พบผลลัพธ์ทั้งหมด 506 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 269/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิบังคับคดีจำกัดเฉพาะคู่ความหรือเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ผู้รับประโยชน์จากสัญญาประนีประนอมยอมความไม่มีสิทธิบังคับคดี
ผู้ที่มีอำนาจร้องขอให้บังคับคดีได้ คือ คู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะคือเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอาจเป็นโจทก์หรือจำเลยหรืออาจเป็นบุคคลภายนอกซึ่งร้องสอดเข้ามาในคดีก็ได้ฉะนั้น ผู้ที่เป็นแต่เพียงผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความเท่านั้นจึงหาใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่จะมีสิทธิบังคับคดีไม่
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอาจเป็นโจทก์หรือจำเลยหรืออาจเป็นบุคคลภายนอกซึ่งร้องสอดเข้ามาในคดีก็ได้ฉะนั้น ผู้ที่เป็นแต่เพียงผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความเท่านั้นจึงหาใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่จะมีสิทธิบังคับคดีไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 184/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำบังคับคดีหลังมีคำพิพากษาตามยอม ศาลไม่จำเป็นต้องออกคำบังคับซ้ำหากคำพิพากษาได้ระบุผลของการไม่ปฏิบัติตาม
คำบังคับเป็นหน้าที่ของศาล เมื่อศาลได้พิพากษาหรือมีคำสั่งอย่างใดซึ่งจะต้องมีการบังคับคดี ศาลต้องมีคำบังคับ ถ้าศาลมิได้มีคำบังคับไว้ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาก็ขอให้ศาลมีคำบังคับได้
ศาลได้พิพากษาตามยอมและมีคำสั่งท้ายคำพิพากษาให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมไม่ปฏิบัติตามจะถูกยึดทรัพย์ จำขัง ฯลฯ นั้น ถือว่าได้มีคำบังคับไว้แล้ว ศาลจึงไม่ออกคำบังคับซ้ำให้อีก
ศาลได้พิพากษาตามยอมและมีคำสั่งท้ายคำพิพากษาให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมไม่ปฏิบัติตามจะถูกยึดทรัพย์ จำขัง ฯลฯ นั้น ถือว่าได้มีคำบังคับไว้แล้ว ศาลจึงไม่ออกคำบังคับซ้ำให้อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1617/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีขอบเขตจำกัดเฉพาะเงินมัดจำ การผิดสัญญาซื้อขายสุราหลังสัญญาประนีประนอมไม่ถือเป็นการผิดสัญญายอมความ
สัญญาประนีประนอมยอมความมีข้อความว่า จำเลยยอมให้เงินโจทก์ 9,600 บาท ถ้าโจทก์กับจำเลยตกลงทำสัญญาค้าสุราขายส่งตำบลภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้แล้วถือว่าเงินจำนวนนี้เป็นเงินมัดจำของสัญญา ซึ่งโจทก์กับจำเลยจะได้กระทำกันต่อไป ถ้าพ้นกำหนดไปแล้วถือว่าโจทก์ไม่ติดใจจะทำสัญญาค้าสุรากับจำเลยต่อไป ดังนี้แม้ต่อมาจำเลยจะไม่ยอมขายสุราให้โจทก์ โจทก์ก็จะมาขอให้ศาลบังคับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเพราะถือว่าจำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความมิได้เพราะมิใช่เป็นการขอให้บังคับตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1186/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงื่อนไขสัญญาประนีประนอมยอมความ: การจัดสถานที่ค้าต้องสอดคล้องกับประเภทสินค้าที่จำเลยค้า
ตามสัญญาประนีประนอมยอมความกล่าวว่า "เมื่อทางการเทศบาลนครกรุงเทพได้จัดที่ตั้งแผงลอยขึ้นที่คลองโอ่งอ่างและจัดให้ผู้ค้าแผงลอยเข้าตั้งได้แล้ว จำเลยที่ 1,2,3 ยอมย้ายแผงลอยจากหน้าร้านโจทก์ไปภายใน 1 เดือน" เช่นนี้ มีความหมายว่า จำเลยที่ 1,2,3 จะย้ายต่อเมื่อเทศบาลจัดสถานที่ตั้งแผงลอยขึ้นที่คลองโอ่งอ่าง เพื่อให้จำเลยทั้งสามมีสิทธิเข้าไปทำการค้า ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าแผงที่สร้างแล้วอนุญาตให้ค้าได้เฉพาะการค้าผ้า ไม่อนุญาตสำหรับการค้าผลไม้ ดอกไม้ และขนม อย่างที่จำเลยค้าจำเลยที่ 1,2,3 ยังไม่มีสิทธิเข้าไปทำการค้าในแผงนั้น กรณีจึงยังไม่เป็นไปตามเงื่อนไขตามสัญญายอมโจทก์ไม่มีอำนาจขอให้บังคับจำเลยที่ 1,2,3 ออกไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 948/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันสัญญาประนีประนอมยอมความต่อผู้จัดการมรดกคนใหม่ แม้จะไม่รู้เห็นสัญญาเดิม
