พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,473 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5615/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดอำนาจศาล: นำยาเสพติดเข้าบริเวณศาล และการหลบหนีหลังถูกตรวจพบ
ผู้ถูกกล่าวหานำเมทแอมเฟตามีนเข้าไปที่หน้าห้องควบคุมตัวผู้ต้องขังของศาลซึ่งอยู่ในบริเวณศาลอันเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลอันเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31(1),33 ประกอบกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5585/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับเนื่องจากจำเลยยื่นฎีกาเกินกำหนด และศาลฎีกายกฟ้องฐานครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่ายเนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ
ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังเมื่อวันที่ 26 มกราคมและมีคำสั่งขยายระยะเวลายื่นฎีกาให้แก่จำเลยถึงวันที่ 17 มีนาคม จำเลยยื่นฎีกาเมื่อวันที่ 16 มีนาคม โดยไม่ได้ยื่นคำร้องขอใช้สิทธิตามมาตรา 221 มาพร้อมด้วย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาจำเลยเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ต่อมาวันที่ 20 มีนาคม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิ่มเติมในฎีกาจำเลยเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว และให้จำเลยแถลงหรือยื่นคำร้องต่อศาลภายในวันที่ 21 มีนาคมว่าประสงค์จะให้ผู้พิพากษาผู้มีอำนาจอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่ หากไม่ยื่นคำร้องภายในวันดังกล่าวก็ให้ถือว่าศาลมีคำสั่งไม่รับฎีกา การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งกำหนดวันให้จำเลยยื่นคำแถลงหรือยื่นคำร้องตามมาตรา 221 เท่ากับเป็นการมีคำสั่งขยายระยะเวลาที่เกี่ยวด้วยวิธีพิจารณา ซึ่งจะกระทำได้ต่อเมื่อพฤติการณ์พิเศษและศาลได้มีคำสั่งหรือคู่ความมีคำขอขึ้นมาก่อนสิ้นระยะเวลานั้น เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 เมื่อจำเลยไม่ได้ยื่นคำร้องขอใช้สิทธิตามมาตรา 221 จนล่วงพ้นกำหนดยื่นฎีกาและไม่มีเหตุสุดวิสัยการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งกำหนดวันให้จำเลยดำเนินการดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายจำเลยไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษารับรองตามมาตรา 221 เมื่อพ้นกำหนดยื่นฎีกา แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาแต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยได้ดังนั้น คำสั่งของผู้พิพากษาที่รับรองให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนและคำสั่งศาลชั้นต้นที่รับฎีกาจำเลยในความผิดดังกล่าว จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคหนึ่ง และมาตรา 221
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5282/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายยาเสพติด: การพิสูจน์เจตนาจำหน่ายและการลดโทษจากคำรับสารภาพ
ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 วรรคหนึ่งกำหนดโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงจำคุกตลอดชีวิต ดังนั้น แม้จำเลยที่ 3จะให้การรับสารภาพ ศาลจะต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยที่ 3 ผิดจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 176 วรรคหนึ่ง เว้นแต่ของกลางจะมีจำนวนตามข้อสันนิษฐานของกฎหมายที่ให้ถือว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย
ของกลางในคดีนี้คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้หนัก 11.4 กรัมไม่ถึง 20 กรัม ไม่ต้องด้วยข้อสันนิษฐานตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง โจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบให้ได้ความจริง
