พบผลลัพธ์ทั้งหมด 486 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1946/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อและผลของการไม่ชำระเงินตามสัญญา หากโจทก์รับเงินไม่ได้ สัญญาระงับ
จำเลยสลักหลังเช็คลงวันที่ล่วงหน้าของผู้อื่นเพื่อชำระหนี้ให้โจทก์ตามสัญญาโอนสิทธิการเช่าตึกซึ่งมีข้อตกลงกันด้วยว่าจำเลยจะต้องชำระเงินให้โจทก์เป็นงวด ๆ ถ้าไม่ชำระงวดใดให้ถือว่าจำเลยหมดสิทธิอาศัยในอาคาร เมื่อเช็คนั้นถึงกำหนดโจทก์รับเงินไม่ได้ ก็ต้องถือว่าจำเลยผิดสัญญาและสัญญานั้นย่อมเลิกกันไปตามที่ระบุไว้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องบังคับจำเลยให้ชำระเงินตามเช็คดังกล่าว คงมีสิทธิแต่เพียงไม่ให้จำเลยอาศัยในอาคารและไม่ต้องคืนเงินงวดก่อน ๆ เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1617/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อชำระเป็นงวด การบอกเลิกสัญญาและการริบเงินค่าเช่าซื้อ
สัญญาเช่าซื้อมีข้อตกลงว่า ในวันทำสัญญา ผู้เช่าซื้อได้ชำระค่าเช่าซื้อให้ผู้ให้เช่าซื้อแล้วส่วนหนึ่ง ส่วนค่าเช่าที่เหลือจะชำระในวันที่กำหนดในสัญญาอีกงวดหนึ่ง ถือได้ว่าได้มีการตกลงชำระค่าเช่าซื้อกันเป็น 2 งวด และข้อตกลงว่าถ้าผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้องวดใดงวดหนึ่งให้ถือว่าผิดนัดสัญญาเช่าซื้อทั้งหมดไม่ขัดต่อมาตรา 574 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ผู้เช่าซื้อไม่ชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญา ผู้ให้เช่าซื้อบอกเลิกสัญญาแล้วนอกจากผู้ให้เช่าซื้อจะมีสิทธิเอาทรัพย์คืนและริบเงินค่าเช่าซื้อที่ชำระไปแล้ว ผู้เช่าซื้อยังต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อตามที่ตกลงไว้ในสัญญาด้วย
คำฟ้องบังคับให้ผู้เช่าซื้อชำระเงินค่าเช่าซื้อ โดยมิได้บรรยายถึงว่า ผู้ให้เช่าซื้อเอาทรัพย์ที่เช่าซื้อกลับคืนแล้ว ไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุมข้อเท็จจริงดังกล่าวไม่ใช่สภาพแห่งข้อหา ไม่จำต้องกล่าวในฟ้อง
ผู้เช่าซื้อไม่ชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญา ผู้ให้เช่าซื้อบอกเลิกสัญญาแล้วนอกจากผู้ให้เช่าซื้อจะมีสิทธิเอาทรัพย์คืนและริบเงินค่าเช่าซื้อที่ชำระไปแล้ว ผู้เช่าซื้อยังต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อตามที่ตกลงไว้ในสัญญาด้วย
คำฟ้องบังคับให้ผู้เช่าซื้อชำระเงินค่าเช่าซื้อ โดยมิได้บรรยายถึงว่า ผู้ให้เช่าซื้อเอาทรัพย์ที่เช่าซื้อกลับคืนแล้ว ไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุมข้อเท็จจริงดังกล่าวไม่ใช่สภาพแห่งข้อหา ไม่จำต้องกล่าวในฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1580/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อกำหนดให้ผู้เช่าซื้อรับผิดชอบแม้เกิดอัคคีภัย ความรับผิดจึงยังคงอยู่แม้สัญญาเช่าซื้อระงับ
สัญญาเช่าซื้อมีข้อความว่า ในกรณีทรัพย์สินที่เช่าซื้อเกิดสูญหายหรือเสียหายผู้เช่าซื้อยอมใช้ราคาทรัพย์สินให้แก่เจ้าของโดยจะไม่ยกเหตุสุดวิสัย อัคคีภัย โจรกรรมมาเป็นเหตุลบล้างความรับผิดชอบ ดังนี้ เมื่อทรัพย์สินที่เช่าซื้อถูกไฟไหม้เสียหายโดยมิใช่ความผิดของผู้เช่าซื้อ ผู้เช่าซื้อก็จะต้องใช้ราคาทรัพย์สินนั้นให้แก่เจ้าของ แม้สัญญาเช่าซื้อจะระงับเพราะวัตถุแห่งสัญญาสูญหายหรือถูกทำลายความรับผิดของผู้เช่าซื้อก็ยังมีอยู่ตามข้อสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1580/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงยกเว้นเหตุสุดวิสัยในสัญญาเช่าซื้อ: ความรับผิดของผู้เช่าซื้อแม้สัญญาจะระงับ
