พบผลลัพธ์ทั้งหมด 790 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 17/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปริมาณยาเสพติดและพฤติการณ์จำหน่ายมีผลต่อการกำหนดโทษที่เหมาะสม
จำเลยมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายเพียง1.22กรัมกับได้จำหน่ายไปอีกเพียงเล็กน้อยที่ศาลอุทธรณ์ให้ลงโทษจำคุกในความผิดฐานจำหน่ายมีกำหนด5ปีและในความผิดฐานมีไว้เพื่อจำหน่ายมีกำหนด5ปีเป็นการเหมาะสมแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าโดยการโยนเหยื่อลงน้ำ: พฤติการณ์บ่งชี้ความตั้งใจและเล็งเห็นผล
การที่จำเลยโยนผู้เสียหายซึ่งกำลังมึนงงหมดแรงเพราะยาสลบของจำเลยลงในคลอง ซึ่งมีน้ำลึกท่วมศีรษะ พฤติการณ์ดังนี้ส่อเจตนาของจำเลยว่าจะฆ่าผู้เสียหายโดยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าอาจทำให้ผู้เสียหายจมน้ำตาย เพราะเข้าใจว่าผู้เสียหายกำลังอยู่ในภาวะมึนงง ไม่มีแรงจะว่ายน้ำได้ อันเป็นวิธีฆ่าที่อาจอำพรางคดีได้แนบเนียนยิ่งวิธีหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าโดยการโยนผู้ถูกทำร้ายลงน้ำ: พฤติการณ์ส่อเจตนาและเล็งเห็นผล
การที่จำเลยโยนผู้เสียหายซึ่งกำลังมึนงงหมดแรงเพราะยาสลบของจำเลยลงในคลองซึ่งมีน้ำลึกท่วมศีรษะพฤติการณ์ดังนี้ส่อเจตนาของจำเลยว่าจะฆ่าผู้เสียหายโดยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าอาจทำให้ผู้เสียหายจมน้ำตาย เพราะเข้าใจว่าผู้เสียหายกำลังอยู่ในภาวะมึนงงไม่มีแรงจะว่ายน้ำได้ อันเป็นวิธีฆ่าที่อาจอำพรางคดีได้แนบเนียนยิ่งวิธีหนึ่ง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1389/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พฤติการณ์จ้องปืนและเจตนาฆ่า: การประเมินหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยจ้องปืนไปยังผู้เสียหายโดยที่นิ้วมือของจำเลยอยู่ในโกร่งไกปืน หากจำเลยมีเจตนาจะฆ่าผู้เสียหาย จำเลยก็อาจยิงได้ทันทีโดยที่ไม่มีผู้ใดอาจห้ามได้ทัน เมื่อมีผู้เข้าไปจับมือจำเลยข้างที่ถือปืนให้ปากกระบอกปืนเบนขึ้น ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยดิ้นรนขัดขืนที่จะยิงผู้เสียหาย สาเหตุโกรธเคืองที่โจทก์นำสืบก็ไม่น่าจะเป็นเหตุร้ายแรงถึงจะต้องฆ่ากัน การที่จำเลยจ้องปืนไปยังผู้เสียหายนั้น อาจเป็นการกระทำเพื่อขู่ผู้เสียหายซึ่งเคยมีเรื่องโกรธเคืองกันก็ได้ จำเลยไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1180/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการหึงหวง ศาลลดโทษเนื่องจากความสำนึกผิดและพฤติการณ์หลังเกิดเหตุ
จำเลยสำนึกผิดในการกระทำของตนต่อผู้ตายซึ่งจำเลยหลงรักถือเป็นสามีเมื่อแทงและฟันผู้ตายจนล้มลงแล้วจำเลยมีโอกาสหลบหนีไปได้แต่ไม่หลบหนีกลับเข้าประคองกอดผู้ตายไว้จนสิ้นใจตายรอให้เจ้าพนักงานมาจับตัวไปดำเนินคดีและให้การรับสารภาพเป็นการลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานด้วยความสำนึกผิดไม่ได้คิดที่จะต่อสู้คดีมาตั้งแต่ต้นการรับสารภาพของจำเลยจึงไม่ใช้รับเพราะจำนนต่อพยานหลักฐานและเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษศาลลดโทษให้จำเลยได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1077/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การรับสารภาพที่เข้าใจผิด ไม่อาจนำมารับลงโทษได้ หากพฤติการณ์ของผู้เสียหายบ่งชี้ยินยอม
คำให้การรับสารภาพที่เกิดขึ้นโดยเข้าใจผิดไม่อาจนำมารับฟังลงโทษจำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1032/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พฤติการณ์เน้นค้นหาทรัพย์สิน แม้มีข่มขู่ทำร้าย ถือเป็นความผิดพยายามชิงทรัพย์ ไม่ใช่ความผิดฐานอนาจาร