พนักงานสอบสวนตั้งข้อหาจำเลยทั้งสามว่ามียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเนื่องจากของกลางมีจำนวนมากแต่ไม่มีพฤติการณ์อื่นใดอีก เช่น มีการล่อซื้อ หรือมีพยานยืนยันว่าเคยซื้อหรือเคยล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยทั้งสาม และตามทางนำสืบโจทก์รับฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองแม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะมิได้ฎีกาเรื่องนี้ขึ้นมาโดยตรงและจำเลยที่ 3 ฎีกาแต่เฉพาะขอให้ลงโทษจำเลยที่ 3 สถานเบา แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้
เมื่อศาลฎีกาจะต้องกำหนดโทษใหม่ให้เหมาะสม จึงไม่ต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยว่าสมควรลดโทษให้จำเลยอีกหรือไม่
ของกลางในคดีนี้คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้หนัก 11.4 กรัมไม่ถึง 20 กรัม ไม่ต้องด้วยข้อสันนิษฐานตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง โจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบให้ได้ความจริง
พนักงานสอบสวนตั้งข้อหาจำเลยทั้งสามว่ามียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเนื่องจากของกลางมีจำนวนมากแต่ไม่มีพฤติการณ์อื่นใดอีก เช่น มีการล่อซื้อ หรือมีพยานยืนยันว่าเคยซื้อหรือเคยล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยทั้งสาม และตามทางนำสืบโจทก์รับฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองแม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะมิได้ฎีกาเรื่องนี้ขึ้นมาโดยตรงและจำเลยที่ 3 ฎีกาแต่เฉพาะขอให้ลงโทษจำเลยที่ 3 สถานเบา แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้
เมื่อศาลฎีกาจะต้องกำหนดโทษใหม่ให้เหมาะสม จึงไม่ต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยว่าสมควรลดโทษให้จำเลยอีกหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5282/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย: โทษฐานครอบครองเมื่อปริมาณไม่ถึงเกณฑ์ 'เพื่อจำหน่าย' ศาลต้องพิสูจน์การกระทำผิดจริง
ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 วรรคหนึ่งกำหนดโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงจำคุกตลอดชีวิต ดังนั้น แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ ศาลจะต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยผิดจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 176 วรรคหนึ่ง เว้นแต่ของกลางจะมีจำนวนตามข้อสันนิษฐานของกฎหมายที่ให้ถือว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย เมื่อของกลางในคดีนี้คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้หนัก 11.4 กรัม ไม่ถึง 20 กรัม ไม่ต้องด้วยข้อสันนิษฐานตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสองโจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบให้ได้ความจริงตามหลักกฎหมายดังกล่าวข้างต้น
จากคำเบิกความของร้อยตำรวจเอก ว. ได้ความว่า ที่ตั้งข้อหาว่ามียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เนื่องจากของกลางมีจำนวนมากเท่านั้น ไม่มีพฤติการณ์อื่นใดอีก เช่น มีการล่อซื้อหรือมีพยานยืนยันว่าเคยซื้อหรือเคยล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยทั้งสาม ตามทางนำสืบโจทก์จึงรับฟังได้แต่เพียงว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเท่านั้น แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะมิได้ฎีกาเรื่องนี้ขึ้นมาโดยตรง และจำเลยที่ 3 ฎีกาแต่เฉพาะขอให้ลงโทษจำเลยที่ 3สถานเบา แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้และเมื่อฟังว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง ซึ่งศาลฎีกาจะต้องกำหนดโทษใหม่ให้เหมาะสม จึงไม่ต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยที่ 3 ว่าสมควรลดโทษให้จำเลยที่ 3 อีกหรือไม่
