พบผลลัพธ์ทั้งหมด 990 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5167/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบทรัพย์สินของแผ่นดินที่ใช้ในการกระทำผิด: ผู้ร้องต้องดำเนินการภายในกำหนดเวลาตามกฎหมาย
ทรัพย์สินของแผ่นดินที่นำมาใช้ในการกระทำผิดก็อาจถูกริบได้เพราะว่ากรณีเป็นเรื่องศาลพิพากษาให้ริบทรัพย์ มิใช่เป็นการยึดทรัพย์สินของแผ่นดิน จึงไม่อาจนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1307 มาใช้บังคับได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5075/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายระยะเวลาอุทธรณ์คดีแรงงานต้องยื่นคำขอก่อนสิ้นระยะเวลา หรือมีเหตุสุดวิสัยตามกฎหมาย
การขยายระยะเวลาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 26 คู่ความต้องยื่นคำขอก่อนสิ้นระยะเวลาที่กฎหมายบัญญัติ ถ้าหากยื่นคำขอเมื่อพ้นหรือสิ้นระยะเวลา กรณีต้องมีเหตุสุดวิสัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 31
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5075/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายระยะเวลาอุทธรณ์คดีแรงงานต้องยื่นคำขอก่อนหมดเวลา หากพ้นกำหนดต้องมีเหตุสุดวิสัยเท่านั้น
การขยายระยะเวลาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 26คู่ความต้องยื่นคำขอก่อนสิ้นระยะเวลาที่กฎหมายบัญญัติ ถ้าหากยื่นคำขอเมื่อพ้นหรือสิ้นระยะเวลากรณีต้องมีเหตุสุดวิสัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ประกอบพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522มาตรา 31
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4780/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: กำหนดเวลาการยื่นคำขอจดทะเบียนโอนที่ดิน ไม่เป็นโมฆะ แม้ต้องใช้เวลาประกาศ 30 วัน
โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยจำเลยตกลงที่จะจดทะเบียนโอนที่ดินตาม น.ส.3 พร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งมีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของให้แก่โจทก์โดยจะไปจัดการยื่นคำขอจดทะเบียนโอนภายใน 7 วันนับแต่วันทำสัญญาหากจำเลยไม่ไปโจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ และจำเลยยอมให้ปรับเป็นเงิน 200,000 บาทกำหนดเวลาดังกล่าวเพียงแต่ให้ไปยื่นคำขอเท่านั้นหาได้หมายความถึงการจดทะเบียนโอนด้วยไม่ เนื่องจากการจดทะเบียนโอนที่ดินจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายก่อนซึ่งบางกรณีจำต้องประกาศ30 วันเพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียในที่ดินมีโอกาสคัดค้านเสียก่อนดังนั้นกำหนดในสัญญาที่ให้คู่สัญญาไปจัดการยื่นคำขอจดทะเบียนให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งภายใน 7 วัน จึงไม่มีวัตถุประสงค์เป็นการพ้นวิสัยไม่เป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4761/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือค้ำประกัน: เงื่อนไขการเรียกร้องหนี้ต้องปฏิบัติตามกำหนดเวลาและวิธีการที่ระบุไว้
จำเลยที่ 3 ทำหนังสือค้ำประกันการชำระเงินค่าจ้างเหมาตามสัญญาของจำเลยที่ 1 ให้ไว้แก่โจทก์โดยมีเงื่อนไขว่าการเรียกร้องค่าเสียหายจะต้องยื่นเป็นลายลักษณ์อักษร ณ ที่สำนักงานของจำเลยที่ 3 ก่อนปิดทำการของวันที่ 20ตุลาคม 2530 อันเป็นวันหมดอายุหนังสือค้ำประกัน เมื่อจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาต่อโจทก์หนี้ที่เกิดจากการผิดสัญญาที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 20 ตุลาคม 2530 จึงอยู่ในอายุหนังสือค้ำประกัน แต่โจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องได้ก็ต่อเมื่อโจทก์ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวเสียก่อน เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 3 โดยมิได้ยื่นคำเรียกร้องเป็นลายลักษณ์อักษรให้จำเลยที่ 3 ทราบตามเงื่อนไขภายในกำหนดเวลาในหนังสือค้ำประกัน จำเลยที่ 3จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 392/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขอพิจารณาใหม่ต้องระบุเหตุขาดนัด, เหตุล่าช้า และเหตุจำเป็นที่ไม่อาจยื่นภายในกำหนด
