คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผู้เช่า

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 581 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินโฉนด: สิทธิของเจ้าของโฉนดเมื่อผู้เช่าคืนที่ดิน
เมื่อปรากฏว่าที่นาพิพาทที่จำเลยเช่าทำนั้นอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์และเจ้าของนาได้ยินยอมคืนให้โจทก์แล้วจำเลยผู้เช่าเป็นแต่เพียงผู้ครอบครองแทนเจ้าของเมื่อเจ้าของยอมคืนไปแล้วจำเลยก็ไม่มีสิทธิหรือหน้าที่อย่างใดที่จะมาขัดขวาง
การครอบครองที่ดินในโฉนดของผู้อื่นเช่นในกรณีนี้เมื่อผู้ครอบครองคืนที่ให้เจ้าของโฉนด(โจทก์)หรือสละทิ้งที่นั้นแล้วเจ้าของโฉนดในที่ตรงนั้น(โจทก์) ย่อมเข้าครอบครองถืออำนาจเป็นเจ้าของได้ต่อไปโดยไม่ต้องเปลี่ยนแก้ทางทะเบียนประการใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1276/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่า: สิทธิของผู้ให้เช่าเมื่อผู้เช่าไม่ปฏิบัติตามสัญญา และผลของการไม่ยกเว้นข้อกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินโจทก์โฉนดเลขที่ 525ตำบลบางยี่เรืออำเภอธนบุรี เพื่อปลูกเรือนอาศัยอยู่ จำเลยผิดสัญญาค้างค่าเช่า 10 เดือนและให้เช่าช่วง โจทก์ได้บอกเลิกสัญญาแล้ว ขอให้บังคับ
จำเลยต่อสู้ว่าไม่ได้ค้างค่าเช่าไม่ได้ให้เช่าช่วง และชั้นฎีกาจำเลยอ้างว่าแม้จำเลยจะมิได้ยก พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ขึ้นต่อสู้พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ก็ยังคุ้มครองจำเลยอยู่ ฉะนั้นเมื่อจำเลยไม่ได้ทำผิดสัญญาเช่าโจทก์จะบอกเลิกสัญญาไม่ได้
ดังนี้เมื่อจำเลยมิได้อ้างเอา พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯขึ้นต่อสู้คดีจำเลยก็ไม่มีทางจะได้รับความคุ้มครองจากพระราชบัญญัตินั้น เพราะ พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ นั้นเพียงแต่ให้สิทธิแก่ผู้เช่าเป็นพิเศษที่จะอ้างเอาบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวขึ้นมาต่อสู้ตัดสิทธิมูลฐานของผู้ให้เช่าในกรณีเช่นนี้ได้เท่านั้น
ดังนั้นคดีตกเป็นกรณีเช่าสามัญตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และตกเป็นการเช่าโดยไม่มีกำหนดเวลา โจทก์มีสิทธิบอกกล่าวล่วงหน้าเลิกสัญญากับจำเลยได้โดยไม่ต้องคำนึงว่าจำเลยจะได้ทำผิดสัญญาหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1264/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องขับไล่ผู้เช่า: เหตุฟ้องไม่ชอบและข้อต่อสู้ใหม่ที่ศาลชั้นต้นไม่ได้พิจารณา
จำเลยฎีกาว่าโจทก์บอกกล่าวให้จำเลยออกจากห้องพิพาทยังไม่ถึง 1 เดือนก็มาฟ้องจำเลยเช่นนี้ไม่ชอบด้วย ป.พ.พ.ม.566 โจทก์จึงฟ้องจำเลยไม่ได้
แต่เมื่อปรากฎว่าฎีกาของจำเลยข้อนี้มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแต่ศาลชั้นต้นจึงต้องห้ามตาม ป.วิ.แพ่ง ม.225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1066-1068/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกข้อต่อสู้ไม่ทันในชั้นศาล และการร้องทุกข์ของผู้เช่าเรือที่ได้รับความเสียหาย
ข้อ ก.ม.ที่คู่ความยกขึ้นอ้างอิงนั้นจะต้องยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้แต่ศาลชั้นต้น มิฉะนั้นศาลหารับเป็นฎีกาในข้อนั้นไม่
ผู้เช่าเรือยนต์มาทำการหาผลประโยชน์ เมื่อเรือนั้นถูกชนก็ถือว่าเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) และมีอำนาจร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานได้ตามมาตรา 123,124 และพนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนได้ตามมาตรา 120,121 และผู้เช่าในฐานะผู้เสียหายก็ยังมีสิทธิเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการตามมาตรา 28(2) อีกด้วย
