พบผลลัพธ์ทั้งหมด 620 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 46/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรวมโทษที่รอการลงโทษ: จำเป็นต้องมีคำขอจากโจทก์ ศาลไม่อาจรวมโทษเองได้
ฟ้องโจทก์มิได้มีคำขอให้บวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีนี้ ศาลจึงเอาโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3805/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอการลงโทษต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันในความผิดหลายกระทงที่เกิดจากการกระทำความผิดเดียวกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำเลยฐานเสพเฮโรอีน จำคุก 1 ปีฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครอง จำคุก 2 ปี ศาลอุทธรณ์แก้เป็นให้รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี ดังนี้ โจทก์ฎีกาขอมิให้รอการลงโทษฐานเสพเฮโรอีนไม่ได้ เพราะเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
การกระทำฝ่าฝืนกฎหมายฉบับเดียวกันในคราวเดียวกัน แม้จะเป็น ความผิด 2 กระทง หากศาลจะรอการลงโทษหรือไม่รอการลงโทษก็ควรจะเป็นอย่างเดียวกัน มิใช่กระทงหนึ่งรอการลงโทษ แต่อีกกระทงหนึ่งไม่รอการลงโทษ
การกระทำฝ่าฝืนกฎหมายฉบับเดียวกันในคราวเดียวกัน แม้จะเป็น ความผิด 2 กระทง หากศาลจะรอการลงโทษหรือไม่รอการลงโทษก็ควรจะเป็นอย่างเดียวกัน มิใช่กระทงหนึ่งรอการลงโทษ แต่อีกกระทงหนึ่งไม่รอการลงโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3805/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอการลงโทษที่ควรเป็นไปในทิศทางเดียวกันสำหรับความผิดหลายกระทงที่เกิดจากกฎหมายฉบับเดียวกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำเลยฐานเสพเฮโรอีนจำคุก 1 ปี ฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครอง จำคุก 2 ปี ศาลอุทธรณ์แก้เป็น ให้รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี ดังนี้ โจทก์ฎีกาขอมิให้รอการลงโทษ ฐานเสพเฮโรอีนไม่ได้ เพราะเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้าม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 การกระทำฝ่าฝืนกฎหมายฉบับเดียวกันในคราวเดียวกัน แม้จะเป็น ความผิด2กระทงหากศาลจะรอการลงโทษหรือไม่รอการลงโทษก็ควรจะเป็น อย่างเดียวกันมิใช่กระทงหนึ่งรอการลงโทษแต่อีกกระทงหนึ่งไม่รอการลงโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3116/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินยักยอกที่นำมาวางศาลเพื่อรอการลงโทษ ถือเป็นของผู้เสียหาย แม้ศาลไม่อนุญาตให้คืนหรือใช้เงิน
จำเลยถูกฟ้องหาว่ายักยอกเงินจำนวน 44,000 บาท ซึ่งจำเลยกับผู้เสียหายเป็นเจ้าของร่วมกันคนละครึ่ง ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาจำเลยให้การรับสารภาพและได้นำเงินจำนวน 44,000 บาท มาวางศาลและแถลงขอให้ผู้เสียหายมารับส่วนของผู้เสียหายจำนวน 22,000 บาทไปได้ เช่นนี้เงินจำนวน 22,000 บาท จึงเป็นของผู้เสียหาย แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษายกคำขอของโจทก์ที่ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินแก่ผู้เสียหายก็ไม่ทำให้เงินจำนวนนี้กลับกลายเป็นของจำเลย จำเลยไม่มีสิทธิมาขอรับคืน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1742/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษในคดีฝิ่นเมื่อพ้นโทษไม่ครบ 3 ปี: ศาลฎีกาตัดสินว่าการรอการลงโทษไม่ถือเป็นการพ้นโทษ
คำว่าพ้นโทษตามมาตรา 68 แห่งพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ.2472 ก็คือพ้นโทษที่ได้รับจริงๆ ในคดีก่อน เมื่อในคดีก่อนจำเลยไม่ได้รับโทษจำคุกโดยศาลรอการลงโทษไว้มีกำหนด 1ปี จึงไม่มีวันพ้นโทษจำคุกที่จะถือเอาเป็นเกณฑ์ในการเพิ่มโทษจำเลยได้ และการที่ศาลรอการลงโทษจำคุกไว้ก็ไม่ใช่โทษซึ่งเมื่อครบ 1 ปีตามที่รอไว้แล้วจะได้เป็นการพ้นโทษไปได้ในตัว ทั้งมาตรา 58 วรรคสองแห่งประมวลกฎหมายอาญาก็บัญญัติไว้ด้วยว่า ถ้าภายในเวลาที่ศาลได้กำหนดตามมาตรา 56 ผู้นั้นมิได้กระทำความผิดดังกล่าวในวรรคแรกของ มาตรา 58 นั้น ก็ให้ผู้นั้นพ้นจากการที่จะถูกลงโทษในคดีนั้นซึ่งก็แสดงอยู่ชัดแจ้งว่าผู้นั้นหรือจำเลยไม่เคยถูกลงโทษมาก่อนนั่นเอง กรณีจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยพ้นโทษแล้วยังไม่ครบ 3 ปี มากระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติฝิ่นนี้อีก จึงเพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา 68 แห่งพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ.2472 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1742/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษทางอาญาเมื่อพ้นโทษไม่ครบ 3 ปี: การรอการลงโทษไม่ถือเป็นการพ้นโทษ