คำขอให้พิจารณาใหม่ต้องกล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่คู่ความได้ขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลและในกรณีที่ยื่นคำขอล่าช้าภายหลังครบกำหนดสิบห้าวันนับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งให้แก่จำเลยแล้วคำขอให้พิจารณาใหม่ต้องกล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งถึงเหตุที่ไม่อาจยื่นคำขอภายในสิบห้าวันดังกล่าว โดยพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้อันจะทำให้ผู้ขอมีสิทธิยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ได้ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่พฤติการณ์นั้นได้สิ้นสุดลงด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3781/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการไต่สวนคำร้องคัดค้าน การดำเนินการตามกฎหมายต้องพิสูจน์ทราบเวลาที่ผู้ร้องทราบเหตุฝ่าฝืนเสียก่อน
เมื่อตามคำร้องไม่ปรากฏว่าผู้ร้องได้ทราบการฝ่าฝืนกฎหมายเมื่อใด ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องได้ยื่นคำร้องเกินกำหนด8 วัน นับแต่ทราบพฤติการณ์แห่งการฝ่าฝืนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสองหรือไม่ศาลชั้นต้นชอบที่จะทำการไต่สวนเสียก่อน ที่ศาลชั้นต้นด่วนยกคำร้องของผู้ร้องโดยไม่ได้ทำการไต่สวนเสียก่อนจึงเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่ในการขอใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว แม้พ้นกำหนดตามกฎหมาย
แม้การที่โจทก์ซึ่งเป็นคนต่างด้าวต้องมีใบสำคัญประจำตัวตามบทบัญญัติของ พ.ร.บ.การทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ.2493 ไม่ได้ยื่นคำร้องขอใบสำคัญประจำตัวต่อจำเลยภายในกำหนดเวลา 30 วัน นับแต่วันที่ได้รู้หรือควรรู้ว่าโจทก์ได้เสียไปซึ่งสัญชาติไทยตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 8 ของพระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ.2493 อันทำให้โจทก์ต้องได้รับโทษตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 21 ของพระราชบัญญัตินั้นแล้วก็ตาม แต่โจทก์ก็ยังมีหน้าที่ต้องดำเนินการเพื่อให้โจทก์มีใบสำคัญประจำตัวต่อไป แม้จะพ้นกำหนด 30 วัน ดังกล่าว มิฉะนั้นแล้วโจทก์ย่อมมีความผิดตามมาตรา 20 ของ พ.ร.บ.ดังกล่าว โจทก์จึงมีสิทธิให้จำเลยออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวให้โจทก์ได้
(เทียบ ฎ.3455-3458/2536)
(เทียบ ฎ.3455-3458/2536)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการขอใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว แม้พ้นกำหนด 30 วันหลังเสียสัญชาติไทย ยังคงมีสิทธิ
แม้การที่โจทก์ซึ่งเป็นคนต่างด้าวต้องมีใบสำคัญประจำตัวตามบทบัญญัติของ พระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ. 2493 ไม่ได้ยื่นคำร้องขอใบสำคัญประจำตัวต่อจำเลยภายในกำหนดเวลา 30 วัน นับแต่วันที่ได้รู้หรือควรรู้ว่าโจทก์ได้เสียไปซึ่งสัญชาติไทยตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 8ของพระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ.2493 อันทำให้โจทก์ต้องได้รับโทษตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 21ของพระราชบัญญัตินั้นแล้วก็ตาม แต่โจทก์ก็ยังมีหน้าที่ต้องดำเนินการเพื่อให้โจทก์มีใบสำคัญประจำตัวต่อไปแม้จะพ้นกำหนด 30 วัน ดังกล่าว มิฉะนั้นแล้วโจทก์ย่อมมีความผิดตามมาตรา 20 ของ พระราชบัญญัติดังกล่าวโจทก์จึงมีสิทธิให้จำเลยออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวให้โจทก์ได้(เทียบ ฎ.3454-3458/2536)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการขอใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว แม้พ้นกำหนด 30 วันจากวันที่ทราบการเสียสัญชาติไทย
แม้โจทก์ไม่ได้ยื่นคำร้องขอใบสำคัญประจำตัวต่อจำเลยภายในกำหนด30 วัน นับแต่วันที่ได้รู้หรือควรรู้ว่าโจทก์ได้เสียไปซึ่งสัญชาติไทยตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 8 ของพระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ. 2493 อันทำให้โจทก์ต้องได้รับโทษตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 21 ก็ตาม แต่โจทก์ก็ยังมีหน้าที่ต้องดำเนินการเพื่อให้โจทก์มีใบสำคัญประจำตัวต่อไป เพราะหากโจทก์ไม่มีใบสำคัญประจำตัวแล้วโจทก์ย่อมมีความผิดตามมาตรา 20 ของพระราชบัญญัติ ดังกล่าว ดังนั้น แม้พ้นกำหนด 30 วันนับแต่วันที่โจทก์ได้รู้หรือควรรู้ว่าโจทก์ได้เสียไปซึ่งสัญชาติไทย โจทก์ก็ยังมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้จำเลยออกใบสำคัญประจำตัวคือหนังสือประจำตัวคนต่างด้าวให้แก่โจทก์ได้