คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ชอบด้วยกฎหมาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 507 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1697/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: เหตุจวนเจียนอันตรายจากอาวุธมีด
ผู้ตายและจำเลยโต้เถียงกันด้วยเรื่องที่จำเลยทวงเงินจากผู้ตาย จนจำเลยออกปากไล่ผู้ตายซึ่งเป็นผู้ใหญ่กว่าให้ไปเสียให้พ้นผู้ตายก็ลุกพรวดพราดชักมีดออกจากเอวห่างจำเลย 1 วา เช่นนั้น ย่อมเป็นเหตุการณ์ที่มีเหตุสมควรจะให้บุคคลในฐานะเช่นจำเลยตกใจกลัวว่าผู้ตายจะเข้ามาฟันหรือแทงจำเลย ซึ่งเป็นการจวนตัวเป็นอันตรายที่ใกล้จะถึงตัวเต็มที จำเลยจึงชักปืนยิงไปที่ผู้ตาย 1 นัด โดยนั่งยิงอยู่ตรงนั้นเอง แล้วจำเลยก็วิ่งโดดนอกชานเรือนหนีไป ดังนี้ เป็นการที่จำเลยป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 68 จำเลยจึงไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1665/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การใช้กำลังเพื่อป้องกันภัยอันตรายที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า
ผู้เสียหายมีรูปร่างใหญ่กว่าจำเลย เป็นฝ่ายรุกรานเข้ามาทำร้ายจำเลยก่อน จำเลยแย่งมีดจากผู้เสียหายก็แย่งไม่ได้ จึงคว้ามีดที่โต๊ะทำอิฐแทงผู้เสียหายไปหลายทีเพื่อป้องกันตัวให้พ้นอันตราย และการกระทำของจำเลยก็เกิดขึ้นโดยกะทันหันติดพันกันในขณะนั้นเอง จำเลยย่อมไม่มีโอกาสที่จะคิดเป็นอย่างอื่นนอกจากจะคิดป้องกันตัวให้พ้นอันตรายที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า ทั้งขณะที่จำเลยแทงผู้เสียหาย ภัยที่จำเลยอาจจะได้รับจากผู้เสียหายก็ยังไม่หมดไป ในขณะนั้นจำเลยก็ไม่รู้ว่าบาดแผลของผู้เสียหายนั้นจะถึงบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถจะทำร้ายจำเลยได้อีกหรือไม่ การกระทำของจำเลยไม่เกินสมควรแก่เหตุ
การที่ผู้เสียหายเข้ามาจะทำร้ายจำเลยโดยละเมิดต่อกฎหมาย จำเลยย่อมมีอำนาจที่จะทำการป้องกันตัวได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่จำเป็นต้องวิ่งหนี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1665/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การกระทำเพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าและไม่เกินสมควรแก่เหตุ
ผู้เสียหายมีรูปร่างใหญ่กว่าจำเลย เป็นฝ่ายรุกรานเข้ามาทำร้ายจำเลยก่อน จำเลยแย่งมีดจากผู้เสียหายก็แย่งไม่ได้ จึงคว้ามีดที่โต๊ะทำอิฐแทงผู้เสียหายไปหลายทีเพื่อป้องกันตัวให้พ้นอันตราย และการกระทำของจำเลยก็เกิดขึ้นโดยกระทันหันติดพันกันในขณะนั้นเองจำเลยย่อมไม่มีโอกาสที่จะคิดเป็นอย่างอื่นนอกจากจะคิดป้องกันตัวให้พ้นอันตรายที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า ทั้งขณะที่จำเลยแทงผู้เสียหายภัยที่จำเลยอาจจะได้รับจากผู้เสียหายก็ยังไม่หมดไป ในขณะนั้นจำเลยก็ไม่รู้ว่าบาดแผลของผู้เสียหายนั้นจะถึงบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถจะทำร้ายจำเลยได้อีกหรือไม่ การกระทำของจำเลยไม่เกินสมควรแก่เหตุ
