พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,459 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6828/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำหรือไม่: ประเด็นสิทธิในรถยนต์หลังปฏิบัติตามคำบังคับศาล
คดีก่อนมีประเด็นข้อพิพาทว่าโจทก์ผิดสัญญาซื้อขายรถยนต์พิพาททั้งสองคันต่อจำเลยหรือไม่ ส่วนคดีนี้มีประเด็นข้อพิพาทว่ารถยนต์คันพิพาทยังอยู่กับจำเลยหรือไม่ หรือจำเลยได้มอบรถยนต์คันพิพาทให้โจทก์แล้ว ซึ่งเป็นคนละประเด็นกันและเป็นเรื่องที่โจทก์กล่าวอ้างสิทธิที่เกิดขึ้นใหม่ภายหลังที่ได้ปฏิบัติตามคำบังคับของศาลในคดีก่อนแล้ว และไม่ปรากฏว่ามีการวินิจฉัยเกี่ยวกับเรื่องที่โจทก์ขอรถยนต์พิพาทคืนในชั้นบังคับคดีในคดีก่อนฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำหรือดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6780/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: คดีเดิมตัดสินแล้ว ห้ามฟ้องคดีประเด็นเดียวกันอีก
โจทก์กับจำเลยที่ 1 เคยฟ้องร้องกันเกี่ยวกับที่พิพาท ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 924/2528 ของศาลชั้นต้น คดีดังกล่าวกับคดีนี้มีประเด็นข้อพิพาทเช่นเดียวกันว่า จำเลยที่ 1 ซื้อที่พิพาทมาโดยชอบหรือไม่ และโจทก์หรือจำเลยที่ 1 เป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่พิพาท เมื่อศาลมีคำพิพากษาในคดีหมาย-เลขแดงที่ 924/2528 ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 144 แม้โจทก์จะฟ้องคดีนี้ก่อนศาลจะวินิจฉัยคดีหมายเลขแดงที่ 924/2528 ก็ตาม เมื่อศาลชั้นต้นได้พิจารณาชี้ขาดคดีแล้ว กรณีก็ต้องอยู่ใต้บังคับของมาตรา 144 เช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6593/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: ประเด็นเดียวกันเคยถูกวินิจฉัยแล้วในคดีก่อน ศาลไม่รับฟ้อง
จำเลยเคยเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่โจทก์คดีนี้ออกจากที่ดินพิพาทต่อมาได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมว่า โจทก์ตกลงเช่าที่ดินพิพาทจากจำเลย จำเลยตกลงให้โจทก์ซื้อที่ดินพิพาทคืน หากไม่ซื้อภายในกำหนดยอมออกไปจากที่ดินพิพาทหากผิดสัญญายินยอมให้โจทก์บังคับคดีโดยจำเลยยอมออกจากที่ดินพิพาทคดีถึงที่สุด ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่าโจทก์ไม่ได้ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยเจตนาไม่ขายที่ดินพิพาท ขอให้ยกเลิกหมายบังคับคดี ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าตามสัญญา ยกคำร้อง โจทก์มิได้อุทธรณ์คำสั่ง ดังนี้ การที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีใหม่ว่าจำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความไม่ขายที่ดินพิพาทให้โจทก์ จึงต้องห้ามมิให้ดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลชั้นต้นนั้นอีก เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำและฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6593/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ-ดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ: สัญญาประนีประนอมยอมความผูกพันคู่ความ ศาลยกฟ้อง
