คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ที่ดินพิพาท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 507 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 927/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินพิพาทและสิทธิในการขอถอนการยึดทรัพย์เมื่อการโอนยังไม่จดทะเบียน
ผู้ร้องและจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทซึ่งในโฉนดมีชื่อผู้ตายร่วมกันมา โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่พิพาทผู้ร้องไม่มีสิทธิที่จะขอให้ถอนการยึด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 927/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินพิพาทร่วมกัน และผลของการยกให้ที่ดินโดยไม่จดทะเบียน
ผู้ร้องและจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทซึ่งในโฉนดมีชื่อผู้ตายร่วมกันมา โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่พิพาทผู้ร้องไม่มีสิทธิที่จะขอให้ถอนการยึด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โจทก์มีหน้าที่นำสืบความเป็นเจ้าของที่ดินก่อนฟ้องแย่งกรรมสิทธิ์ หากจำเลยอ้างกรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงเดียวกัน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดิน เพื่อแย่งกรรมสิทธิ์ จำเลยโต้แย้งว่า เป็นที่ดินของยานและมารดาจำเลย เช่นนี้ โจทก์ต้องมีหน้าที่นำสืบก่อนว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 267/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในที่ดิน: คำพิพากษาในคดีเดิมใช้ยันผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมได้
เดิมผู้มีชื่อในโฉนดคนหนึ่งฟ้องขับไล่ผู้เข้ามาบุกรุกปลูกเรือนโรงในที่พิพาทเป็นจำเลยจำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของตนในทางครอบครองดังนั้น ไม่จำเป็นที่จำเลยในคดีนั้นจะต้องเรียกผู้มีชื่อในโฉนดคนอื่นๆ ผู้ถือกรรมสิทธิร่วมเข้ามาเป็นคู่ความผู้มีชื่อในโฉนดเหล่านั้นรู้เรื่องที่พิพาทกันดีแล้ว แต่มิได้เข้ามาร่วมเป็นคู่ความด้วยเมื่อโจทก์ในคดีนั้นแพ้คดีคำพิพากษาในคดีนั้น ใช้ยันผู้มีชื่อในโฉนดคนอื่นๆ ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 948/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องขับไล่: สัญญาเช่าที่ดินพิพาทไม่ใช่ที่ดินของโจทก์จริง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่เช่า ซึ่งอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโจทก์ ถ้าจำเลยต่อสู้ว่าที่เช่าเป็นที่สาธารณะ โจทก์หลอกลวงให้หลงเชื่อว่าเป็นที่ของโจทก์เช่นนี้ จำเลยยอมนำสืบได้ และหากข้อเท็จจริงฟังได้ตามข้อต่อสู้ของจำเลย โจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1524/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำและการใช้คำพิพากษาในคดีก่อนยันบุคคลนอกคดีเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดิน
แม้คดีนี้จะมีประเด็นเดียวกับคดีก่อน แต่เมื่อมีคำพิพากษาศาลให้อำนาจแก่โจทก์ที่จะเรียกร้องที่พิพาทอีกได้แล้วฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
เมื่อจำเลยที่ 2 ตั้งประเด็นต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของนายเสงี่ยมเช่นเดียวกับจำเลยที่ 1 และศาลฎีกาได้พิพากษาไว้ในคดีก่อนระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ว่าไม่ใช่ของนายเสงี่ยม นายเสงี่ยมไม่ได้เกี่ยวข้องครอบครองที่พิพาทแล้ว คำพิพากษาดังกล่าวซึ่งเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์จึงใช้ยันจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุคคลนอกคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1063/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ซื้อทราบการครอบครองที่ดินก่อนซื้อ ถือเป็นการซื้อโดยไม่สุจริต สิทธิครอบครองย่อมยกขึ้นต่อสู้ได้
ผู้ซื้อเห็นอยู่แล้วในขณะซื้อว่ามีผู้ครอบครองตั้งบ้านเรือนอยู่ส่วนหนึ่งของที่ดินในโฉนดผู้ครอบครองที่ส่วนนั้นย่อมยกขึ้นต่อสู้ผู้ซื้อได้ว่าไม่สุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1057-1058/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อที่ดินโดยผู้ขายรู้ว่ามีผู้อื่นครอบครองก่อนแล้ว ทำให้ผู้ซื้อไม่สุจริต และไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่
ผู้ที่ซื้อที่ดินมีโฉนดมาโดยเสียค่าตอบแทน และจดทะเบียนสิทธิแล้วมีการรังวัด จึงปรากฎว่าที่ดินส่วนหนึ่งมีคนครอบครองมาเกิน 10 ปีได้กรรมสิทธิ์ทั้งก่อนที่จะซื้อที่ดินแปลงนั้นตนก็รู้ว่าเขาครอบครองที่ดินส่วนนั้นอยู่ ดังนี้ ถือว่า ผู้ซื้อซื้อไว้โดยไม่สุจริต จึงหามีสิทธิฟ้องขับไล่ผู้ที่ครอบครองที่ดินส่วนนั้นจนได้กรรมสิทธิแล้วไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1570/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินพิพาท: อายุความสละที่ดิน 9/10 ปีใช้บังคับก่อน พ.ร.บ.ออกโฉนดฯ และข้อจำกัดการนำข้อเท็จจริงจากคดีอาญามาใช้ในคดีแพ่ง
ที่พิพาทแม้โจทก์จะได้เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาว่าจำเลยบุกรุกมาแล้ว และในคดีอาญานั้นแม้ศาลจะได้พิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะเห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดทางอาญาโดยมิได้กล่าวถึงสิทธิในทางแพ่งแต่อย่างใด ต่อมาโจทก์จึงฟ้องคดีแพ่งขอให้ศาลบังคับจำเลยและบริวารออกจากที่พิพาท ดังนี้การที่จะวินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์หรือจำเลยต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายอันว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่งตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 47
เมื่อที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวนมาก่อนประกาศใช้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 4 และ พระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน(ฉบับที่ 6) พ.ศ.2479 แล้ว ดังนี้แม้ที่พิพาทจะเป็นที่มือเปล่าก็ตาม ก็ต้องนำกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จบทที่42 มาใช้บังคับคดี โดยถืออายุความสละที่ดิน 9 ปี10 ปี ไม่ใช่อายุความ 1 ปี ตามนัยฎีกาที่ 759/2494 (ฎีกาที่ 759/2494)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1395/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำนองที่ดินพิพาทไม่ถือเป็นการครอบครอง สิทธิในที่ดินขึ้นอยู่กับการครอบครองที่แท้จริง
การที่โจทก์เอาที่พิพาททั้งหมดรวมเข้ากับที่ของโจทก์ไปจำนองกับสหกรณ์ ไม่เรียกว่าโจทก์ใช้สิทธิครอบครองที่พิพาท.
of 51