คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยินยอม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 676 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1802/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การค้ำประกันและการยินยอมเปลี่ยนแปลงหนี้: ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดตามจำนวนหนี้ที่ยินยอมล่าสุด
จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีกับโจทก์เป็นจำนวนไม่เกิน 150,000 บาท จำเลยที่ 2 ทำหนังสือสัญญาเป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ต่อมาจำเลยที่ 1 ขอเพิ่มจำนวนเงินเบิกเกินบัญชีอีก150,000 บาท และขอต่ออายุสัญญาอีก 2 ครั้ง จำเลยที่ 2ลงชื่อรับทราบถึงการขอต่ออายุสัญญา และจำนวนหนี้ที่จำเลยที่ 1เป็นหนี้โจทก์ด้วย ครั้งหลังสุดจำเลยที่ 1 ยอมรับว่ายังคงเป็นหนี้โจทก์อยู่เป็นเงิน 1,163,475.31 บาท จำเลยที่ 2 ลงชื่อรับทราบถึงการขอต่ออายุสัญญานี้ และจำนวนหนี้ที่จำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์และยินยอมเข้าค้ำประกันจำเลยที่ 1 ต่อไปตามข้อกำหนดแห่งสัญญาที่ได้ทำไว้นั้นดังนี้ จำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ในวงเงิน 1,163,475.31 บาท ที่จำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์อยู่ครั้งหลังสุด ตามที่จำเลยที่ 2 ยินยอมเข้าค้ำประกันจำเลยที่ 1 ด้วย
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2516)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1802/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การค้ำประกันและการยินยอมเปลี่ยนแปลงสัญญา ก่อให้เกิดความผูกพันตามจำนวนหนี้ที่เพิ่มขึ้น
จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีกับโจทก์เป็นจำนวนไม่เกิน 150,000 บาท จำเลยที่ 2 ทำหนังสือสัญญาเป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ต่อมาจำเลยที่ 1 ขอเพิ่มจำนวนเงินเบิกเกินบัญชีอีก 150,000 บาท และขอต่ออายุสัญญาอีก 2 ครั้ง จำเลยที่ 2 ลงชื่อรับทราบถึงการขอต่ออายุสัญญา และจำนวนหนี้ที่จำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์ด้วย ครั้งหลังสุดจำเลยที่ 1 ยอมรับว่ายังคงเป็นหนี้โจทก์อยู่เป็นเงิน 1,163,475.31 บาท จำเลยที่ 2 ลงชื่อรับทราบถึงการขอต่ออายุสัญญานี้ และจำนวนหนี้ที่จำเลยที่ 1 ต่อไปตามข้อกำหนดแห่งสัญญาที่ได้ทำไว้นั้น ดังนี้ จำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ในวงเงิน 1,163,475.31 บาท ที่จำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์อยู่ครั้งหลังสุด ตามที่จำเลยที่ 2 ยินยอมเข้าค้ำประกันจำเลยที่ 1 ด้วย (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2516)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 864/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจผู้ปกครองในการยินยอมรับบุตรบุญธรรม: การมอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินการจดทะเบียน
ผู้ปกครองของผู้เยาว์ตามคำสั่งศาลย่อมเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์มีอำนาจที่จะให้ความยินยอมในการรับบุตรบุญธรรมฉะนั้นเมื่อผู้แทนโดยชอบธรรมได้แสดงเจตนาให้ความยินยอมในการที่จะให้ผู้อื่นรับผู้เยาว์เป็นบุตรบุญธรรมแล้วผู้แทนโดยชอบธรรมย่อมตั้งตัวแทนไปทำการจดทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมแทนตนได้ เพราะการลงชื่อในทะเบียนเป็นเพียงแบบพิธีของกฎหมายเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2783/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิเช่าต้องได้รับความยินยอมจากผู้ให้เช่า มิฉะนั้นสัญญาเช่าที่ทำกับผู้อื่นไม่มีผลผูกพัน
บันทึกข้อตกลงที่ผู้เช่าโอนสิทธิการเช่าให้โจทก์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้เช่า ไม่มีผลให้สิทธิการเช่าของผู้เช่าโอนไปยังโจทก์
สัญญาเช่าตึกแถวมีข้อความว่า ผู้ให้เช่ายินยอมให้เช่าช่วงได้แต่ต้องได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ให้เช่า ก่อนถ้าผู้เช่าให้โจทก์เช่าช่วงโดยผู้ให้เช่าไม่ได้ให้ความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร สัญญาเช่าระหว่างผู้เช่ากับโจทก์ย่อมไม่มีผลผูกพันผู้ให้เช่า ดังนั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิและไม่มีอำนาจให้จำเลยเช่าช่วงต่อและไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกไปจากตึกแถวที่เช่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 241/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมขึ้นค่าเช่าที่ดินนอกอัตราควบคุม ไม่ขัดต่อกฎหมายควบคุมการเช่า
พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 มิใช่เป็นกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนทั้งหมด
มาตรา 11 ห้ามแต่ผู้ให้เช่ามิให้เรียกร้องขึ้นค่าเช่า แต่มิได้ห้ามผู้เช่าที่ตกลงยินยอมให้ค่าเช่าโดยสมัครใจ
ผู้เช่ายินยอมให้ขึ้นค่าเช่าที่ดินซึ่งอยู่นอกอัตราค่าเช่าควบคุมแล้ว ย่อมไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 241/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมให้ขึ้นค่าเช่าที่ดินนอกอัตราควบคุม ไม่อยู่ในบังคับมาตรา 11 พ.ร.บ.ควบคุมการเช่า
พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 มิใช่เป็นกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนทั้งหมด
มาตรา 11 ห้ามแต่ผู้ให้เช่ามิให้เรียกร้องขึ้นค่าเช่า แต่มิได้ห้ามผู้เช่าที่ตกลงยินยอมให้ค่าเช่าโดยสมัครใจ
ผู้เช่ายินยอมให้ขึ้นค่าเช่าที่ดินซึ่งอยู่นอกอัตราค่าเช่าควบคุมแล้ว ย่อมไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 196/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าช่วงที่ดินและการคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมการเช่าเคหะฯ ผู้ซื้อที่ดินต้องรับสิทธิและหน้าที่เดิม
จ.เคยฟ้องขับไล่ ส.ออกจากที่ดิน ศาลวินิจฉัยว่าการที่ ส.ให้ผู้อื่นเช่าช่วงที่ดินแปลงนี้ ไม่ได้รับความยินยอมให้เช่าช่วงจาก อ.เจ้าของที่ดินเดิม ดังนี้ หาผูกพันโจทก์จำเลยในคดีนี้ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่
ถึงแม้โจทก์อ้างคำพิพากษาดังกล่าวเป็นพยานก็ตาม การที่ศาลฟังข้อเท็จจริงในคดีนี้โดยวินิจฉัยพยานหลักฐานจากที่ปรากฏในบันทึกท้ายสัญญาเช่าระหว่างผู้ให้เช่า กับ ส. ผู้เช่าว่า อ.ยอมให้ ส. ให้เช่าช่วงที่ดินแปลงนี้ได้ มิใช่เป็นการวินิจฉัยฝ่าฝืนพยานหลักฐานในสำนวน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1927/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร แม้ผู้เยาว์ยินยอม ศาลลงโทษตาม ม.319 ได้
หญิงผู้เสียหายอายุ 16 ปี ยังอยู่ในความปกครองของบิดามารดา จำเลยมีภรรยาและบุตรอยู่แล้ว ได้พาผู้เสียหายไปด้วยความยินยอมของผู้เสียหาย และกระทำชำเราผู้เสียหายโดยผู้เสียหายก็สมัครใจ ดังนี้ ก็ถือว่าจำเลยพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319
ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 318 ซึ่งมีโทษหนักกว่าโดยอ้างว่าผู้เสียหายไม่เต็มใจไปด้วย ข้อเท็จจริงได้ความว่าผู้เสียหายเต็มใจไปด้วยกับจำเลย อันเป็นกรณีตามมาตรา 319 ซึ่งมีโทษเบากว่า ศาลย่อมลงโทษจำเลยตามมาตรา319 ได้ เพราะการพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร จะโดยลักษณะที่ผู้เยาว์เต็มใจไปด้วยหรือไม่เต็มใจไปด้วยประมวลกฎหมายอาญาก็บัญญัติว่าเป็นความผิดอยู่แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 658/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เอกสารปลอมที่มีลายเซ็นชื่อผู้อื่น แม้ผู้เสียหายยินยอม ก็ยังถือเป็นเอกสารปลอม แต่ความเสียหายขึ้นอยู่กับผลกระทบต่อศาล
ผู้เสียหายได้รู้เห็นยินยอมให้ผู้อื่นเซ็นชื่อแทนในใบแต่งทนายเมื่อมีผู้นำใบแต่งทนายนั้นไปให้ทนายทำคำร้องยื่นต่อศาลความเสียหายที่จะมีแก่ผู้เสียหายจึงไม่มีผู้เสียหายจึงไม่เป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย
เมื่อจำเลยนำคำร้องที่มีลายเซ็นชื่อผู้เสียหายปลอมโดยให้ผู้อื่นเซ็นชื่อแทนมายื่นต่อศาล ย่อมจะเห็นได้ว่าน่าจะเสียหายแก่ศาลในการรับคำร้องนั้นไว้พิจารณา จำเลยจึงมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ประกอบด้วยมาตรา 264

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 658/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เอกสารปลอมแม้ผู้เสียหายยินยอม: ความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตาม ป.อาญา มาตรา 268 เมื่อความเสียหายแก่ศาล
ผู้เสียหายได้รู้เห็นยินยอมให้ผู้อื่นเซ็นชื่อแทนในใบแต่งทนาย เมื่อมีผู้นำใบแต่งทนายนั้นไปให้ทนายทำคำร้องยื่นต่อศาล ความเสียหายที่จะมีแก่ผู้เสียหาย จึงไม่มีผู้เสียหาย จึงไม่เป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย
เมื่อจำเลยนำคำร้องที่มีลายเซ็นชื่อผู้เสียหายปลอมโดยให้ผู้อื่นเซ็นชื่อแทนมายื่นต่อศาล ย่อมจะเห็นได้ว่าน่าจะเสียหายแก่ศาลในการรับคำร้องนั้นไว้พิจารณา จำเลยจึงมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ประกอบด้วยมาตรา 264
of 68