องตาม ก.ม.ที่ใช้อยู่ในขณะนั้น เป็นการสมบูรณ์ เพียงแต่ไม่แก้ใบใต่สวน ไม่ทำให้กรมธรรม์เสียไป
ครอบครองที่รับซื้อฝากโดยไม่มีการไถ่ถอนนับแต่วันขายฝากเกิน 10 ปีแล้วได้กรรมสิทธิ.
of 455