พบผลลัพธ์ทั้งหมด 496 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 639/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องฎีกาไม่ชัดเจน: การไม่ระบุเหตุผลแห่งความไม่ชอบด้วยกฎหมายในฎีกา ทำให้ฎีกาต้องห้ามตามกฎหมาย
ที่ฟ้องฎีกาโจทก์กล่าวเพียงแต่ว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยังไม่ชอบด้วยความเห็นของโจทก์ โดยมิได้แสดงให้เห็นว่าไม่ชอบในข้อไหน เพียงใดก็ดี และที่ว่า โจทก์ขอถือเอาคำแก้อุทธรณ์ของโจทก์เป็นฟ้องฎีกาก็ดี ถือได้ว่าเป็นการกล่าวข้อความขึ้นลอย ๆ โดยมิได้กล่าวข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายไว้โดยชัดแจ้งในฎีกา ฟ้องฎีกาของโจทก์จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 628/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามในปัญหาข้อเท็จจริง: กรณีโต้แย้งการวินิจฉัยเจตนาฆ่าของศาลล่าง
คดีที่ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงต้องกันมาแล้วว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่า การที่โจทก์ฎีกาว่าพฤติการณ์การกระทำของจำเลยแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า จึงเป็นฎีกาโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลล่างในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 61/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: โต้เถียงข้อเท็จจริงในชั้นฎีกา
ฎีกาเขียนให้เห็นว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย แต่เนี้อหารายละเอียดในฎีกายังโต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชั่งน้ำหนักและรับฟังคำพยานหลักฐานในคดี ดังนี้ เป็นฎีกาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 245/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: ศาลอุทธรณ์แก้โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี โจทก์ฎีกาขออย่ารอการลงโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้มาก ก็ถือได้ว่าศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 1 ปี ดังนั้น โจทก์ฎีกาขออย่าให้รอการลงโทษ
จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในดุลพินิจการลงโทษของศาล
ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในดุลพินิจการลงโทษของศาล
ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1095/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามในข้อเท็จจริง และผลผูกพันของคำพิพากษาคดีอาญาต่อคดีแพ่ง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ และทำให้พืชผลของโจทก์เสียหาย ขอให้ลงโทษ และให้จำเลยกับบริวารออกจากที่ดินและใช้ค่าเสียหาย จำเลยให้การว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองปลูกพืชผลในที่พิพาทตลอดมา การกระทำของจำเลยไม่เป็นการบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกาว่าต้องฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยบุกรุกที่ดินโจทก์และทำให้พืชผลของโจทก์เสียหาย ดังนี้ เป็นฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 สำหรับคดีส่วนแพ่ง แม้ที่พิพาทมีราคา 20,000 บาท ไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง แต่ศาลฎีกาก็ต้องถือข้อเท็จจริงตามคดีส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46ว่าจำเลยมีสิทธิครอบครองที่พิพาท การกระทำของจำเลยไม่เป็นการบุกรุกหรือทำให้ทรัพย์สินของโจทก์เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 265/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ดุลพินิจของศาลส่งตัวเด็กไปสถานพินิจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74(5) เป็นฎีกาต้องห้าม
เมื่อศาลอุทธรณ์แผนกคดีเด็กและเยาวชนพิพากษาใช้ดุลพินิจส่งตัวจำเลยไปยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74(5) แล้ว จำเลยฎีกาขอให้เปลี่ยนแปลงดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นฎีกาต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 มาตรา 29 และมาตรา 27 ตามที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 7 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2506
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 801/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: การโต้แย้งดุลพินิจศาลเกี่ยวกับวิธีการบำบัดฟื้นฟูเด็กแทนการลงโทษ
การที่ศาลพิพากษาให้ส่งตัวจำเลยไปฝึกและอบรมณสถานพินิจและคุ้มครองเด็กโดยอาศัยอำนาจตามความในบทบัญญัติมาตรา 75 ประกอบด้วยมาตรา 74 แห่งประมวลกฎหมายอาญา แม้มิใช่การพิพากษาให้ลงโทษจำคุก แต่ก็เป็นการสั่งใช้วิธีการที่เบากว่าโทษจำคุกจึงต้องอยู่ในบังคับของมาตรา 218 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาด้วย เมื่อศาลอุทธรณ์เพียงแต่แก้กำหนดระยะเวลาที่จะให้จำเลยไปอยู่ฝึกและอบรม จำเลยกลับฎีกาอ้างเหตุมาว่า ถูกคุมขังในระหว่างอุทธรณ์มาเกินกำหนดระยะเวลาแล้ว ถือว่าเป็นการลงโทษและจำเลยได้รับโทษตามคำพิพากษาแล้ว ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาว่า ขังมาพอกับโทษและให้ปล่อยตัวไป เช่นนี้เท่ากับจำเลยฎีกาคัดค้านดุลพินิจของศาลและขอให้เปลี่ยนจากใช้วิธีการที่เบากว่าโทษตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มาเป็นการลงโทษและกำหนดโทษใหม่ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 781/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: การโต้แย้งข้อเท็จจริงในคดีสมคบร่วมกันทำร้ายร่างกาย
ปัญหาว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการร่วมกระทำความผิดด้วยกันหรือไม่เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ฉะนั้นเมื่อศาลล่างทั้งสองตัดสินต้องกันมาว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำผิด และกรณีเข้าเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 แล้วจำเลยจะฎีกาในปัญหาข้อนี้ไม่ได้
(เทียบฎีกาที่ 312/2475)
(เทียบฎีกาที่ 312/2475)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 77/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม: การที่โจทก์มิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้นในประเด็นฟ้องเคลือบคลุมในชั้นอุทธรณ์ ทำให้ฎีกาต้องห้ามตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์นั้นเคลือบคลุมขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรค 2 แต่คำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์มิได้อุทธรณ์โต้แย้งว่า คำฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุมเพราะเหตุใด เพิ่งจะมายกขึ้นกล่าวในชั้นฎีกา ดังนี้ จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 77/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม: การที่โจทก์มิได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นในประเด็นฟ้องเคลือบคลุม ทำให้ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 249
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์นั้นเคลือบคลุมขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง แต่คำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์มิได้อุทธรณ์โต้แย้งว่าคำฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุมเพราะเหตุใด เพิ่งจะมายกขึ้นกล่าวในชั้นฎีกาดังนี้ จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249