การที่ผู้เสียหายเข้ามาจะทำร้ายจำเลยโดยละเมิดต่อกฎหมาย จำเลยย่อมมีอำนาจที่จะทำการป้องกันตัวได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่จำเป็นต้องวิ่งหนี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1206/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในการสั่งรื้ออาคารและการตรวจสอบดุลพินิจ ศาลไม่แทรกแซงหากชอบด้วยกฎหมาย
การที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคารได้แจ้งให้โจทก์เลิกใช้และรื้อถอนอาคารเพราะอยู่ในสภาพไม่มั่นคงแข็งแรง หรือไม่ปลอดภัยซึ่งน่าจะเป็นอันตรายแก่ร่างกาย ชีวิตหรือทรัพย์สิน และโจทก์ได้อุทธรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ คณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ได้มีมติให้ยกอุทธรณ์แล้วนั้น โจทก์จะมาฟ้องศาลขอให้เพิกถอนคำสั่งนั้นโดยอ้างแต่เพียงว่าอาคารของโจทก์ยังมั่นคงแข็งแรงมิได้ เพราะไม่ปรากฏว่าในการวินิจฉัยเช่นนั้นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและคณะกรรมการได้กระทำการนอกเหนือความในพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคารอย่างใด ทั้งไม่ปรากฏว่าการวินิจฉัยของจำเลยหรือคณะกรรมการเป็นการวินิจฉัยโดยไม่มีข้อเท็จจริงสนับสนุน และการวินิจฉัยของกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์เป็นการวินิจฉัยตามอำนาจในมาตรา 12 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2504 มิใช่เป็นการใช้อำนาจศาล จึงไม่ขัดต่อธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 973/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเข้าทำนาในช่วงระหว่างความชอบด้วยกฎหมาย แม้ศาลฎีกาพิพากษาภายหลัง ย่อมไม่เป็นละเมิด
การที่จำเลยเข้าทำนาพิพาทในระหว่างที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ ไม่เป็นการผิดกฎหมาย เพราะจำเลยเป็นผู้ชนะคดี ย่อมมีสิทธิเข้าทำนาได้โดยอาศัยสิทธิตามคำพิพากษา แม้ต่อมาภายหลังศาลฎีกาจะได้พิพากษากลับให้โจทก์ชนะก็ไม่ทำให้การกระทำของจำเลยในตอนนั้นกลายเป็นผิดกฎหมายจึงไม่เป็นการละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 879/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนโดยชอบด้วยกฎหมาย: จำเลยยิงตอบโต้หลังถูกยิงก่อน
จำเลยที่ 2 ยิงจำเลยที่ 1 ก่อนจำเลยที่ 1 กลัวจำเลยที่ 2 จะยิงซ้ำจึงยิงเอาบ้าง ถือว่าเป็นการป้องกันตนพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1451/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมยกทรัพย์สินให้บุตรผู้รับพินัยกรรมแต่ผู้เดียว ชอบด้วยกฎหมาย แม้มีภาระก่อนตาย
ผู้ตายทำพินัยกรรมแสดงเจตนายกทรัพย์ที่มีอยู่และทรัพย์ที่จะเกิดมีในภายหน้าให้บุตรผู้รับพินัยกรรมแต่ผู้เดียว เมื่อผู้ตายตายไปแล้วไม่ให้บุตรคนอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องกับทรัพย์มรดก คำสั่งนี้เป็นการแสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินของผู้ตายแล้ว ทั้งผู้ตายได้ทำคำสั่งของตนลงไว้ในเอกสารซึ่งทำเป็นพินัยกรรมตามแบบที่กฎหมายกำหนดไว้ เอกสารดังกล่าวจึงเป็นพินัยกรรมของผู้ตายโดยชอบด้วยกฎหมาย ส่วนข้อกำหนดอย่างอื่นที่ให้ผู้รับพินัยกรรมทำเลี้ยงผู้ตายจนตลอดชีวิต หรือให้ใช้หนี้แทนแม้จะเป็นภาระให้กระทำก่อนตายไว้ด้วย เมื่อมีข้อกำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินไว้แล้ว ก็หาทำให้กลับกลายเป็นการยกให้ในระหว่างมีชีวิตไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1416-1448/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสืบพยานโดยการตรวจสถานที่พิพาท: ชอบด้วยกฎหมาย แม้ไม่มีการยื่นรายการวัตถุพยาน
