คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำร้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 497 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอห้ามชั่วคราว แม้ไม่ได้รับสำเนาคำร้อง หากทราบและแถลงคัดค้านในศาลก็มีผลเท่ากัน
ในคดีที่มีคำร้องขอให้ห้ามชั่วคราวตาม ม.256 แม้อีกฝ่ายไม่ได้รับสำเนาคำร้องแต่เมื่อได้ทราบคำร้องนั้นถึงกับได้มาแถลงในคราวศาลนัดพร้อมแล้ว มีผลเท่ากัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 375/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลสั่งตรวจสอบความสามารถคู่ความ แม้มิมีคำร้อง
เมื่อเป็นที่พอใจว่ามีการบกพร่องในเรื่องความสามารถของคู่ความแม้โจทก์ไม่ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลทำการสอบสวนก็ตามอาศัยความตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา56 วรรค 2 ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะสั่งให้ศาลชั้นต้นสอบสวนเรื่องความสามารถของโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1846/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อระหว่างคดีอาญา ศาลฎีกาพิพากษาให้นับโทษต่อได้หากคำร้องถึงศาลตั้งแต่ชั้นต้น แม้มีการเปลี่ยนแปลงคำพิพากษา
โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นในระหว่างที่พิจารณาคดี ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีหนึ่ง ภายหลังยื่นคำร้องเพิ่มเติมอีกว่า คดีที่ขอให้นับโทษต่อนั้น ศาลยกฟ้องเสียแล้ว จึงขอให้นับโทษต่อคดีใหม่อีกคดีหนึ่งต่อมาอีกปรากฏว่า คดีที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องนั้นศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ลงโทษ โจทก์จึงกลับมาร้องขอใหม่ขอให้ศาลอุทธรณ์นับโทษจำเลยต่อจากคดีแรกอีก แต่คำร้องดังกล่าวติดอยู่ในสำนวนอีกสำนวนหนึ่งมิได้ส่งไปยังศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จึงมิได้กล่าวถึงคำร้องขอให้นับโทษต่อ ดังนี้ เมื่อโจทก์ฎีกาขอให้นับโทษต่อ ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้นับโทษต่อได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1472/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการแยกสินสมรส: เจ้าหนี้มีสิทธิร้องขอแยกสินบริคณห์โดยคำร้องได้ ไม่จำเป็นต้องฟ้องคดีใหม่
การร้องขอแยกสินบริคณห์ในชั้นบังคับคดีเพื่อดำเนินการไปตามคำพิพากษานั้น ทำเป็นคำร้องต่อศาลได้โดยไม่ต้องฟ้องร้องเป็นคดีขึ้นใหม่
ป.พ.พ.มาตรา 1483 มิได้บังคับไว้โดยชัดแจ้งว่า เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะต้องฟ้องร้องเป็นคดีใหม่เพื่อขอให้แยกสินบริคณห์เสียก่อน
ศาลฎีกามีอำนาจย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหาที่ยังไม่ได้วินิจฉัยใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1472/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและสินสมรส: เจ้าหนี้มีสิทธิขอแยกสินบริคณห์โดยคำร้องได้ ไม่จำเป็นต้องฟ้องคดีใหม่
การร้องขอแยกสินบริคณห์ในชั้นบังคับคดีเพื่อดำเนินการไปตามคำพิพากษานั้น ทำเป็นคำร้องต่อศาลได้โดยไม่ต้องฟ้องร้องเป็นคดีขึ้นใหม่
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1483 มิได้บังคับไว้โดยชัดแจ้งว่าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะต้องฟ้องร้องเป็นคดีใหม่เพื่อขอให้แยกสินบริคณห์เสียก่อน
ศาลฎีกามีอำนาจย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหาที่ยังไม่ได้วินิจฉัยใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1320/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการร้องคัดค้านการยึดและการเพิกถอนสัญญายอมความต้องดำเนินการโดยการฟ้อง ไม่ใช่คำร้อง
