พบผลลัพธ์ทั้งหมด 790 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 39/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเลิกจ้างหลังคำสั่งศาล: คำสั่งศาลอนุญาตให้เลิกจ้างมีผลทันที แม้อุทธรณ์ก็ไม่กระทบ
ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2529 นับตั้งแต่บัดนั้นผู้ร้องย่อมมีอำนาจที่จะมีคำสั่งเลิกจ้างผู้คัดค้านได้ทันที การอุทธรณ์ไม่เป็นการตัดสิทธิผู้ร้องที่จะปฏิบัติตามคำสั่งศาลแรงงานกลาง.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 286/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับเนื่องจากข้อเท็จจริงยุติแล้วตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และไม่ได้อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาโจทก์ในความผิดฐานฉ้อโกงเพราะเป็นปัญหาข้อเท็จจริง คงรับเฉพาะฎีกาโจทก์เกี่ยวกับคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่ชอบ โจทก์มิได้อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่ยอมรับฎีกาในความผิดฐานฉ้อโกง ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 2 ไม่ได้กระทำผิดฐานฉ้อโกงตามที่โจทก์ฟ้อง จึงไม่มีประโยชน์แก่คดีที่จะวินิจฉัยฎีกาโจทก์ต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2660/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลาย ศาลดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย แม้โจทก์มิได้ขอโดยตรง
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลายเมื่อทางพิจารณาปรากฏข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวอันควรตกเป็นบุคคลล้มละลายดังกล่าว ศาลต้องมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 อันเป็นกระบวนพิจารณาที่ศาลดำเนินไปตามขั้นตอนที่กฎหมายบัญญัติหาใช่เป็นเรื่องที่ศาลมีคำสั่งนอกเหนือเกินเลยไปจากคำขอตามฟ้องกรณีจึงไม่ต้องด้วยมาตรา 142 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2377/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งพยานหลักฐาน ถือเป็นการทิ้งฟ้องได้
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้วได้สั่งนัดพร้อมเพื่อสอบถาม ให้โจทก์เสนอพยานหลักฐานต่อศาลว่านายหุยซิว แซ่คู จำเลยเป็นชายหรือหญิง มีตัวตนอยู่ ณ ภูมิลำเนาตามฟ้องหรือไม่ภายในกำหนด ดังนี้ยังไม่ล่วงพ้นขั้นตอนของการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล เพราะก่อนมีคำพิพากษา ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งคู่ความหรือบุคคลใดให้ส่งพยานหลักฐานใดต่อศาลเพื่อประกอบการวินิจฉัยคดีได้เสมอ คำสั่งดังกล่าวเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างหนึ่งของศาล เมื่อโจทก์ทราบคำสั่งแล้วเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามภายในกำหนดจึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา174 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2377/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลให้ส่งพยานหลักฐานเพิ่มเติม
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้วได้สั่งนัดพร้อมเพื่อสอบถาม ให้โจทก์เสนอพยานหลักฐานต่อศาลว่านายหุยซิวแซ่คูจำเลยเป็นชายหรือหญิง มีตัวตนอยู่ ณ ภูมิลำเนาตามฟ้องหรือไม่ภายในกำหนด ดังนี้ยังไม่ล่วงพ้นขั้นตอนของการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล เพราะก่อนมีคำพิพากษา ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งคู่ความหรือบุคคลใดให้ส่งพยานหลักฐานใดต่อศาลเพื่อประกอบการวินิจฉัยคดีได้เสมอคำสั่งดังกล่าวเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างหนึ่งของศาลเมื่อโจทก์ทราบคำสั่งแล้วเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามภายในกำหนด จึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2377/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลให้ส่งพยานหลักฐานถือเป็นการทิ้งฟ้องได้
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้วได้สั่งนัดพร้อมเพื่อสอบถาม ให้โจทก์เสนอพยานหลักฐานต่อศาลว่านายหุยซิวแซ่คู จำเลยเป็นชายหรือหญิง มีตัวตนอยู่ ณ ภูมิลำเนาตามฟ้องหรือไม่ภายในกำหนด ดังนี้ยังไม่ล่วงพ้นขั้นตอนของการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล เพราะก่อนมีคำพิพากษา ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งคู่ความหรือบุคคลใดให้ส่งพยานหลักฐานใดต่อศาลเพื่อประกอบการวินิจฉัยคดีได้เสมอ คำสั่งดังกล่าวเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างหนึ่งของศาล เมื่อโจทก์ทราบคำสั่งแล้วเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามภายในกำหนดจึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา174(2).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2075/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเลิกจ้างก่อนบังคับใช้ พ.ร.บ.แรงงาน และผลของการไม่โต้แย้งคำสั่งศาล
จำเลยเลิกจ้างโจทก์ก่อนวันที่พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 49 ใช้บังคับ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม และเรื่องอำนาจฟ้องดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ ศาลฎีกาก็เห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำสั่งของศาลแรงงานกลางที่ไม่รับบัญชีระบุพยานโจทก์ โดยให้ถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ ให้งดสืบพยานโจทก์และนัดฟังคำพิพากษา เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาหากโจทก์ไม่เห็นด้วยและจะอุทธรณ์คำสั่งนั้น ก็จะต้องโต้แย้งคัดค้านไว้ในคดีนี้ศาลนัดฟังคำพิพากษาหลังจากมีคำสั่งดังกล่าวถึง 3 วัน จึงมีเวลาเพียงพอที่โจทก์จะโต้แย้งคัดค้านคำสั่งได้ เมื่อไม่โต้แย้งคัดค้าน โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งดังกล่าวต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522มาตรา 31.