จากคำเบิกความของร้อยตำรวจเอก ว. ได้ความว่า ที่ตั้งข้อหาว่ามียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เนื่องจากของกลางมีจำนวนมากเท่านั้น ไม่มีพฤติการณ์อื่นใดอีก เช่น มีการล่อซื้อหรือมีพยานยืนยันว่าเคยซื้อหรือเคยล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยทั้งสาม ตามทางนำสืบโจทก์จึงรับฟังได้แต่เพียงว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเท่านั้น แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะมิได้ฎีกาเรื่องนี้ขึ้นมาโดยตรง และจำเลยที่ 3 ฎีกาแต่เฉพาะขอให้ลงโทษจำเลยที่ 3สถานเบา แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้และเมื่อฟังว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง ซึ่งศาลฎีกาจะต้องกำหนดโทษใหม่ให้เหมาะสม จึงไม่ต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยที่ 3 ว่าสมควรลดโทษให้จำเลยที่ 3 อีกหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 501/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บัตรโดยสารเครื่องบินเป็นอุปกรณ์ช่วยเหลือการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จึงต้องถูกริบ
การเดินทางออกนอกราชอาณาจักรทางเครื่องบิน ผู้เดินทางจำต้องมีบัตรโดยสารเครื่องบินสำหรับเที่ยวบนที่ตนจะเดินทางให้ถูกต้องเสียก่อนมิฉะนั้นการเดินทางดังกล่าวจะเกิดขึ้นมิได้เพราะพนักงานสายการบินจะยินยอมให้เฉพาะผู้มีบัตรโดยสารเครื่องบินเท่านั้นผ่านขึ้นเครื่องบินได้ ผู้คัดค้านมีบัตรโดยสารเครื่องบินของกลางที่ระบุชื่อผู้เดินทางคือผู้คัดค้านถูกต้องตรงกับหนังสือเดินทางที่จะช่วยให้ผู้คัดค้านสามารถเดินทางออกนอกราชอาณาจักรได้สำเร็จ และหากผู้คัดค้านเดินทางถึงที่หมายก็จะได้รับผลจากการนำยาเสพติดให้โทษออกนอกราชอาณาจักร เช่นนี้ บัตรโดยสารเครื่องบินของกลางจึงเป็นทรัพย์ที่ช่วยเหลือเกื้อหนุนหรืออีกนัยหนึ่งคือเป็นอุปกรณ์ให้ผู้คัดค้าน สามารถรับผลในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดต้องถูกริบเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 30,31
ฎีกาผู้คัดค้านที่ว่า การกระทำของผู้คัดค้านยังไม่ถึงขั้นพยายามส่งยาเสพติดออกนอกราชอาณาจักรโดยกล่าวอ้างข้อเท็จจริงต่าง ๆ เพิ่มเติมนอกเหนือจากที่ได้กล่าวไว้ในคำร้องคัดค้าน จึงเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่งประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 แม้ศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยให้ก็ไม่ทำให้ฎีกาของผู้คัดค้านข้อนี้กลับเป็นฎีกาที่ชอบด้วยกฎหมายขึ้นมาได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
ฎีกาผู้คัดค้านที่ว่า การกระทำของผู้คัดค้านยังไม่ถึงขั้นพยายามส่งยาเสพติดออกนอกราชอาณาจักรโดยกล่าวอ้างข้อเท็จจริงต่าง ๆ เพิ่มเติมนอกเหนือจากที่ได้กล่าวไว้ในคำร้องคัดค้าน จึงเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่งประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 แม้ศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยให้ก็ไม่ทำให้ฎีกาของผู้คัดค้านข้อนี้กลับเป็นฎีกาที่ชอบด้วยกฎหมายขึ้นมาได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 501/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บัตรโดยสารเครื่องบินเป็นอุปกรณ์ช่วยเหลือการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จึงต้องถูกริบตามกฎหมาย
การเดินทางออกราชอาณาจักรทางเครื่องบิน ผู้เดินทางจำต้องมีบัตรโดยสารเครื่องบินสำหรับเที่ยวบินที่ตนจะเดินทางให้ถูกต้องเสียก่อน มิฉะนั้นการเดินทางดังกล่าวจะเกิดขึ้นมิได้ด้วยพนักงานสายการบินจะยินยอมให้เฉพาะผู้มีบัตรโดยสารเครื่องบินเท่านั้นผ่านขึ้นเครื่องบินได้ ผู้คัดค้านมีบัตรโดยสารเครื่องบินของกลางที่ระบุชื่อผู้เดินทางคือผู้คัดค้านถูกต้องตรงกับหนังสือเดินทางที่จะช่วยให้ผู้คัดค้านสามารถเดินทางออกนอกราชอาณาจักรได้สำเร็จและหากผู้คัดค้านเดินทางถึงที่หมายก็จะได้รับผลจากการนำยาเสพติดให้โทษออกนอกราชอาณาจักร บัตรโดยสารเครื่องบินของกลางจึงเป็นทรัพย์ที่ช่วยเหลือเกื้อหนุนโดยเป็นอุปกรณ์ให้ผู้คัดค้านสามารถรับผลในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดต้องถูกริบเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามพระราชบัญญัติ มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 30,31