โจทก์นำยึดนามีโฉนดของจำเลย ขอให้ศาลประกาศขายทอดตลาด เพื่อชำระหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาท้ายยอม ปรากฎว่านารายนี้จำเลยได้ทำสัญญาขายให้ผู้ร้องไปครอบครองปีกว่าแล้ว แต่ยังติดขัดโอนโฉนดกันยังไม่ได้ เมื่อเกิดมีคดีระหว่างโจทก์จำเลยขึ้น ผู้ร้องจึงยื่นฟ้องจำเลยบ้างขอให้นาพิพาทแก่ผู้ร้อง และเมื่อนาพิพาทถูกโจทก์ยึดดังกล่าว ผู้ร้องจึงร้องสอดเข้ามาในคดีนี้ ขอให้ศาลเพิกถอนสัญญายอมความระหว่างโจทก์จำเลยตามคำพิพากษาท้ายยอม และให้ถอนการยึด ดังนี้ วินิจฉัยว่า ผู้ร้องยังไม่มีสิทธิจะมาร้องขอให้ถอนการยึดได้ และการขอให้จำเลยทำลายสัญญายอมความและคำพิพากษาท้ายยอม ก็ต้องทำเป็นฟ้องไม่ใช่ทำเป็นคำร้อง แม้ในคดีที่ผู้ร้องฟ้องจำเลยให้โอนนาพิพาทให้แก่ผู้ร้องศาลจะได้พิพากษาในภายหลังให้จำเลยโอนนาพิพาทให้ผู้ร้องตามสัญญาซื้อขายก็ดี ก็เป็นเรื่องที่ผู้ร้องจะต้องดำเนินการบังคับคดีนั้นต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 967/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นอุทธรณ์ข้ามเขตศาล: การยื่นคำร้องผ่านศาลที่มีเขตอำนาจ และการนับระยะเวลาอุทธรณ์
การยื่นฟ้องอุทธรณ์นั้นเป็นกระบวนพิจารณาที่ผู้อุทธรณ์จะต้องดำเนินต่อศาลอย่างหนึ่งตามความหมายของ ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 1(3) และ (7) ฉะนั้นจึงนำเอา ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 10 มาใช้บังคับได้
ผู้อุทธรณ์ไม่สามารถไปยื่นฟ้องอุทธรณ์ต่อศาลที่พิพากษาคดีได้โดยเหตุสุดวิสัย ย่อมยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องขอยื่นอุทธรณ์ ต่อศาลซึ่งตนมีภูมิลำเนาหรือยู่ในเขตศาลในขณะนั้นได้ และในกรณีเช่นนี้ถือว่า ได้ยื่นอุทธรณ์แล้วแต่วันนั้น ไม่ใช่นับแต่วันที่อุทธรณ์ส่งไปถึงศาลที่พิพากษาคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1309/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ไม่ใช่การดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ แม้คำร้องแรกถูกยกไปแล้ว ศาลต้องไต่สวนคำร้องใหม่
จำเลยผู้ขาดนัดพิจารณายื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ แต่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องเสียโดยอ้างว่า มิได้บรรยายครบองค์ตาม มาตรา 208 แห่ง ป.ม.วิ.แพ่ง ในวันเดียวกันนั้น จำเลยยื่นคำร้องใหม่ ดังนี้ ศาลต้องไต่สวนและมีคำสั่งไปตามรูปคดี จะถือว่าเป็นเรื่องดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามความหมายแพ่งมาตรา 144 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1309/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่หลังขาดนัด และการไม่ถือเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ
จำเลยผู้ขาดนัดพิจารณายื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่แต่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องเสียโดยอ้างว่า มิได้บรรยายครบองค์ตาม มาตรา 208 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ในวันเดียวกันนั้น จำเลยยื่นคำร้องใหม่ ดังนี้ ศาลต้องไต่สวนและมีคำสั่งไปตามรูปคดี จะถือว่าเป็นเรื่องดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามความหมายแห่งมาตรา 144 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 629/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำร้องขอประเมินภาษีใหม่เกินกำหนด 15 วัน ผู้ฟ้องต้องแสดงเหตุ หากไม่สืบพยาน ย่อมเสียเปรียบ
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าภาษี ในคำฟ้องและเอกสารฟังว่า โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ประเมินใหม่ เกินกำหนด 15 วัน เมื่อโจทก์อ้างว่า เพิ่งได้รับใบแจ้งการประเมินยังไม่เกิน 15 วัน จึงเป็นหน้าที่โจทก์ต้องนำสืบแสดงเหตุเมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน โจทก์ก็ต้องแพ้
of 50