สัญญาเช่าซื้อมีข้อความว่า ในกรณีทรัพย์สินที่เช่าซื้อเกิดสูญหายหรือเสียหายผู้เช่าซื้อยอมใช้ราคาทรัพย์สินให้แก่เจ้าของ โดยจะไม่ยกเหตุสุดวิสัย อัคคีภัย โจรกรรมมาเป็นเหตุลบล้างความรับผิดชอบ ดังนี้ เมื่อทรัพย์สินที่เช่าซื้อถูกไฟไหม้เสียหายโดยมิใช่ความผิดของผู้เช่าซื้อ ผู้เช่าซื้อก็จะต้องใช้ราคาทรัพย์สินนั้นให้แก่เจ้าของ แม้สัญญาเช่าซื้อจะระงับเพราะวัตถุแห่งสัญญาสูญหายหรือถูกทำลายความรับผิดของผู้เช่าซื้อก็ยังมีอยู่ตามข้อสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1167/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงนอกสัญญาเช่าซื้อต้องยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยหากไม่เคยกล่าวอ้างมาก่อน
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าเช่าซื้อคืนจากจำเลย 12,000 บาท จำเลยให้การว่าจำเลยมิได้ตกลงกับโจทก์ว่าจะเป็นผู้นำรถไปขายให้บุคคลภายนอก และจะชำระเงินที่โจทก์ส่งชำระแก่จำเลยแล้วให้โจทก์ การที่จำเลยฎีกาว่าข้อที่โจทก์อ้างมีข้อตกลงกันว่าจำเลยต้องคืนเงิน 12,000 บาทแก่โจทก์นั้นโจทก์นำสืบไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสัญญาเช่าซื้อ ข้อตกลงนี้ต้องทำเป็นหนังสือ มิฉะนั้นเป็นโมฆะ เป็นข้อที่จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1167/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงนอกสัญญาเช่าซื้อ: ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยหากมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นศาลล่าง
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าเช่าซื้อคืนจากจำเลย 12,000 บาท จำเลยให้การว่าจำเลยมิได้ตกลงกับโจทก์ว่าจะเป็นผู้นำรถไปขายให้บุคคลภายนอก และจะชำระเงินที่โจทก์ส่งชำระแก่จำเลยแล้วให้โจทก์ การที่จำเลยฎีกาว่าข้อที่โจทก์อ้างมีข้อตกลงกันว่าจำเลยต้องคืนเงิน 12,000 บาทแก่โจทก์นั้นโจทก์นำสืบไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสัญญาเช่าซื้อ ข้อตกลงนี้ต้องทำเป็นหนังสือ มิฉะนั้นเป็นโมฆะ เป็นข้อที่จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1134/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อ: การส่งมอบบ้านไม่สมบูรณ์แต่ผู้เช่าซื้อรับมอบและครอบครอง ถือเป็นการปฏิบัติตามสัญญา
ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาท เป็นคำฟ้องเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์เสนอคำฟ้องต่อศาลที่บ้านพิพาทตั้งอยู่ในเขตศาลได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทำหนังสือสัญญาเช่าซื้อบ้านเลขที่ 55/21 ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินที่โจทก์เช่าจากวัดเขมาภิรตาราม ตำบลบางซ่อน อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร ค่าเช่าซื้อ 100,000 บาท ตามสำเนาสัญญาเช่าซื้อท้ายฟ้อง จำเลยผิดสัญญาในข้อที่ว่า เมื่อปลูกบ้านเสร็จพอที่จำเลยจะเข้าอยู่ได้ โจทก์จะต้องมอบบ้านให้จำเลยครอบครอง และจำเลยต้องชำระ ราคาให้แก่โจทก์อีก 10,000 บาท จำเลยไม่ชำระ ขอให้ขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหาย เป็นคำฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์แล้ว ไม่เคลือบคลุม ไม่จำเป็นต้องบรรยายว่าโจทก์สร้างเสร็จครบถ้วนและถูกต้องตามสัญญาทุกประการ หรือมีรายละเอียดเกี่ยวกับขนาดวัสดุ คุณภาพวัสดุก่อสร้างแบบแปลนแผนผังท้ายสัญญาอีกด้วย