จำเลยใช้มีดปลายแหลมจี้คอผู้เสียหายพร้อมกับขู่ไม่ให้ร้องมิฉะนั้นจะปล้ำเมื่อผู้เสียหายปฏิบัติตามก็โยนเหล็กปลายแหลมทิ้งแล้วกอดผู้เสียหายไว้ใช้มือคลำคอผู้เสียหายถามหาสร้อยคอเมื่อทราบว่าไม่มีก็ถามถึงแหวนที่ผู้เสียหายสวมอยู่พอทราบว่าเป็นของปลอมก็ปล่อยมือจากการกอดผู้เสียหายวิ่งหนีไปได้พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยประสงค์ต่อทรัพย์ของผู้เสียหายเป็นสำคัญเพราะเสาะหาแต่สร้อยคอกับแหวนเท่านั้นการที่จำเลยใช้เหล็กปลายแหลมขู่จะปล้ำผู้เสียหายก็ดีกอดตัวผู้เสียหายเมื่อค้นหาทรัพย์ก็ดีเป็นการขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายและใช้กำลังประทุษร้ายตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา339การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามชิงทรัพย์ ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุกจำเลยฐานพยายามชิงทรัพย์6ปี8เดือนฐานกระทำอนาจาร4เดือนรวมจำคุก7ปี2เดือนและลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก3ปี7เดือนยังไม่ถูกต้องเมื่อรวมโทษแล้วต้องเป็นจำคุก7ปีลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก3ปี6เดือนปัญหาข้อนี้แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาแต่ก็เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยและแก้ให้ถูกต้องได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4457/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า - ทำร้ายร่างกาย - ลักษณะบาดแผล - พฤติการณ์แห่งคดี - ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่มีเจตนาฆ่า
สาเหตุที่เกิดการทำร้ายกันขึ้นเนื่องจากพวกของจำเลยยกส้นเท้าใส่ผู้เสียหาย จำเลยเดินถือมีดสำหรับปอกผลไม้ไม่ปรากฏขนาดเพราะไม่ได้มีดเป็นของกลางออกมาจากบ้าน แทงผู้เสียหายหลายครั้งในทันทีทันใด มีบาดแผลที่ด้านหลังระดับเอว 2 แผล ลึกถึงภายในท้อง แต่ไม่ทำอันตรายอวัยวะภายใน ที่ตะโพกซ้าย 1 แผล แพทย์ลงความเห็นว่าใช้เวลารักษาประมาณ 17 วัน พักต่ออีก 7 วัน ก็หายเป็นปกติ ดังนี้ยังฟังไม่ได้ว่ามีเจตนาฆ่า คงผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4457/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าหรือไม่: การพิจารณาจากบาดแผล, อาวุธ, และพฤติการณ์แห่งคดีเพื่อตัดสินความผิดฐานทำร้ายร่างกาย
สาเหตุที่เกิดการทำร้ายกันขึ้นเนื่องจากพวกของจำเลยยกส้นเท้าใส่ผู้เสียหายจำเลยเดินถือมีดสำหรับปอกผลไม้ไม่ปรากฏขนาด เพราะไม่ได้มีดเป็นของกลางออกมาจากบ้านแทงผู้เสียหายหลายครั้ง ในทันทีทันใด มีบาดแผลที่ด้านหลังระดับเอว 2 แผล ลึกถึงภายในท้อง แต่ไม่ทำอันตรายอวัยวะภายในที่ตะโพกซ้าย 1 แผลแพทย์ลงความเห็นว่า ใช้เวลารักษาประมาณ 17 วัน พักต่ออีก 7 วัน ก็หายเป็นปกติดังนี้ ยังฟังไม่ได้ว่ามีเจตนาฆ่าคงผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 418/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำทองรูปพรรณออกนอกราชอาณาจักร ไม่เข้าข่ายความผิดพยายามลักลอบนำออกไป เมื่อพิจารณาจากฐานะทางการเงินและพฤติการณ์
จำเลยมีรายได้สุทธิจากการประกอบการค้าหลายแห่งเดือนละประมาณ 40,000 บาท การที่จำเลยสวมสร้อยคอทองคำของกลางน้ำหนัก 387.2 กรัม หรือประมาณ 25 บาท ราคาหนึ่งแสนบาทเศษตามปกติไม่ได้ซ่อนเร้นหรือปิดบัง ขณะจะเดินทางไปต่างประเทศไม่เป็นการเกินฐานานุรูปของจำเลย ไม่มีความผิด