คดีเดิมจำเลยเป็นโจทก์ฟ้องโจทก์เป็นจำเลยแล้วทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน คดีถึงที่สุด คำพิพากษาตามยอมจึงผูกพันคู่ความ หากคู่ความไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความคู่ความชอบที่จะขอให้บังคับตามสัญญาประนีประนอมยอมความได้ซึ่งคดีเดิมโจทก์เคยยื่นคำร้องว่าโจทก์ไม่ได้ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยเจตนาไม่ขายที่ดินพิพาท ขอให้ยกเลิกหมายบังคับคดี ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา ยกคำร้อง โจทก์มิได้อุทธรณ์คำสั่ง แต่กลับมายื่นฟ้องคดีนี้ว่าจำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความไม่ขายที่ดินพิพาทให้โจทก์ ดังนี้คำร้อง ของ โจทก์ในคดีก่อนและคำฟ้องของโจทก์คดีนี้จึงมีประเด็นแห่งคดีอย่างเดียวกัน คือให้วินิจฉัยว่าโจทก์มิได้ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ คู่ความทั้งสองฝ่ายก็เป็นรายเดียวกันศาลชั้นต้นเคยวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีก่อนไปแล้วคำฟ้องของโจทก์คดีนี้เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ และฟ้องซ้ำด้วย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6394/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: การแบ่งกรรมสิทธิ์รวมตามส่วนที่ศาลเคยพิพากษาตามยอมแล้ว
ประเด็นแห่งคดีเดิมคือ โจทก์ฟ้องขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวมตามส่วนที่โจทก์และจำเลยแต่ละคนจะได้รับซึ่งระบุไว้ในฟ้องและแผนที่การครอบครองที่ดินท้ายฟ้อง ประเด็นแห่งคดีนี้คือ โจทก์ฟ้องขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวมตามส่วนในบันทึกและแผนที่การรังวัดที่ได้ตกลงกันขึ้นใหม่ท้ายฟ้อง ซึ่งบันทึกและแผนที่การรังวัดที่ได้ตกลงกันขั้นใหม่คือส่วนที่โจทก์และจำเลยแต่ละคนจะได้รับตามที่ระบุไว้ในฟ้องและแผนที่การครอบครองที่ดินท้ายฟ้องคดีก่อนที่ศาลพิพากษาตามยอมไปแล้ว เมื่อคำพิพากษาตามยอมในคดีก่อนระบุไว้ชัดเจนว่าให้แบ่งตามส่วนที่แต่ละคนจะได้รับตามที่ระบุไว้ในฟ้องและแผนที่การครอบครองที่ดินท้ายฟ้อง คดีนี้จะเบี่ยงเบนว่าให้แบ่งตามบันทึกข้อตกลงและแผนที่การรังวัดท้ายฟ้องที่ทำขึ้นใหม่โดยที่ฝ่ายจำเลยคดีนี้ไม่ยอมด้วยหาได้ไม่ คดีนี้จึงมีประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกับในคดีก่อน เป็นฟ้องซ้ำตาม ป.วิ.พ. มาตรา 148
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6394/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: การแบ่งกรรมสิทธิ์รวมที่ดิน ประเด็นเดิมกับคดีก่อน แม้มีการทำบันทึกข้อตกลงใหม่