โดยที่โจทก์จำเลยร้องขอต่อศาลให้ไปเดินเผชิญสืบตรวจดูว่าหนังทุ่งปุยรายพิพาทจะเป็นประโยชน์ในการเพาะปลูกของจำเลยหรือไม่ ฉะนั้น การที่ศาลไปตรวจดูจึงเป็นการไปสืบพยานตามที่ทั้งสองฝ่ายอ้าง และการที่คู่ความทั้งสองฝ่ายขอ ศาลก็ได้ไปตรวจดูตามที่ขอนั้น ก็ถือได้ว่าเป็นการสืบตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ (ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 226,241) แล้ว และแม้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายไม่มีใครยื่นแสดงรายการแห่งวัตถุพยานไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 ก็ชอบที่จะขออนุญาตอ้างพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ตามมาตรานี้ วรรค 3 ฉะนั้น การที่ศาลชั้นต้นได้ไปตรวจดูที่พิพาทตามคำขอของคู่ความทั้งสองฝ่าย จึงถือได้ว่าเป็นการอนุญาตตามที่ศาลเห็นว่าเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 577/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมรสและการหย่า: การเพิกถอนทะเบียนสมรสไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ชายหญิงสมัครใจรักใคร่กัน และได้ยินยอมจดทะเบียนสมรสกันโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ต่อมาชายหญิงคู่นี้ผิดใจกัน เมื่อจะให้การสมรสขาดจากกัน จะต้องขอหย่า และให้คู่สมรสลงชื่อในแบบพิมพ์คำร้องขอจดทะเบียนการหย่า จะมาร้องขอให้ศาลเพิกถอนทะเบียนสมรสที่คู่สมรสได้จดทะเบียนสมรสไว้โดยชอบแล้วหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 443/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมโดยไม่มีหมายและการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน: การพิพากษาขึ้นอยู่กับความชอบด้วยกฎหมายของการจับกุม
มีผู้แจ้งต่อนายร้อยตำรวจผู้บังคับกองฯ ว่า จำเลยกับพวกลักโคไป ผู้บังคับกองฯ สั่งให้นายสิบตำรวจไปเชิญตัวจำเลยบนบ้านโดยไม่มีหมายจำเลยไม่ยอมไป จึงเข้าจับกุม จำเลยใช้ขวานมีด ต่อสู้ขัดขวาง แม้ผู้บังคับกองฯ จะอยู่ไปห่าง 10 วา แต่ก็อยู่ที่บ้านผู้อื่น ไม่ได้ไปจับกุมด้วย การจับนี้ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78, 81 จำเลยต่อสู้ขัดขวางจึงไม่มีความผิด แต่เมื่อผู้บังคับกองฯ นั้นไปทำการจับกุมด้วย ก็ชอบด้วยมาตรา 78, 92 วรรคท้าย
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า นายสิบตำรวจ ฯลฯ ผู้เสียหายกับพวกซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่สืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดตามกฎหมาย แม้จะไม่ระบุชื่อผู้บังคับกองฯ ซึ่งไปร่วมการจับกุมด้วย เมื่อผู้บังคับกองฯ เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จับกุมตามกฎหมายได้ ถือว่าฟ้องซึ่งได้ระบุว่ากับพวกเจ้าพนักงานฯ มีความหมายถึงผู้บังคับกองฯ ด้วย
of 51