ผู้จัดการมรดกทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาล และศาลได้พิพากษาตามยอม ผลของคำพิพากษายอ่มผูกพันผู้จัดการมรดกในฐานะคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 นับแต่วันพิพากษา จนกว่าคำพิพากษานั้นถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไข
ผู้จัดการมรดกคนใหม่ย่อมถูกผูกพันตามสัญญาประนีประนอมยอมความ และคำพิพากษาตามยอมซึ่งผูกพัน ผู้จัดการมรดกคนก่อนในฐานะเป็นคู่ความต่อไป จะอ้างความไม่รู้เห็นในการทำสัญญาประนีประนอมยอมความขึ้นเป็นเหตุให้พ้นความผูกพันไม่ได้
ผู้จัดการมรดกคนใหม่ย่อมถูกผูกพันตามสัญญาประนีประนอมยอมความ และคำพิพากษาตามยอมซึ่งผูกพัน ผู้จัดการมรดกคนก่อนในฐานะเป็นคู่ความต่อไป จะอ้างความไม่รู้เห็นในการทำสัญญาประนีประนอมยอมความขึ้นเป็นเหตุให้พ้นความผูกพันไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 971/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันคู่สัญญา และไม่ทำให้คดีขาดอายุความ
โจทก์จับจองและครอบครองที่ดินมือเปล่า 100 ไร่เศษ ต่อมาจำเลยเข้าไปอยู่ในที่ของโจทก์แล้วไม่ยอมออกไป อ้างว่าเป็นที่ที่นิคมสร้างตนเองแบ่งให้จำเลย 12 ไร่และจำเลยยังได้บุกเบิกออกไปอีก 20 กว่าไร่ ครั้นเมื่อโจทก์ทราบว่าที่ไม่อยู่ในเขตของนิคม โจทก์ก็ร้องต่ออำเภอขอคืน อำเภอเรียกไปทำการเปรียบเทียบ โจทก์จำเลยตกลงกันว่าจำเลยตกลงเอาที่ดินเพียง 12 ไร่ นอกนั้นเป็นของโจทก์ทั้งหมด อำเภอได้บันทึกข้อตกลงนี้ให้โจทก์จำเลยลงชื่อไว้ถึงแม้ข้อตกลงนี้จะมิได้ระบุให้ชัดว่าที่พิพาทอยู่ตอนไหน คู่กรณีฝ่ายใดได้ที่บริเวณไหนการรังวัดจะต้องทำอย่างไรแต่เรื่องนี้โจทก์จำเลยเข้าใจดีว่าที่พิพาทคือที่ที่จำเลยอ้างว่านิคม ฯ แบ่งให้จำเลย 12 ไร่ และจำเลยก็ได้นำชี้ไว้ในแผนที่กลางแล้ว บันทึกการเปรียบเทียบนี้จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยจะอ้างว่าไม่อาจจะระงับข้อพิพาทได้นั้นหาได้ไม่ และผลของสัญญาประนีประนอมนั้นย่อมทำให้การเรียกร้องของจำเลยซึ่งได้ยอมสละนั้นสิ้นไป ทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงไว้ในสัญญาเท่านั้น เมื่อโจทก์มาฟ้องตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยจะอ้างว่าขาดอายุความแล้วโดยจะให้นับระยะเวลาตามที่จำเลยครอบครองที่พิพาทมาดังนี้ หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 960/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: ผลผูกพันทางกฎหมายและการระงับข้อพิพาทนอกศาล
(1) สัญญาใดที่ทั้งสองฝ่ายมีความประสงค์จะระงับข้อพิพาทโดยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน คือ โจทก์ยอมถอนฟ้องคดีซึ่งอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล กับทั้งจะไม่เรียกร้องเกี่ยวข้องด้วยทรัพย์สินใด ๆ ของจำเลยต่อไป และฝ่ายจำเลยก็ยอมให้เงินแก่โจทก์จำนวนหนึ่งเป็นการตอบแทน สัญญานั้นย่อมเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850
(2) คดีที่ฟ้องร้องอยู่ศาลแล้ว ไม่จำเป็นที่คู่กรณีจะต้องทำสัญญาดังกล่าวในข้อ (1) นั้น แต่เฉพาะในศาลเท่านั้น อาจจะทำกันนอกศาลก็ได้ ขอแต่ให้ถูกต้องตามแบบในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 850
(3) สัญญาประนีประนอมยอมความตามที่กล่าวในข้อ (1) (2) นั้น แม้จะเกี่ยวด้วยทรัพย์ราคามากกว่า 200 บาท ซึ่งเกินจำนวนราคาที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 มาตรา 108 ก็ตาม แต่อำเภอย่อมมีอำนาจทำให้ได้ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวแล้ว มาตรา 87 ถ้าเป็นเรื่องที่โจทก์จำเลยตกลงกันให้อำเเภอทำ ส่วนตามมาตรา 108 นั้น เป็นเรื่องที่กฎหมายให้อำนาจกรมการอำเภอหมายเรียกคู่กรณีมาเปรียบเทียบ
(4) ผลของสัญญาดังกล่าวในข้อ (1) ถึง (3) ย่อมทำให้การเรียกร้องที่โจทก์ได้ยอมสละไว้สิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 852 และสิทธิดำเนินคดีต่อไปย่อมระงับหมดสิ้นลง แม้จำเลยไม่ฟ้องแย้งให้ถอนฟ้อง ศาลก็พิพากษายกฟ้องได้.
