คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ค้ำประกัน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 610 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1006/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลูกหนี้ร่วมกันชำระหนี้: สิทธิเรียกร้องจากผู้ค้ำประกันและการบังคับคดี
ผู้ค้ำประกันเป็นลูกหนี้ร่วมกันต่อเจ้าหนี้ โจทก์ผู้ค้ำประกันคนหนึ่งชำระหนี้ไปแล้ว โจทก์มีสิทธิเรียกให้จำเลยที่ 3 ผู้ค้ำประกันร่วมกันใช้ส่วนที่จำเลยที่ 3 ต้องรับผิดได้ ในคดีที่ศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 3 ใช้หนี้แก่โจทก์ในฐานค้ำประกันร่วมกันนี้ มีผู้ค้ำประกันหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยที่ 3 โจทก์บังคับคดีแก่ทรัพย์สินของผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 3 ได้ไม่ใช่กรณีที่จำเลยที่ 3 จะขอให้โจทก์บังคับคดีแก่ทรัพย์สินของจำเลยที่ 1,ที่ 2 ซึ่งเป็นลูกหนี้เดิมก่อน ตาม มาตรา 688,689

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 543/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คเป็นตั๋วเงินผูกพันผู้ลงนามตามกฎหมาย แม้จะอ้างเป็นการค้ำประกันก็ไม่เปลี่ยนแปลง
จำเลยที่ 2 ได้ลงชื่อและประทับตราห้างจำเลยที่ 1 ออกเช็คพิพาทของจำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเงินให้โจทก์ แม้จะเป็นการค้ำประกันการกู้เงินดังที่จำเลยให้การต่อสู้ก็ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 วรรคแรก บัญญัติว่าบุคคลผู้ลงลายมือชื่อของตนในตั๋วเงินย่อมจะต้องรับผิดตามเนื้อความในตั๋วเงินนั้น ฉะนั้น เมื่อโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทเรียกเก็บเงินจากธนาคารไม่ได้ จำเลยก็ย่อมมีหน้าที่ต้องใช้เงินตามเช็คนั้นให้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 914 ประกอบด้วยมาตรา 989
เช็คเป็นตั๋วเงินซึ่งไม่มีข้อความว่าค้ำประกันแต่ประการใด ทั้งสภาพของเช็คเป็นการสั่งธนาคารให้ใช้เงิน ไม่ใช่การค้ำประกันจึงไม่เป็นหลักฐานแห่งสัญญาค้ำประกัน ผู้ออกเช็คจะนำสืบว่าออกเช็คเพื่อค้ำประกันลูกหนี้ไม่ได้เพราะมิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือ
เช็คพิพาทมีข้อความสั่งให้ธนาคารจ่ายเงินเป็นที่แน่นอนอยู่แล้ว เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงเช็คขึ้นเงินไม่ได้ จำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายก็ต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ โดยไม่จำเป็นต้องทวงถามอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2715/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การค้ำประกันหนี้และสัตยาบันเป็นหนี้ร่วม: บังคับคดีได้ในสินสมรส
สามีค้ำประกันหนี้ เมื่อทวงถามและฟ้องคดีภริยาขอชำระต้นเงิน เกี่ยงแต่เรื่องดอกเบี้ย เป็นการให้สัตยาบันเป็นหนี้ร่วมตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1482(4) โจทก์บังคับคดีแก่สินสมรสได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2458/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ค้ำประกันในดอกเบี้ยค้างชำระก่อนสัญญาจำนอง
ลูกหนี้ค้างชำระหนี้อยู่ก่อนผู้จำนองเข้าทำสัญญาจำนองค้ำประกัน ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดในดอกเบี้ยจำนวนเงินที่ค้างอยู่ก่อนคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่เข้าค้ำประกันนั้นด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1448/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายสุรา, การบอกเลิกสัญญา, เบี้ยปรับ, การค้ำประกัน, ความรับผิดของผู้ค้ำประกัน