เมื่อโจทก์ส่งมอบบ้านพิพาทให้จำเลยเข้าครอบครองอันเป็นการปฏิบัติตามสัญญาเช่าซื้อแล้ว แม้บ้านพิพาทยังไม่เสร็จเรียบร้อยดีจำเลยพอใจรับมอบบ้านพิพาทจากโจทก์ จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องใช้เงินจำนวน 10,000 บาท ให้โจทก์ตามสัญญาเช่าซื้อ
โจทก์มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น สำหรับประเด็นเรื่องค่าเสียหายโจทก์จึงฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในประเด็นข้อนี้ไม่ได้ ที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาเรื่องค่าเสียหายของโจทก์ไว้ ไม่เป็นฎีกาที่ต้องพิจารณา
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทำหนังสือสัญญาเช่าซื้อบ้านเลขที่ 55/21 ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินที่โจทก์เช่าจากวัดเขมาภิรตาราม ตำบลบางซ่อน อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร ค่าเช่าซื้อ 100,000 บาท ตามสำเนาสัญญาเช่าซื้อท้ายฟ้อง จำเลยผิดสัญญาในข้อที่ว่า เมื่อปลูกบ้านเสร็จพอที่จำเลยจะเข้าอยู่ได้ โจทก์จะต้องมอบบ้านให้จำเลยครอบครอง และจำเลยต้องชำระ ราคาให้แก่โจทก์อีก 10,000 บาท จำเลยไม่ชำระ ขอให้ขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหาย เป็นคำฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์แล้ว ไม่เคลือบคลุม ไม่จำเป็นต้องบรรยายว่าโจทก์สร้างเสร็จครบถ้วนและถูกต้องตามสัญญาทุกประการ หรือมีรายละเอียดเกี่ยวกับขนาดวัสดุ คุณภาพวัสดุก่อสร้างแบบแปลนแผนผังท้ายสัญญาอีกด้วย
เมื่อโจทก์ส่งมอบบ้านพิพาทให้จำเลยเข้าครอบครองอันเป็นการปฏิบัติตามสัญญาเช่าซื้อแล้ว แม้บ้านพิพาทยังไม่เสร็จเรียบร้อยดีจำเลยพอใจรับมอบบ้านพิพาทจากโจทก์ จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องใช้เงินจำนวน 10,000 บาท ให้โจทก์ตามสัญญาเช่าซื้อ
โจทก์มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น สำหรับประเด็นเรื่องค่าเสียหายโจทก์จึงฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในประเด็นข้อนี้ไม่ได้ ที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาเรื่องค่าเสียหายของโจทก์ไว้ ไม่เป็นฎีกาที่ต้องพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1134/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อ: การส่งมอบบ้านไม่สมบูรณ์แต่จำเลยรับมอบและเข้าอยู่ มีผลบังคับใช้สัญญาได้
ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาท เป็นคำฟ้องเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์เสนอคำฟ้องต่อศาลที่บ้านพิพาทตั้งอยู่ในเขตศาลได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทำหนังสือสัญญาเช่าซื้อบ้านเลขที่ 55/21 ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินที่โจทก์เช่าจากวัดเขมาภิรตาราม ตำบลบางซ่อน อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร ค่าเช่าซื้อ 100,000 บาท ตามสำเนาสัญญาเช่าซื้อท้ายฟ้อง จำเลยผิดสัญญาในข้อที่ว่า เมื่อปลูกบ้านเสร็จพอที่จำเลยจะเข้าอยู่ได้ โจทก์จะต้องมอบบ้านให้จำเลยครอบครอง และจำเลยต้องชำระราคาให้แก่โจทก์อีก 10,000 บาท จำเลยไม่ชำระ ขอให้ขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหาย เป็นคำฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์แล้ว ไม่เคลือบคลุม ไม่จำเป็นต้องบรรยายว่าโจทก์สร้างเสร็จครบถ้วนและถูกต้องตามสัญญาทุกประการ หรือมีรายละเอียดเกี่ยวกับขนาดวัสดุ คุณภาพวัสดุก่อสร้างแบบแปลนแผนผังท้ายสัญญาอีกด้วย
เมื่อโจทก์ส่งมอบบ้านพิพาทให้จำเลยเข้าครอบครองอันเป็นการปฏิบัติตามสัญญาเช่าซื้อแล้ว แม้บ้านพิพาทยังไม่เสร็จเรียบร้อยดีจำเลยพอใจรับมอบบ้านพิพาทจากโจทก์ จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องใช้เงินจำนวน 10,000 บาทให้โจทก์ตามสัญญาเช่าซื้อ
โจทก์มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น สำหรับประเด็นเรื่องค่าเสียหายโจทก์จึงฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในประเด็นข้อนี้ไม่ได้ ที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาเรื่องค่าเสียหายของโจทก์ไว้ ไม่เป็นฎีกาที่ต้องพิจารณา
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทำหนังสือสัญญาเช่าซื้อบ้านเลขที่ 55/21 ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินที่โจทก์เช่าจากวัดเขมาภิรตาราม ตำบลบางซ่อน อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร ค่าเช่าซื้อ 100,000 บาท ตามสำเนาสัญญาเช่าซื้อท้ายฟ้อง จำเลยผิดสัญญาในข้อที่ว่า เมื่อปลูกบ้านเสร็จพอที่จำเลยจะเข้าอยู่ได้ โจทก์จะต้องมอบบ้านให้จำเลยครอบครอง และจำเลยต้องชำระราคาให้แก่โจทก์อีก 10,000 บาท จำเลยไม่ชำระ ขอให้ขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหาย เป็นคำฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์แล้ว ไม่เคลือบคลุม ไม่จำเป็นต้องบรรยายว่าโจทก์สร้างเสร็จครบถ้วนและถูกต้องตามสัญญาทุกประการ หรือมีรายละเอียดเกี่ยวกับขนาดวัสดุ คุณภาพวัสดุก่อสร้างแบบแปลนแผนผังท้ายสัญญาอีกด้วย
เมื่อโจทก์ส่งมอบบ้านพิพาทให้จำเลยเข้าครอบครองอันเป็นการปฏิบัติตามสัญญาเช่าซื้อแล้ว แม้บ้านพิพาทยังไม่เสร็จเรียบร้อยดีจำเลยพอใจรับมอบบ้านพิพาทจากโจทก์ จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องใช้เงินจำนวน 10,000 บาทให้โจทก์ตามสัญญาเช่าซื้อ
โจทก์มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น สำหรับประเด็นเรื่องค่าเสียหายโจทก์จึงฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในประเด็นข้อนี้ไม่ได้ ที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาเรื่องค่าเสียหายของโจทก์ไว้ ไม่เป็นฎีกาที่ต้องพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 662/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อและการผิดสัญญา จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์จากการไม่โอนกรรมสิทธิ์
โจทก์และจำเลยที่ 1 อยู่กินกันโดยไม่จดทะเบียนสมรส ได้ตกลงกันให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเช่าซื้ออาคารสงเคราะห์เป็นผู้เช่าซื้อโดยโจทก์เป็นผู้ออกเงินค่าเช่าซื้อ และภายหลังเมื่อจำเลยที่ 1 ได้กรรมสิทธิ์ในอาคารนั้นแล้วให้โอนกรรมสิทธิ์แก่โจทก์หรือบุตรเมื่อจำเลยที่ 1 มิได้ปฏิบัติตามข้อตกลงให้สำเร็จลุล่วงไป แต่กลับเอาสิทธิการเช่าซื้อไปโอนให้จำเลยที่ 2 เสีย เป็นเหตุให้โจทก์หรือ บุตรไม่อาจรับโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นได้ เช่นนี้จำเลยที่ 1 ย่อมเป็นฝ่ายผิดสัญญา และต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
การที่จำเลยที่ 2 รับโอนสิทธิเช่าซื้อจากจำเลยที่ 1 โดยรู้ถึงข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ดังกล่าวนั้น ไม่ถือว่าเป็นการผิดสัญญาอย่างใดกับโจทก์ เพราะระหว่างจำเลยที่ 2 กับโจทก์หาได้มีสัญญาต่อกันอย่างใดไม่และแม้โจทก์จะก่อสร้างอาคารเพิ่มเติมสิ้นเงินไป 25,000 บาท การที่จำเลยที่ 2 รับโอนสิทธิเช่าซื้ออาคารนี้มาก็ไม่เป็นลาภมิควรได้อันต้องคืนแก่โจทก์
การที่จำเลยที่ 2 รับโอนสิทธิเช่าซื้อจากจำเลยที่ 1 โดยรู้ถึงข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ดังกล่าวนั้น ไม่ถือว่าเป็นการผิดสัญญาอย่างใดกับโจทก์ เพราะระหว่างจำเลยที่ 2 กับโจทก์หาได้มีสัญญาต่อกันอย่างใดไม่และแม้โจทก์จะก่อสร้างอาคารเพิ่มเติมสิ้นเงินไป 25,000 บาท การที่จำเลยที่ 2 รับโอนสิทธิเช่าซื้ออาคารนี้มาก็ไม่เป็นลาภมิควรได้อันต้องคืนแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 662/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อที่ไม่สมบูรณ์ และความรับผิดของคู่สัญญาเมื่อมีการผิดสัญญา โดยจำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิด
โจทก์และจำเลยที่ 1 อยู่กินกันโดยไม่จดทะเบียนสมรสได้ตกลงกันให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเช่าซื้ออาคารสงเคราะห์เป็นผู้เช่าซื้อโดยโจทก์เป็นผู้ออกเงินค่าเช่าซื้อ และภายหลังเมื่อจำเลยที่ 1 ได้กรรมสิทธิ์ในอาคารนั้นแล้วให้โอนกรรมสิทธิ์แก่โจทก์หรือบุตรเมื่อจำเลยที่ 1 มิได้ปฏิบัติตามข้อตกลงให้สำเร็จลุล่วงไป แต่กลับเอาสิทธิการเช่าซื้อไปโอนให้จำเลยที่ 2 เสีย เป็นเหตุให้โจทก์หรือบุตรไม่อาจรับโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นได้ เช่นนี้จำเลยที่ 1 ย่อมเป็นฝ่ายผิดสัญญาและต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
การที่จำเลยที่ 2 รับโอนสิทธิเช่าซื้อจากจำเลยที่ 1 โดยรู้ถึงข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ดังกล่าวนั้น ไม่ถือว่าเป็นการผิดสัญญาอย่างใดกับโจทก์ เพราะระหว่างจำเลยที่ 2 กับโจทก์หาได้มีสัญญาต่อกันอย่างใดไม่และแม้โจทก์จะก่อสร้างอาคารเพิ่มเติมสิ้นเงินไป 25,000 บาท การที่จำเลยที่ 2 รับโอนสิทธิเช่าซื้ออาคารนี้มาก็ไม่เป็นลาภมิควรได้อันต้องคืนแก่โจทก์
การที่จำเลยที่ 2 รับโอนสิทธิเช่าซื้อจากจำเลยที่ 1 โดยรู้ถึงข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ดังกล่าวนั้น ไม่ถือว่าเป็นการผิดสัญญาอย่างใดกับโจทก์ เพราะระหว่างจำเลยที่ 2 กับโจทก์หาได้มีสัญญาต่อกันอย่างใดไม่และแม้โจทก์จะก่อสร้างอาคารเพิ่มเติมสิ้นเงินไป 25,000 บาท การที่จำเลยที่ 2 รับโอนสิทธิเช่าซื้ออาคารนี้มาก็ไม่เป็นลาภมิควรได้อันต้องคืนแก่โจทก์