คำสั่งของศาลแรงงานกลางที่ไม่รับบัญชีระบุพยานโจทก์ โดยให้ถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ ให้งดสืบพยานโจทก์และนัดฟังคำพิพากษา เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาหากโจทก์ไม่เห็นด้วยและจะอุทธรณ์คำสั่งนั้น ก็จะต้องโต้แย้งคัดค้านไว้ในคดีนี้ศาลนัดฟังคำพิพากษาหลังจากมีคำสั่งดังกล่าวถึง 3 วัน จึงมีเวลาเพียงพอที่โจทก์จะโต้แย้งคัดค้านคำสั่งได้ เมื่อไม่โต้แย้งคัดค้าน โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งดังกล่าวต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522มาตรา 31.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1420/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีและการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล จำเลยถูกพิจารณาจากพฤติการณ์
เดิมจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลย ยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ยื่นคำให้การ ครั้นถึงวันสืบพยานจำเลย จำเลยและทนายก็ไม่มาศาลตามนัด หลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยานแล้ว ทนายจำเลยจึงมาศาลทั้งพยานที่จะนำสืบก็ไม่นำมา ดังนี้ พฤติการณ์น่าเชื่อว่าจำเลยประวิงคดี การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าวถึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 116/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกโดยวิธีปิดคำคู่ความต้องมีคำสั่งศาล การส่งโดยไม่ได้รับคำสั่งศาลถือว่าการส่งไม่ชอบ
การที่พนักงานเดินหมายจัดส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องโดยการปิดคำคู่ความไว้ที่สำนักทำการงานของจำเลย โดยที่ศาลชั้นต้นยังมิได้มีคำสั่งให้ส่งโดยวิธีปิดคำคู่ความนั้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยชอบแล้ว.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1069/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล: ศาลฎีกาให้ความสำคัญกับระยะเวลาที่เหมาะสมและเจตนาของโจทก์
ทนายโจทก์ยื่นคำแถลงขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยประกาศหนังสือพิมพ์ ข้อความท้ายคำร้องคำแถลงมีว่า ข้าพเจ้ารอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในวันเดียวกันนั้นไม่อนุญาตให้ประกาศหนังสือพิมพ์ ให้โจทก์แถลงว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปภายใน 3 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งฟ้อง ต้องถือว่าโจทก์ได้ทราบคำสั่งนั้นแล้ว เมื่อโจทก์มิได้แถลงภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จึงเป็นกรณีที่ถือได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2) ศาลชั้นต้นมีอำนาจจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 (1)
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 ไม่ได้บังคับว่าศาลต้องจำหน่ายคดี เป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลพินิจ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2527 ให้โจทก์แถลงภายใน 3 วันวันที่ 7 ธันวาคม 2527 ทนายโจทก์ติดประชุม วันที่ 8 ธันวาคม 2527ตรงกับวันเสาร์อันเป็นวันหยุดราชการ วันสุดท้ายแห่งระยะเวลาคือวันที่ 9 ธันวาคม 2527 แต่วันที่ 9 และวันที่ 10 ธันวาคม 2527 ตรงกับวันอาทิตย์และวันพระราชทานรัฐธรรมนูญตามลำดับอันเป็นวันหยุดราชการโจทก์จึงมีสิทธิแถลงในวันที่ 11 ธันวาคม 2527 ได้ด้วย การที่โจทก์แถลงเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2527 จึงเกินกำหนดตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่จะยื่นได้เพียงวันเดียวระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์แถลงภายใน 3 วัน เป็นระยะเวลาค่อนข้างสั้นสำหรับกรณีนี้ ทั้งขณะโจทก์ยื่นคำร้องว่าไม่มีเจตนาทิ้งฟ้องและแถลงขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องตามคำสั่งของศาลชั้นต้นอันเป็นการแสดงว่าโจทก์ประสงค์ได้ดำเนินคดีต่อไป ศาลชั้นต้นก็ยังมิได้สั่งจำหน่ายคดี คดีมีเหตุสมควรให้โจทก์ได้มีโอกาสดำเนินคดีต่อไป โดยยังไม่สั่งจำหน่ายคดีของโจทก์
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 ไม่ได้บังคับว่าศาลต้องจำหน่ายคดี เป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลพินิจ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2527 ให้โจทก์แถลงภายใน 3 วันวันที่ 7 ธันวาคม 2527 ทนายโจทก์ติดประชุม วันที่ 8 ธันวาคม 2527ตรงกับวันเสาร์อันเป็นวันหยุดราชการ วันสุดท้ายแห่งระยะเวลาคือวันที่ 9 ธันวาคม 2527 แต่วันที่ 9 และวันที่ 10 ธันวาคม 2527 ตรงกับวันอาทิตย์และวันพระราชทานรัฐธรรมนูญตามลำดับอันเป็นวันหยุดราชการโจทก์จึงมีสิทธิแถลงในวันที่ 11 ธันวาคม 2527 ได้ด้วย การที่โจทก์แถลงเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2527 จึงเกินกำหนดตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่จะยื่นได้เพียงวันเดียวระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์แถลงภายใน 3 วัน เป็นระยะเวลาค่อนข้างสั้นสำหรับกรณีนี้ ทั้งขณะโจทก์ยื่นคำร้องว่าไม่มีเจตนาทิ้งฟ้องและแถลงขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องตามคำสั่งของศาลชั้นต้นอันเป็นการแสดงว่าโจทก์ประสงค์ได้ดำเนินคดีต่อไป ศาลชั้นต้นก็ยังมิได้สั่งจำหน่ายคดี คดีมีเหตุสมควรให้โจทก์ได้มีโอกาสดำเนินคดีต่อไป โดยยังไม่สั่งจำหน่ายคดีของโจทก์