คดีก่อนมีประเด็นแห่งคดีว่า โจทก์ฟ้องขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวมตามที่โจทก์และจำเลยแต่ละคนจะได้รับซึ่งระบุไว้ในฟ้องและแผนที่การครอบครองที่ดิน ส่วนคดีนี้มีประเด็นแห่งคดีว่าโจทก์ฟ้องขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวมตามส่วนในบันทึกและแผนที่การรังวัดที่ได้ตกลงกันขึ้นใหม่ ซึ่งบันทึกและแผนที่การรังวัดที่ได้ตกลงกันขึ้นใหม่ก็คือส่วนที่โจทก์และจำเลยแต่ละคนได้รับซึ่งระบุไว้ในฟ้องและแผนที่การครอบครองที่ดินในคดีก่อนที่ศาลได้พิพากษาตามยอมไปแล้วนั่นเอง หาใช่เป็นคนละเหตุไม่ เมื่อคำพิพากษาตามยอมในคดีก่อนระบุไว้ชัดเจนว่าให้แบ่งตามส่วนที่แต่ละคนจะได้รับตามที่ระบุไว้ในฟ้องและแผนที่การครอบครองที่ดินแล้ว คดีนี้จะเบี่ยงเบนเป็นว่าให้แบ่งตามบันทึกข้อตกลงและแผนที่การรังวัดที่ทำขึ้นใหม่โดยที่ฝ่ายจำเลยคดีนี้ไม่ยอมด้วยหาได้ไม่ คดีนี้จึงมีประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับในคดีก่อน จึงเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 632/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องภาระจำยอมซ้ำ: ประเด็นต่างกัน, ไม่เป็นฟ้องซ้ำ แม้ใช้เหตุจากลำรางสาธารณะเดียวกัน
คดีเดิมโจทก์ทั้งสี่ฟ้องจำเลยขอให้เปิดทางภาระจำยอมอ้างว่าได้ภาระจำยอมโดยอายุความเป็นทางรถยนต์กว้างประมาณ 4 เมตร แต่อ้างว่าทางพิพาทเดิมเป็นลำรางสาธารณะและตื้นเขินกลายเป็นทาง ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าเมื่อทางพิพาทเป็นลำรางสาธารณะซึ่งตื้นเขินจึงไม่อาจอ้างว่าได้ภาระจำยอมคดีถึงที่สุด คดีนี้โจทก์ทั้งสี่ฟ้องจำเลยอ้างว่าทางสาธารณะซึ่งเดิมเป็นลำรางนั้นกว้างเพียง 1.8 เมตร แต่โจทก์ทั้งสี่และชาวบ้านได้ใช้รถยนต์ผ่านทางนั้นและรุกล้ำเข้าไปในที่ดินจำเลยอีกประมาณ 2 เมตร ยาวประมาณ 18 เมตร โดยความสงบและโดยเปิดเผย ด้วยเจตนาใช้เป็นทางผ่านเข้าออกเป็นเวลากว่า10 ปี ทางกว้าง 2 เมตรจึงเป็นทางภาระจำยอม ดังนี้ประเด็นในคดีก่อนกับประเด็นในคดีนี้จึงต่างกัน คดีนี้มีประเด็นตามคำฟ้องว่า ทางกว้างประมาณ 2 เมตรยาวประมาณ 18 เมตร ในที่ดินจำเลยเป็นทางภาระจำยอมหรือไม่ ส่วนปัญหาว่าคดีก่อนโจทก์ทั้งสี่อ้างว่าลำรางสาธารณะที่ตื้นเขินกลายเป็นทางกว้างประมาณ4 เมตร จะคลุมถึงทางรถยนต์ที่โจทก์ทั้งสี่ฟ้องคดีนี้ว่าอยู่ในที่ดินของจำเลยกว้างประมาณ 2 เมตร ยาวประมาณ 18 เมตร หรือไม่นั้น จำเลยให้การในคดีก่อนว่าทางสาธารณะกว้างเพียง 1 เมตร เท่านั้น และโจทก์ทั้งสี่ใช้รถยนต์ผ่านทางเข้ามาในที่ของจำเลยกว้างประมาณ 1.8 เมตร จำเลยจึงสร้างกำแพงกั้น ดังนั้นประเด็นที่ว่าทางสาธารณะคลุมถึงทางที่โจทก์ทั้งสี่ฟ้องคดีนี้หรือไม่ ศาลยังมิได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับในคดีก่อนฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 632/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำทางภารจำยอม: ประเด็นต่างกัน แม้ใช้ที่ดินแปลงเดียวกัน ศาลล่างพิพากษาคลาด