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเจ้าของเรือยนต์ได้ร่วมกับผู้ถือท้ายควบคุมเรือแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานกล่าวหาว่าผู้ถือท้ายเรืออีกลำหนึ่งชนเอาจนต่างฝ่ายได้ร่วมกันทำบันทึกการเสียหายกับเจ้าพนักงานเช่นนี้ย่อมถือได้ว่าเจ้าของเรือนั้นได้ร้องทุกข์ตามกฎหมายอาญามาตรา 80 แล้ว จึงหาขาดอายุความไม่ ส่วนเรื่องการร้องทุกข์ไม่ถูกต้องเพราะไม่ลงลายมือชื่อนั้นไม่มีประเด็นที่ได้ว่ากล่าวกันมาจึงตกไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 952/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความครอบครองปรปักษ์: การเปลี่ยนแปลงสถานะจากผู้เช่าเป็นผู้ครอบครองปรปักษ์และการขาดอายุความฟ้อง
โจทก์เถียงว่าจำเลยทำนาโจทก์โดยการเช่า แม้สัญญาเช่าจะสิ้นแล้วแต่จำเลยยังคงทำต่อมา เช่นนี้ต้องถือว่าจำเลยได้เช่าต่อมาโดยไม่มีกำหนดและจำเลยครอบครองไว้แทนโจทก์ไม่ใช่เพื่อตนเอง จะครอบครองนานเท่าใดก็ไม่ได้สิทธิ แต่คดีได้ความว่าชั้นต้นจำเลยเช่าแต่ตอนหลังโจทก์จะไปเก็บค่าเช่า จำเลยไม่ยอมให้ทั้งบอกว่าเป็นที่ของจำเลยมิได้เช่าจากโจทก์แล้ว ดังนี้ก็เป็นการแสดงว่าจำเลยถือตนว่าเป็นเจ้าของนานั้น และไม่ยอมตนว่าเป็นผู้ครอบครองแทนโจทก์ฐานผู้เช่าต่อไปแล้ว (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381) โจทก์ต้องฟ้องภายใน 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 เมื่อโจทก์ไม่ฟ้องภายในกำหนดคดีโจทก์จึงขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 921/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเช่าหลังมติคณะกรรมการฯ และการรับมรดกความในคดีเช่า - การไม่จำเป็นต้องสอบสวนผู้เช่า
พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าตลอดจนกฎกระทรวงมหาดไทยซึ่งออกตามความแห่ง พ.ร.บ.นี้มิได้บังคับให้ต้องสอบสวนผู้เช่าในกรณีที่ผู้ให้เช่าขอเข้าอยู่ในห้องเช่าการสอบสวนในที่นี้ก็คือสอบสวนความจำเป็นของผู้ให้เช่าที่จะต้องเข้าอยู่ในห้องของตนที่ให้เช่า โดยเฉพาะไม่เกี่ยวกับความจำเป็นของผู้เช่าฉนั้นเมื่อคณะกรรมการสอบสวนผู้ให้เช่าแล้วลงมติไปโดยมิได้สอบสวนผู้เช่าเลยเช่นนี้จึงเป็นการชอบด้วย ก.ม. แล้ว
ผู้ให้เช่าจะร้องเท็จหรือปิดบังคณะกรรมการ ฯ เกี่ยวกับเรื่องขอเข้าอยู่ในห้องเช่าอย่างใดนั้นมิได้เกี่ยวข้องกับกรรมการฯอย่างใด เมื่อคณะกรรมการได้ลงมติไปตามอำนาจหน้าที่โดยชอบด้วย ก.ม.แล้ว ผู้เช่าจะอ้างเรื่องร้องเท็จนั้นมาทำลายมติของคณะกรรมการ ฯ ไม่ได้
ผู้ให้เช่าจะเข้าอยู่ในห้องเช่าต้องขอมติคณะกรรมการเมื่อคณะกรรมการฯลงมติให้ความยินยอมแก่ผู้ให้เช่าแล้ว ผู้เช่าก็ไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ต่อไป (พอได้รับมติผู้ให้เช่าก็ใช้สิทธิความมติผู้เช่าไม่ยอมออก ผู้ให้เช่า จึงฟ้องขับไล่ จำเลยโดยอ้างมติคณะกรรมการ ฯ ผู้ให้เช่าตายลงระหว่างพิจารณาก่อนได้เข้าอยู่ในห้องเช่า) แม้ผู้ให้เช่าจะยังอยู่หรือตายไปก็ตาม ผู้เช่าจะอ้างความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ต่อไปไม่ได้ ภรรยาของผู้ให้เช่าจำเลยร่วมจึงไม่จำเป็นต้องร้องขอความยินยอมจากคณะกรรมการฯใหม่ มติของคณะกรรมการฯ ในกรณีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสิทธิเฉพาะตัวของผู้ให้เช่า
ผู้ใดมีส่วนได้เสียตาม ก.ม. ในผลแห่งคดีใด อาจเข้ามาเป็นคู่ความได้ด้วยการร้องสอดโดยยื่นคำร้องต่อศาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 921/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของผู้ให้เช่าและการสิ้นสุดความคุ้มครองตามพรบ.ควบคุมค่าเช่าเมื่อมีการอนุมัติให้เข้าอยู่
พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าตลอดจนกฎกระทรวงมหาดไทยซึ่งออกตามความแห่งพระราชบัญญัตินี้มิได้บังคับให้ต้องสอบสวนผู้เช่าในกรณีที่ผู้ให้เช่าขอเข้าอยู่ในห้องเช่าการสอบสวนในที่นี้ก็คือสอบสวนความจำเป็นของผู้ให้เช่าที่จะต้องเข้าอยู่ในห้องของตนที่ให้เช่าโดยเฉพาะไม่เกี่ยวกับความจำเป็นของผู้เช่าฉะนั้นเมื่อคณะกรรมการสอบสวนผู้ให้เช่าแล้วลงมติไปโดยมิได้สอบสวนผู้เช่าเลยเช่นนี้จึงเป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ผู้ให้เช่าจะร้องเท็จหรือปิดบังคณะกรรมการฯ เกี่ยวกับเรื่องขอเข้าอยู่ในห้องเช่าอย่างใดนั้นมิได้เกี่ยวข้องกับกรรมการฯ อย่างใดเมื่อคณะกรรมการได้ลงมติไปตามอำนาจหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายแล้วผู้เช่าจะอ้างเรื่องร้องเท็จนั้นมาทำลายมติของคณะกรรมการฯ ไม่ได้
ผู้ให้เช่าจะเข้าอยู่ในห้องเช่าต้องขอมติคณะกรรมการเมื่อคณะกรรมการฯ ลงมติให้ความยินยอมแก่ผู้ให้เช่าแล้วผู้เช่าก็ไม่ได้รับความคุ้มครองจากพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯต่อไป (พอได้รับมติผู้ให้เช่าก็ใช้สิทธิตามมติผู้เช่าไม่ยอมออก ผู้ให้เช่า จึงฟ้องขับไล่จำเลยโดยอ้างมติคณะกรรมการฯ ผู้ให้เช่าตายลงระหว่างพิจารณาก่อนได้เข้าอยู่ในห้องเช่า) แม้ผู้ให้เช่าจะยังอยู่หรือตามไปก็ตามผู้เช่าจะอ้างความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ต่อไปไม่ได้ภรรยาของผู้ให้เช่าจำเลยร่วมจึงไม่จำเป็นต้องร้องขอความยินยอมจากคณะกรรมการฯ ใหม่มติของคณะกรรมการฯ ในกรณีนี้ไม่เกี่ยวกับสิทธิเฉพาะตัวของผู้ให้เช่า
ผู้ใดมีส่วนได้เสียตามกฎหมาย ในผลแห่งคดีใด อาจเข้ามาเป็นคู่ความได้ด้วยการร้องสอดโดยยื่นคำร้องขอต่อศาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 905/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในที่เช่าและการลดทอนประโยชน์จากการเช่า หากเจตนาไม่ได้ทำให้ผู้เช่าเดือดร้อน ไม่ถือเป็นความผิด
ผู้ให้เช่าเคหะตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ จำเป็นต้องรื้อส้วมของผู้เช่าเพื่อให้เจ้าหน้าที่สอบเขตที่ดิน รื้อแล้วผู้เช่าทั้งหลายต่างได้อาศัยใช้ส้วมของจำเลยแห่งอื่น ดังนี้การกระทำของจำเลยมิได้เจตนาให้ผู้เช่าเดือดร้อนอันจะกระทำให้ผู้เช่าได้รับประโยชน์ลดน้อยกว่าที่ได้ตกลงกันไว้ จำเลยยังไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 810/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้เช่าโรงเรือนในที่ดินเช่าถือเป็นบริวารของผู้เช่ารายเดิม เจ้าของที่ดินมีสิทธิขับไล่ได้
ศาลพิพากษาขับไล่ผู้เช่าที่ดินศาลบังคับขับไล่ได้ตลอดถึงผู้ที่เช่าโรงเรือนของผู้เช่าที่ดินซึ่งถือว่าเป็นบริวารของผู้เช่าด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 676-689/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการฟ้องขับไล่ของผู้เช่าและการเข้าร่วมเป็นโจทก์ของเจ้าของทรัพย์สิน
โจทก์เช่าตึกจากสำนักงานทรัพย์สิน ฯ แล้วเข้าครอบครองทรัพย์ที่เช่าไม่ได้ โดยมีผู้รบกวนขัดสิทธิ์ โจทก์ชอบที่จะขอให้ศาลเรียกผู้ให้เช่าเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมด้วยได้ตาม ป.พ.พ.ม. 477 และ 549 แต่หามีสิทธิที่จะฟ้องขับไล่โดยลำพังไม่
ค่าธรรมเนียมที่ศาลชั้นต้นเรียกแล้ว ถ้ามิได้ได้แย้งไว้แต่แรก จะมาคัดค้านในชั้นศาลฎีกา ๆ ย่อมไม่รับวินิจฉัยให้
เมื่อสำนักงานทรัพย์สิน ฯ ผู้ให้เช่าถูกหมายเรียกเข้ามาเป็นโจทก์ร่วม ย่อมมีสิทธิดำเนินคดีในฐานะเป็นโจทก์เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนแล้วก็ไม่จำเป็นยื่นฟ้องใหม่
of 59