โจทก์กับจำเลยที่ 1 ทำสัญญากันว่าจำเลยที่ 1 ต้องทำสุราออกขายไม่น้อยกว่าเดือนละ 9,192 เท และยอมเสียภาษีสุราไม่น้อยกว่าเดือนละ 9,192 เท เดือนใดเสียภาษีสุราต่ำกว่าจำนวนดังกล่าวนี้ จำเลยที่ 1 ยอมเสียค่าปรับเท่ากับภาษีสุรา ถ้าจำเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติตามสัญญา โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาทันที และจำเลยที่ 1 ยินยอมชดใช้เงินค่าภาษีหรือเงินอื่นใดที่ค้างชำระให้แก่โจทก์ เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ไม่สามารถทำสุราออกขายได้ตามจำนวนดังกล่าว และค้างชำระเงินค่าปรับเป็นจำนวนนับล้านบาท โจทก์ย่อมได้รับความเสียหาย จึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาโดยผลแห่งข้อสัญญา หาใช่ว่าจะต้องเป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือระเบียบข้อบังคับ หรือคำสั่งซึ่งออกตามกฎหมายเฉพาะกฎหมายสุราจึงจะบอกเลิกสัญญาได้ไม่
เบี้ยปรับตามสัญญาก็คือ ค่าเสียหายที่กำหนดกันไว้ล่วงหน้าเพื่อชดใช้แก่กันหากอีกฝ่ายหนึ่งไม่ชำระหนี้
กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อในสัญญาเป็นผู้ค้ำประกันและประทับตราของบริษัทจำเลยที่ 2 เห็นได้ชัดว่ากระทำในฐานะกรรมการผู้จัดการซึ่งเป็นตัวแทนหรือตัวแทนเชิดของจำเลยที่ 2 มิใช่กระทำในฐานะส่วนตัวและยังปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ยอมรับรองการทำสัญญาดังกล่าวของกรรมการผู้จัดการ จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดตามสัญญา แม้ข้อบังคับของจำเลยที่ 2 จะมีว่ากรรมการจะต้องลงนามร่วมกัน 2 คนจึงจะทำการแทนบริษัทได้ ก็เป็นเรื่องการจำกัดอำนาจกรรมการซึ่งเป็นผู้แทนของบริษัทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 75 อันเป็นคนละกรณีกับการกระทำโดยทางตัวแทน
ในกรณีที่การบอกเลิกสัญญาไม่ทำให้หนี้ที่เกิดขึ้นอยู่ก่อนแล้วระงับสิ้นลง จนกว่าลูกหนี้จะชำระหนี้นั้น แม้เจ้าหนี้ได้บอกเลิกสัญญากับลูกหนี้ก็หาทำให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 471/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีสัญญาค้ำประกันการเล่นแชร์ของบริษัทจำกัด ไม่ถือเป็นการดำเนินกิจการนอกวัตถุประสงค์
โจทก์เป็นบริษัทจำกัด มีวัตถุประสงค์ในการทำการกู้ยืมเงินและให้กู้ยืม รับจำนำ จำนองสังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์ โดยมีหรือไม่มีหลักประกัน รวมทั้งการค้ำประกันหนี้สินทุกประเภททั้งในและนอกประเทศ บริษัทโจทก์ได้ตั้งวงแชร์และเป็นผู้ค้ำประกันลูกวง กล่าวคือ หากลูกวงผู้ประมูลแชร์ได้ไม่ชำระเงินค่าแชร์ให้แก่ลูกวงแชร์คนต่อไปบริษัทโจทก์จะชำระแทน ดังนี้ ถือได้ว่าบริษัทโจทก์เป็นผู้ค้ำประกันการเล่นแชร์ซึ่งเป็นสัญญาชนิดหนึ่งที่บังคับได้ตามกฎหมาย และตรงกับวัตถุประสงค์ของบริษัทโจทก์ จึงหาเป็นการดำเนินกิจการนอกวัตถุประสงค์ของบริษัทโจทก์ไม่ เมื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกวงได้รับเงินแชร์ไปแล้ว ไม่นำเงินมาชำระค่าแชร์ให้แก่ลูกวงคนอื่น และบริษัทโจทก์ได้ใช้เงินแทนแก่ลูกวงไป จำเลยที่ 1 จึงมีหน้าที่ใช้เงินคืนแก่บริษัทโจทก์ และจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันก็ต้องรับผิดตามสัญญาที่ทำไว้กับบริษัทโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ และนอกจากนี้การที่บริษัทโจทก์จะมีอำนาจทำสัญญาค้ำประกันการเล่นแชร์ได้หรือไม่อย่างไร ก็เป็นเรื่องของทางราชการที่จะว่ากล่าวกับบริษัทโจทก์ว่าทำนอกวัตถุประสงค์หรือไม่ ไม่เกี่ยวกับจำเลย
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1804/2500)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 471/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บริษัทจำกัดค้ำประกันแชร์ได้ หากเป็นไปตามวัตถุประสงค์ และลูกวงผิดนัดชำระหนี้