คดีเดิมโจทก์ทั้งสี่ฟ้องจำเลยขอให้เปิดทางภารจำยอมอ้างว่าได้ภารจำยอมโดยอายุความเป็นทางรถยนต์กว้างประมาณ 4 เมตร แต่อ้างว่าทางพิพาทเดิมเป็นลำรางสาธารณะและตื้นเขินกลายเป็นทาง ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าเมื่อทางพิพาทเป็นลำรางสาธารณะซึ่งตื้นเขินจึงไม่อาจอ้างว่าได้ภารจำยอมคดีถึงที่สุด คดีนี้โจทก์ทั้งสี่ฟ้องจำเลยอ้างว่าทางสาธารณะซึ่งเดิมเป็นลำรางนั้นกว้างเพียง 1.80 เมตรแต่โจทก์ทั้งสี่และชาวบ้านได้ใช้รถยนต์ผ่านทางนั้นและรุกล้ำเข้าไปในที่ดินจำเลยอีกประมาณ 2 เมตร ยาวประมาณ18 เมตร โดยความสงบและโดยเปิดเผย ด้วยเจตนาใช้เป็นทางเข้าออกเป็นเวลากว่า 10 ปี ทางกว้าง 2 เมตรจึงเป็นทางภารจำยอม ดังนี้ประเด็นในคดีก่อนกับประเด็นในคดีนี้จึงต่างกัน คดีนี้มีประเด็นตามคำฟ้องว่า ทางกว้างประมาณ2 เมตร ยาวประมาณ 18 เมตร ในที่ดินจำเลยเป็นทางภารจำยอมหรือไม่ ส่วนปัญหาว่าคดีก่อนโจทก์ทั้งสี่อ้างว่าลำรางสาธารณะที่ตื้นเขินกลายเป็นทางกว้างประมาณ4 เมตร จะคลุมถึงทางรถยนต์ที่โจทก์ทั้งสี่ฟ้องคดีนี้ว่าอยู่ในที่ดินของจำเลยกว้างประมาณ 2 เมตร ยาวประมาณ18 เมตร หรือไม่นั้น จำเลยให้การในคดีก่อนว่าทางสาธารณะกว้างเพียง 1 เมตร เท่านั้น และโจทก์ทั้งสี่ใช้รถยนต์ผ่านทางเข้ามาในที่ของจำเลยกว้างประมาณ 1.80 เมตรจำเลยจึงสร้างกำแพงกั้น ดังนั้นประเด็นที่ว่าทางสาธารณะคลุมถึงทางที่โจทก์ทั้งสี่ฟ้องคดีนี้หรือไม่ ศาลยังมิได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับในคดีก่อนฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 632/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำทางภาระจำยอม: ประเด็นต่างกัน แม้คดีก่อนอ้างเหตุเดียวกัน ศาลฎีกายกคำพิพากษาศาลล่าง
คดีก่อนศาลวินิจฉัยว่า ทางที่โจทก์ทั้งสี่ฟ้องเดิมเป็นลำรางสาธารณะต่อมาตื้นเขินกลายเป็นทาง โจทก์ทั้งสี่จึงอ้างว่าได้ภาระจำยอมไม่ได้ แต่คดีนี้มีประเด็นว่าทางกว้างประมาณ2 เมตร ยาวประมาณ 18 เมตร ในที่ดินของจำเลยเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ทั้งสี่หรือไม่ ประเด็นที่โจทก์ทั้งสี่ฟ้องจำเลยในคดีนี้ จึงมิใช่ประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับในคดีก่อนฟ้องของโจทก์ทั้งสี่จึงมิใช่ฟ้องซ้ำกับคดีก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6221/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: ประเด็นหนี้สินที่เคยยกเป็นข้อต่อสู้ในคดีแบ่งสินสมรสแล้ว แม้ไม่ได้ระบุในสัญญาประนีประนอมยอมความ ก็ถือเป็นฟ้องซ้ำ
จำเลยเคยฟ้องโจทก์ขอให้ส่งมอบสินส่วนตัวและแบ่งสินสมรส โจทก์ให้การประการหนึ่งว่าโจทก์เป็นหนี้ธนาคารซึ่งโจทก์กู้มาใช้ในครอบครัว หากต้องแบ่งสินสมรสให้จำเลยแล้วจะต้องหักเงินดังกล่าวกึ่งหนึ่งให้โจทก์ด้วย ต่อมาโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยไม่ได้กล่าวถึงหนี้ดังกล่าวศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุดการที่โจทก์นำหนี้สินซึ่งเป็นประเด็นข้อพิพาทในคดีก่อนมาฟ้องเป็นคดีอีก จึงเป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 วรรคแรก