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2506)
(2) คดีที่ฟ้องร้องอยู่ศาลแล้ว ไม่จำเป็นที่คู่กรณีจะต้องทำสัญญาดังกล่าวในข้อ (1) นั้น แต่เฉพาะในศาลเท่านั้น อาจจะทำกันนอกศาลก็ได้ ขอแต่ให้ถูกต้องตามแบบในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 850
(3) สัญญาประนีประนอมยอมความตามที่กล่าวในข้อ (1) (2) นั้น แม้จะเกี่ยวด้วยทรัพย์ราคามากกว่า 200 บาท ซึ่งเกินจำนวนราคาที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 มาตรา 108 ก็ตาม แต่อำเภอย่อมมีอำนาจทำให้ได้ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวแล้ว มาตรา 87 ถ้าเป็นเรื่องที่โจทก์จำเลยตกลงกันให้อำเเภอทำ ส่วนตามมาตรา 108 นั้น เป็นเรื่องที่กฎหมายให้อำนาจกรมการอำเภอหมายเรียกคู่กรณีมาเปรียบเทียบ
(4) ผลของสัญญาดังกล่าวในข้อ (1) ถึง (3) ย่อมทำให้การเรียกร้องที่โจทก์ได้ยอมสละไว้สิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 852 และสิทธิดำเนินคดีต่อไปย่อมระงับหมดสิ้นลง แม้จำเลยไม่ฟ้องแย้งให้ถอนฟ้อง ศาลก็พิพากษายกฟ้องได้.
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2506)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 168/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งทรัพย์สินสมรสหลังยึดทรัพย์ชำระหนี้: สิทธิของสามีภริยาและการบอกล้างสัญญาประนีประนอม
ในกรณีที่ภริยาจำเลยร้องขัดทรัพย์แล้วทำยอมความในศาลกับโจทก์ให้ขายทรัพย์ที่ยึดเอาเงินครึ่งหนึ่งให้ผู้ร้องรับไป อีกครึ่งหนึ่งชำระหนี้โจทก์ เหลือก็คืนจำเลยนั้นหากปรากฏว่า ทรัพย์ที่ยึดเป็นสินสมรสระหว่างจำเลยกับผู้ร้อง ยินยอมให้ขายชำระหนี้โจทก์ได้แล้ว ก็ไม่มีปัญหาเรื่องจำเลยและผู้ร้องจะมีสิทธิในทรัพย์ที่ยึดอย่างไร คงมีปัญหาอยู่ที่ว่า ฝ่ายใดจะมีสิทธิรับทรัพย์ส่วนของผู้ร้องตามยอมคืนไปเท่าใด และฝ่ายใดจะเป็นผู้ดำเนินคดีแก่ฝ่ายใดเท่านั้น จำเลยจะร้องอ้างว่าไม่ได้อนุญาตให้ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์และทำยอม จึงขอบอกล้างเสียนั้นย่อมไม่ได้เพราะไม่เป็นปัญหาเกี่ยวกับกรณีร้องขัดทรัพย์นี้ ชอบที่จำเลยและผู้ร้องจะไปว่ากล่าวเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1280/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความแบ่งเงินในบัญชี สัญญาตกเป็นโมฆะเมื่อเงินไม่มี และไม่ผูกพันทรัพย์สินอื่น
สัญญายอมความที่จำเลยตกลงแบ่งเงินของเจ้ามรดกในธนาคารให้โจทก์โดยเฉพาะนั้น เมื่อเงินไม่มีอยู่ในธนาคารโดยไม่ใช่ความผิดของจำเลยแล้ว สัญญาแบ่งเงินนั้นก็ไม่มีผลผูกพันทรัพย์อื่นของจำเลย ฉะนั้น โจทก์จะขอให้ยึดทรัพย์จำเลยมาใช้เงินตามสัญญานั้นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 953/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: ทรัพย์ตกเป็นของอีกฝ่ายเมื่อตาย พินัยกรรมยกทรัพย์ให้ผู้อื่นเป็นโมฆะ
สัญญาประนีประนอมยอมความที่ผู้มีชื่อคนหนึ่งกับจำเลยตกลงเป็นเจ้าของทรัพย์พิพาทร่วมกัน ใครตายก่อนให้ตกเป็นของอีกคนหนึ่งนั้น เป็นสัญญาที่ก่อให้เกิดหนี้โดยมีเงื่อนไขและเป็นสัญยาต่างตอบแทน ฉะนั้น เมื่อผู้มีชื่อตายทรัพย์พิพาทย่อมตกเป็นของจำเลย ผู้มีชื่อที่ตายจะทำพินัยกรรมทรัพย์นั้นให้คนอื่นอีกไม่ได้.