โจทก์เป็นบริษัทจำกัด มีวัตถุประสงค์ในการทำการกู้ยืมเงินและให้กู้ยืมรับจำนำ จำนองสังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์โดยมีหรือไม่มีหลักประกัน รวมทั้งการค้ำประกันหนี้สินทุกประเภททั้งในและนอกประเทศ บริษัทโจทก์ได้ตั้งวงแชร์และเป็นผู้ค้ำประกันลูกวง กล่าวคือ หากลูกวงผู้ประมูลแชร์ได้ไม่ชำระเงินค่าแชร์ให้แก่ลูกวงคนต่อไป บริษัทโจทก์จะชำระแทน ดังนี้ ถือได้ว่าบริษัทโจทก์เป็นผู้ค้ำประกันการเล่นแชร์ซึ่งเป็นสัญญาชนิดหนึ่งที่บังคับได้ตามกฎหมาย และตรงกับวัตถุประสงค์ของบริษัทโจทก์ จึงหาเป็นการดำเนินกิจการนอกวัตถุประสงค์ของบริษัทโจทก์ไม่ เมื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกวงได้รับเงินแชร์ไปแล้ว ไม่นำเงินมาชำระค่าแชร์ให้แก่ลูกวงคนอื่น และบริษัทโจทก์ได้ใช้เงินแทนแก่ลูกวงไป จำเลยที่ 1 จึงมีหน้าที่ใช้เงินคืนแก่บริษัทโจทก์ และจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันก็ต้องรับผิดตามสัญญาที่ทำไว้กับบริษัทโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ และนอกจากนี้การที่บริษัทโจทก์จะมีอำนาจทำสัญญาค้ำประกันการเล่นแชร์ได้หรือไม่อย่างไร ก็เป็นเรื่องของทางราชการที่จะว่ากล่าวกับบริษัทโจทก์ว่าทำนอกวัตถุประสงค์หรือไม่ ไม่เกี่ยวกับจำเลย (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1804/2500)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1091/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีหนี้ร่วม และการฟ้องล้มละลาย: ศาลฎีกาวินิจฉัยสิทธิเจ้าหนี้ในการบังคับคดีต่อลูกหนี้ร่วมและผู้ค้ำประกัน
คำพิพากษาในคดีแพ่งที่พิพากษาให้จำเลยทั้ง 4 ร่วมกันชำระหนี้ตามฟ้องให้โจทก์ โดยให้จำเลยที่ 3 ที่ 4 รับผิดไม่เกินจำนวนเงินที่ค้ำประกัน หากไม่ชำระ ให้ยึดทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 3 ออกขายทอดตลาด ถ้าได้เงินไม่พอ ให้ยึดทรัพย์อื่นของจำเลยที่ 3 ออกขายทอดตลาดชำระจนครบ นั้น หมายถึงการบังคับคดีเกี่ยวกับจำเลยที่ 3 ในกรณีที่จำเลยที่ 3 ไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา หาได้หมายความว่าให้โจทก์บังคับคดีเอาจากทรัพย์สินของจำเลยที่ 3 โดยสิ้นเชิงก่อน ถ้าได้เงินไม่พอจึงจะบังคับเอาจากทรัพย์สินของจำเลยที่ 4 ไม่ จำเลยที่ 4 อยู่ในฐานะเป็นลูกหนี้ร่วม โจทก์มีสิทธิที่จะเรียกให้จำเลยคนใดคนหนึ่งชำระหนี้โดยสิ้นเชิงหรือแต่โดยส่วนก็ได้ตามแต่จะเลือกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 291 โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องและบังคับจำเลยที่ 4 ให้ชำระหนี้ที่ยังเหลือจากที่โจทก์ได้รับจากจำเลยที่ 3 และอาศัยหนี้ตามคำพิพากษาในคดีแพ่งที่กำหนดจำนวนได้แน่นอนไม่น้อยกว่าสามหมื่นบาท เป็นมูลฟ้องให้ล้มละลายได้
จำเลยกล่าวในฎีกาแต่เพียงว่า ยังไม่มีเหตุผลสมควรที่ะให้จำเลยล้มละลายได้มิได้กล่าวข้อเท็จจริงโดยชัดแจ้งว่าจำเลยไม่ใช่บุคคลที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว หรือมีฐานะมีทรัพย์สินอาจชำระหนี้ให้ครบได้อย่างไร หรือมีเหตุอื่นใดบ้างที่ไม่ควรให้ล้มละลาย ดังนี้ ฎีกาของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 มาตรา 7 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 78/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอายัดเงิน-ค้ำประกัน-ยกฟ้อง-ขอคืนโฉนด: สิทธิของผู้ค้ำประกันเมื่อคดีสิ้นสุด
ศาลชั้นต้นอายัดเงินของจำเลยตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254(1) แล้วเปลี่ยนเป็นให้ อ. ทำสัญญาค้ำประกันเงินที่ถูกอายัดต่อศาลชั้นต้น ต่อมาศาลชั้นต้นยกฟ้อง วิธีการชั่วคราวระงับไปตาม มาตรา 260(3) คดีอยู่ระหว่างโจทก์ฎีกา อ. ขอรับโฉนดที่วางไว้คืนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 359/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การค้ำประกัน - สัญญาที่ถูกแก้ไขโดยไม่ได้รับความยินยอม - ความรับผิดของผู้ค้ำประกัน
มีผู้แก้ไขจำนวนเงินในสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันให้สูงขึ้นโดยจำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันไม่รู้เห็นยินยอมด้วยสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันนั้นหาเสียไปทั้งฉบับเพราะการปลอมแปลงดังกล่าวไม่จำเลยต้องรับผิดตามจำนวนเงินที่แท้จริงที่ได้ทำสัญญาค้ำประกันไว้
of 61