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4956/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพร่วมกับพยานหลักฐานอื่น เชื่อได้ว่าจำเลยมีส่วนร่วมในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
แม้ตามทางสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนจับกุมทราบเพียงว่าจำเลยที่ 3 และที่ 4 กับพวกอีกสองคนจะมาส่งมอบเมทแอมเฟตามีน โดยไม่ได้ระบุชื่อจำเลยที่ 2 ด้วยก็ตาม แต่จำเลยที่ 2 ก็ร่วมเดินทางมาในรถยนต์คันเดียวกับจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ซึ่งมีห่อเมทแอมเฟตามีนวางอยู่ที่เบาะด้านหลังในชั้นจับกุมจำเลยต่างรับสารภาพว่าได้ร่วมกันนำเมทแอมเฟตามีนมาส่งมอบแก่ลูกค้า ซึ่งเป็นคำรับสารภาพในชั้นต้นทันทีที่ถูกจับ ยังมิได้มีโอกาสคิดปรุงแต่งเรื่องให้ผิดไปจากความจริง คำรับสารภาพของจำเลยที่ 2 สอดคล้องกับจำเลยที่ 3 และที่ 4 ซึ่งมีรายละเอียดของบุคคลที่เกี่ยวข้องและขั้นตอนของการกระทำผิดตั้งแต่ต้นจนกระทั่งถูกจับ จึงน่าเชื่อว่าเป็นการรับสารภาพตามความเป็นจริงโดยสมัครใจ รับฟังลงโทษจำเลยที่ 2 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4938/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องความผิดพยายามส่งออกยาเสพติด จำเป็นต้องระบุเจตนาเพื่อจำหน่าย
ตามฟ้องในความผิดพยายามส่งเฮโรอีนของกลางออกนอกราชอาณาจักร โจทก์ไม่บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดดังกล่าวเพื่อจำหน่าย ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยฐานพยายามส่งเฮโรอีนของกลางออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย จึงไม่ถูกต้องแม้ปัญหาดังกล่าวจำเลยจะไม่ฎีกา แต่ก็เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสองประกอบด้วยมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4934/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันครอบครองและจำหน่ายยาเสพติด (เมทแอมเฟตามีน) โดยมีเจตนาและรู้เห็นการกระทำ
จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 202 เม็ด คำนวณน้ำหนักเป็นสารบริสุทธิ์ 2.019 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำเลยที่ 1ได้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวจำนวน 2 เม็ด ให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อ ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ได้นั่งอยู่กับจำเลยที่ 1 ขณะที่สายลับเข้าไปล่อซื้อ และจำเลยที่ 2 เป็นผู้เดินไปหยิบเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2 เม็ด จากที่ซุกซ่อนมาส่งให้แก่สายลับตามที่จำเลยที่ 1 ใช้ แสดงว่าจำเลยที่ 2 รู้อยู่ก่อนว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางทั้งหมดซุกซ่อนอยู่ที่ใด อันเป็นกระบวนการส่วนหนึ่งของการมีส่วนร่วมครอบครองและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของจำเลยที่ 1 ย่อมฟังได้ชัดแจ้งว่า จำเลยที่ 2 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยไม่ได้รับอนุญาต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4934/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันครอบครองและจำหน่ายยาเสพติด: การกระทำที่แสดงถึงความรู้และมีส่วนร่วม
จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 202 เม็ด คำนวณน้ำหนักเป็นสารบริสุทธิ์ 2.019 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำเลยที่ 1ได้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวจำนวน 2 เม็ด ให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ได้นั่งอยู่กับจำเลยที่ 1 ขณะที่สายลับเข้าไปล่อซื้อและจำเลยที่ 2 เป็นผู้เดินไปหยิบเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2 เม็ด จากที่ซุกซ่อนมาส่งให้แก่สายลับตามที่จำเลยที่ 1 ใช้ แสดงว่าจำเลยที่ 2รู้อยู่ก่อนว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางทั้งหมดซุกซ่อนอยู่ที่ใด อันเป็นกระบวนการส่วนหนึ่งของการมีส่วนร่วมครอบครองและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของจำเลยที่ 1 ย่อมฟังได้ชัดแจ้งว่า จำเลยที่ 2ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยไม่ได้รับอนุญาต