คำว่าพ้นโทษตามมาตรา 68 แห่งพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ.2472ก็คือพ้นโทษที่ได้รับจริงๆในคดีก่อนเมื่อในคดีก่อนจำเลยไม่ได้รับโทษจำคุกโดยศาลรอการลงโทษไว้มีกำหนด 1ปีจึงไม่มีวันพ้นโทษจำคุกที่จะถือเอาเป็นเกณฑ์ในการเพิ่มโทษจำเลยได้และการที่ศาลรอการลงโทษจำคุกไว้ ก็ไม่ใช่โทษซึ่งเมื่อครบ 1 ปีตามที่รอไว้แล้วจะได้เป็นการพ้นโทษไปได้ในตัวทั้งมาตรา 58 วรรคสองแห่งประมวลกฎหมายอาญาก็บัญญัติไว้ด้วยว่าถ้าภายในเวลาที่ศาลได้กำหนดตามมาตรา 56 ผู้นั้นมิได้กระทำความผิดดังกล่าวในวรรคแรกของ มาตรา 58 นั้น ก็ให้ผู้นั้นพ้นจากการที่จะถูกลงโทษในคดีนั้นซึ่งก็แสดงอยู่ชัดแจ้งว่าผู้นั้นหรือจำเลยไม่เคยถูกลงโทษมาก่อนนั่นเองกรณีจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยพ้นโทษแล้วยังไม่ครบ 3 ปี มากระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติฝิ่นนี้อีกจึงเพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา 68 แห่งพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ.2472 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3283/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคำรับสารภาพและดุลพินิจรอการลงโทษ ศาลฎีกาไม่อนุญาตฎีกา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุก 6 เดือนและรอการลงโทษไว้ ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ปัญหาที่ว่าคำให้การรับสารภาพของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาหรือไม่ เป็นปัญหาที่ต้องวินิจฉัยโดยอาศัยข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวน จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ข้อที่ศาลวินิจฉัยว่าจำเลยได้บรรเทาผลร้ายแห่งความผิด โดยนำเงินตามเช็คพิพาทไปชำระแก่โจทก์แล้ว ประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยกระทำผิดมาก่อนจึงเห็นสมควรรอการลงโทษแก่จำเลย เป็นการใช้ดุลพินิจในการกำหนดโทษ โจทก์ฎีกาว่าเป็นการคลาดเคลื่อนต่อกฎหมาย แต่มิได้ฎีกาว่าศาลล่างฟังข้อเท็จจริงนอกสำนวนผิดต่อกฎหมายแต่อย่างใด จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ปัญหาที่ว่าคำให้การรับสารภาพของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาหรือไม่ เป็นปัญหาที่ต้องวินิจฉัยโดยอาศัยข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวน จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ข้อที่ศาลวินิจฉัยว่าจำเลยได้บรรเทาผลร้ายแห่งความผิด โดยนำเงินตามเช็คพิพาทไปชำระแก่โจทก์แล้ว ประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยกระทำผิดมาก่อนจึงเห็นสมควรรอการลงโทษแก่จำเลย เป็นการใช้ดุลพินิจในการกำหนดโทษ โจทก์ฎีกาว่าเป็นการคลาดเคลื่อนต่อกฎหมาย แต่มิได้ฎีกาว่าศาลล่างฟังข้อเท็จจริงนอกสำนวนผิดต่อกฎหมายแต่อย่างใด จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3283/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 218 ว.อาญา กรณีโต้แย้งดุลพินิจศาลล่างในการรอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน และรอการลงโทษไว้ ต้องห้ามมิให้ฎีกาใน ปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ปัญหาที่ว่าคำให้การรับสารภาพของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาหรือไม่ เป็นปัญหาที่ต้องวินิจฉัยโดยอาศัย ข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวน จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ข้อที่ศาลวินิจฉัยว่าจำเลยได้บรรเทาผลร้ายแห่งความผิดโดยนำเงินตามเช็คพิพาทไปชำระแก่โจทก์แล้ว ประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยกระทำผิดมาก่อนจึงเห็นสมควรรอการลงโทษแก่จำเลย เป็นการใช้ดุลพินิจในการกำหนดโทษ โจทก์ฎีกาว่าเป็นการคลาดเคลื่อนต่อกฎหมาย แต่มิได้ฎีกาว่าศาลล่างฟังข้อเท็จจริงนอกสำนวนผิดต่อกฎหมายแต่อย่างใด จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2795/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายโดยเมาสุราและทะเลาะวิวาท ศาลพิจารณาเหตุปัจจัยและรอการลงโทษ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าผู้เสียหายก่อเหตุเข้าทำร้ายจำเลยจำเลยแกว่งขวดแตกไปมาเพื่อป้องกันตัวขวดไปถูกผู้เสียหายครั้งเดียว เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ไม่มีความผิดพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยโกรธใช้ขวดแทงผู้เสียหายไม่เข้าลักษณะป้องกันจำเลยมีเจตนาเพียงทำร้ายไม่มีเจตนาฆ่า พิพากษากลับว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 ดังนี้ เท่ากับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกฟ้องในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยอาศัยข้อเท็จจริงโจทก์ฎีกาว่าจำเลยใช้ขวดแตกแทงผู้เสียหายที่หน้าอกอาจทำให้ถึงตายได้ เป็นการกระทำโดยเจตนาขอให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ศาลฎีกา ไม่รับ วินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2742/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท – กัญชาผลิตและครอบครองจำหน่าย – ลดโทษและรอการลงโทษ
กัญชาจำนวนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นกัญชาจำนวนเดียวกับที่จำเลยได้มาจากการผลิต การกระทำของ จำเลยเกี่ยวกับกัญชาจำนวนนี้จึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท