พบผลลัพธ์ทั้งหมด 703 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 799/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีอาญาเนื่องจากจำเลยหลบหนี ไม่สามารถนำตัวมาพิจารณาได้ในชั้นฎีกา
การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 6 เดือน แต่ไม่ได้ตัวจำเลยมาฟัง คำพิพากษาศาลชั้นต้นจึงออกหมายจับเมื่อไม่ได้ตัวมาหลัง 1 เดือน จึงอ่านคำพิพากษาไปทนายจำเลยได้ใช้สิทธิฎีกาแทนจำเลยศาลฎีกาสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบเพราะถือว่าจำเลยไม่มีตัวอยู่ขณะจะพิจารณาคดีในชั้นฎีกากรณีไม่เข้าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 201ซึ่งมีแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พ.ศ.2499(ฎีกาที่ 223/2500)เพราะไม่ใช่เป็นกรณีที่ส่งสำเนาฟ้องให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2014/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรวมกระทงความผิดทางอาญาและการถอนฟ้องของผู้เสียหาย ศาลฎีกาแก้พิพากษาเหลือความผิดกระทงเดียว
ศาลอุทธรณ์พิพากษารวมกระทงลงโทษจำเลยสำหรับความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 243 และ 276 เมื่อผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์หรือยอมความกับจำเลยสำหรับความผิดตาม มาตรา 243 แล้ว ศาลฎีกาพิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตาม มาตรา 276 เพียงกระทงเดียว และศาลฎีกามีอำนาจกำหนดโทษสำหรับความผิดตาม มาตรา 276 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 178/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางอาญาของผู้จัดการโรงงานต่อการใช้แสตมป์ปลอม: ต้องพิสูจน์เจตนาและรู้เห็น
คนงานของบริษัทซึ่งมีหน้าที่ไปซื้อแสตมป์มาปิดขวดน้ำอัดลม กระทำผิดกฎหมายไปซื้อแสตมป์ปลอมมา
แม้จำเลยเป็นผู้จัดการทำน้ำอัดลม มีหน้าที่จะต้องดูแลความเป็นไปและกิจการของโรงงานให้เป็นที่เรียบร้อยและถูกต้องตามกฎหมาย ถ้ามีสิ่งใดผิดพลาดจำเลยจะต้องรับผิดก็ดีเมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้สมคบในการซื้อแสตมป์นั้น ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้เพราะเป็นการขัดต่อหลักกฎหมายว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางอาญา ดังที่บัญญัติไว้ในกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 7 และ 43 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 และ 59 ไม่เหมือนกับความรับผิดในทางแพ่งดังที่บัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 425
แม้จำเลยเป็นผู้จัดการทำน้ำอัดลม มีหน้าที่จะต้องดูแลความเป็นไปและกิจการของโรงงานให้เป็นที่เรียบร้อยและถูกต้องตามกฎหมาย ถ้ามีสิ่งใดผิดพลาดจำเลยจะต้องรับผิดก็ดีเมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้สมคบในการซื้อแสตมป์นั้น ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้เพราะเป็นการขัดต่อหลักกฎหมายว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางอาญา ดังที่บัญญัติไว้ในกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 7 และ 43 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 และ 59 ไม่เหมือนกับความรับผิดในทางแพ่งดังที่บัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 425
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1266/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องอาญาฐานสมคบกันทำผิด และการลงโทษเฉพาะผู้ลงมือ กระบวนการพิจารณาคดีอาญา
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยแต่ละคนได้บังอาจใช้มีดแทงเขาตายโดยเจนาจะฆ่า เมื่อนำสืบได้ว่าใครแทง ศาลก็ลงโทษเฉพาะผู้นั้น ส่วนที่โจทก์สืบได้เพียงว่าไปอยู่ในที่วิวาทช่วยกลุ้มรุม แต่ไม่มีมีด ไม่มีพยานเห็นแทงจึงลงโทษไม่ได้ เพราะโจทก์ไม่ได้ฟ้องว่าสมคบกัน เพียงแต่อ้างกฎหมายลักษณะอาญา ม.63 ฐานสมคบมาอย่างเดียวไม่พอ ลงโทษไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 946/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินกว่าเหตุทางอาญา: การใช้กำลังเพื่อป้องกันตนเองที่เกินสมควร
ผู้ตายเมาสุราอาละวาดถือมีดไล่แทงผู้มีชื่อ ๆ หนีแอบข้างหลัง จำเลย ๆ ร้องขอห้าม ผู้ตายไม่ฟังจึงกอดคอจำเลยและแทงจำเลยถูกชายโครง จำเลยจึงแทงผู้ตายรวม 11 แผล ดังนี้การกระทำของจำเลยเป็นลักษณะของการป้องกัน แต่การกระทำเกินกว่าเหตุเข้าเกณฑ์ตาม ม.251,53
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 850/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายกลุ่มบุคคล: ความรับผิดทางอาญาเมื่อไม่สามารถระบุตัวผู้กระทำและสาเหตุการตายได้
คดีได้ความว่าจำเลยที่ 1,2 ฝ่ายหนึ่งกับจำเลยที่ 3 กับผู้ตายอีกฝ่ายหนึ่งวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันแต่เหตุที่ผู้ตายตายเนื่องจากกระทำของใครไม่ปรากฏ จะตายเพราะบาดแผลใดใครเป็นผู้กระทำก็ไม่ปรากฏและได้ความว่าพยานโจทก์เห็นคน 5 - 6 คนกลุ้มรุมตีกัน ใครทำใครอย่างไรก็ไม่ปรากฏว่าผู้ตายได้ตายเพราะการกระทำของจำเลยที่ 1,2 ยังไม่ได้ จำเลยที่ 3 ทั้งสอง คงผิดตาม ม.253 เท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 762/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับเงินผลประโยชน์ในฐานะผู้ช่วยสมุห์บัญชีที่เข้าข่ายความรับผิดทางอาญา
ผู้ช่วยสมุหบัญชีแม้จะไม่มีหน้าที่โดยตรงที่จะรับเงินผลประโยชน์ที่มีผู้มาส่งก็ดีแต่เมื่อรับเงินในระหว่างที่รักษาการในตำแหน่งสมุหบัญชี หรือระหว่างปฏิบัติการรับเงินแทนสมุหบัญชีเช่นนี้ย่อมถือได้ว่ารับเงินไว้โดยหน้าที่
การที่ผู้ช่วยสมุหบัญชีลงชื่อรับเงินในฐานะสมุหบัญชีแล้วเสนอนายตำรวจลงชื่อในฐานะแทนผู้กำกับการเช่นนี้ย่อมเป็นการรับเงินในทางราชการนั่นเอง หาใช่ส่วนตัวไม่
การที่ผู้ช่วยสมุหบัญชีลงชื่อรับเงินในฐานะสมุหบัญชีแล้วเสนอนายตำรวจลงชื่อในฐานะแทนผู้กำกับการเช่นนี้ย่อมเป็นการรับเงินในทางราชการนั่นเอง หาใช่ส่วนตัวไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 733/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษอาญาต้องอาศัยพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงจำเลยกับความผิด พยานคำรับสารภาพอย่างเดียวไม่พอ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีฝิ่นไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต แต่ตามทางพิจารณาที่โจทก์นำสืบไม่ได้ความว่าจำเลยมีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันกับฝิ่นของกลางอย่างไร แม้กรณีจะเป็นประการใดก็ตาม คดีที่มีโทษอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปเช่นนี้คดีนี้ ศาลจะลงโทษจำเลยเพียงแต่ฟังคำรับสารภาพต่อเจ้าพนักงานหรือชั้นสอบสวนหรือจะหยิบยกคำรับสารภาพของจำเลยต่อศาลในชั้นแรกโดยไม่มีพยานโดยตรงหรือพฤติการณ์อื่นประกอบด้วยแล้วจึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 733/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษทางอาญาต้องอาศัยพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงจำเลยกับความผิด ไม่สามารถลงโทษจากคำรับสารภาพเพียงอย่างเดียว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีฝิ่นไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตแต่ตามทางพิจารณาที่โจทก์นำสืบไม่ได้ความว่าจำเลยมีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันกับฝิ่นของกลางอย่างไรแม้กรณีจะเป็นประการใดก็ตาม คดีที่มีโทษอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปเช่นคดีนี้ศาลจะลงโทษจำเลยเพียงแต่ฟังคำรับสารภาพต่อเจ้าพนักงานหรือชั้นสอบสวนหรือจะหยิบยกคำรับสารภาพของจำเลยต่อศาลในชั้นแรกโดยไม่มีพยานโดยตรงหรือพฤติการณ์อื่นประกอบด้วยแล้วจึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 693/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้อุบายหลอกลวงเพื่ออนาจารเข้าข่ายความผิดตาม ม.276 อาญา
การที่จำเลยเอาความเท็จมากล่าวอ้างกับหญิงมีชื่อว่าตนเป็นตำรวจจะพาญิงมีชื่อไปส่งบ้านเพราะเป็นผู้หญิงจะไปคนเดียวในเวลาดึกเช่นนั้นไม่ได้ แล้วจำเลยพาหญิงมีชื่อเดินไปถึงสวนลุมพีนีและพาเข้าไปในส่วนลุมพีนีและให้นั่งลงบนสนามหญ้าและพูดจาชักชวนให้หญิงมีชื่อไปบ้านจำเลยแต่หญิงมีชื่อไม่ยอมไปแล้วจำเลยก็รั้งตัวหญิงมีชื่อมากอดจูบ หญิงมีชื่อดิ้นเช่นนี้วินิจฉัยว่าเป็นการใช้อุบายทุจริตล่อลวงพาหญิงมีชื่อไปเพื่อการอนาจาร การกระทำเป็นความผิดต้องด้วยบท ก.ม.อาญา ม.276 แล้ว.