พบผลลัพธ์ทั้งหมด 948 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3208/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาจำนองประกันหนี้รวมดอกเบี้ย, สิทธิเจ้าหนี้รับจำนอง, ค่าฤชาธรรมเนียมบังคับจำนอง
สัญญาจำนองมีข้อตกลงว่า ส. จำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันเงินซึ่งผู้จำนองหรือ อ. เป็นหนี้ผู้รับจำนองอยู่ในขณะทำสัญญาหรือในอนาคตทั้งหมดรวมวงเงิน 80,000 บาท เมื่อปรากฏว่าสัญญาจำนองทำขึ้นวันเดียวกับที่ อ. ทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับผู้รับจำนอง และหนังสือต่ออายุสัญญา ครั้งสุดท้ายก็ระบุวงเงินเบิกเกินบัญชีไม่เกิน 80,000 บาท ทั้ง ๆ ที่ขณะนั้น อ. เป็นหนี้ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนองอยู่ถึง 116,671.87 บาท ดังนี้ ย่อมแสดงให้เห็นว่า ผู้ร้องกับ ส. ผู้จำนองมีเจตนาจำนองประกันหนี้รวมดอกเบี้ยทั้งหมดไม่เกิน 80,000 บาท ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองขอให้ศาลสั่งขายที่ดินที่จำนองโดยวิธีปลอด จำนองและขอนำเงินที่ขายทอดตลาดมาชำระหนี้จำนองก่อนเช่นนี้เป็นคำฟ้องที่ขอให้บังคับจำนองโดยอาศัยสิทธิของเจ้าหนี้ผู้รับจำนองด้วยวิธีการพิเศษตาม ป.วิ.พ. มาตรา 289 ผู้ร้องจึงมีสิทธิได้รับชำระค่าฤชาธรรมเนียมบังคับจำนองในฐานะเจ้าหนี้ผู้รับจำนอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3208/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำนองประกันหนี้รวมดอกเบี้ย วงเงินจำนองเป็นวงเงินรวมหนี้ทั้งหมด ผู้รับจำนองมีสิทธิได้รับค่าฤชาธรรมเนียม
สัญญาจำนองมีข้อตกลงว่า ส. จำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันเงินซึ่งผู้จำนองหรือ อ. เป็นหนี้ผู้รับจำนองอยู่ในขณะทำสัญญาหรือในอนาคตทั้งหมดรวมวงเงิน 80,000 บาท เมื่อปรากฏว่าสัญญาจำนองทำขึ้นวันเดียวกับที่ อ. ทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับผู้รับจำนอง และหนังสือต่ออายุสัญญา ครั้งสุดท้ายก็ระบุวงเงินเบิกเกินบัญชีไม่เกิน 80,000 บาท ทั้งๆ ที่ขณะนั้น อ. เป็นหนี้ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนองอยู่ถึง116,671.87 บาท ดังนี้ ย่อมแสดงให้เห็นว่า ผู้ร้องกับ ส. ผู้จำนองมีเจตนาจำนองประกันหนี้รวมดอกเบี้ยทั้งหมดไม่เกิน80,000 บาท
ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองขอให้ศาลสั่งขายที่ดินที่จำนองโดยวิธีปลอดจำนองและขอนำเงินที่ขายทอดตลาดมาชำระหนี้จำนองก่อนเช่นนี้เป็นคำฟ้องที่ขอให้บังคับจำนองโดยอาศัยสิทธิของเจ้าหนี้ผู้รับจำนองด้วยวิธีการพิเศษตาม ป.วิ.พ. มาตรา289 ผู้ร้องจึงมีสิทธิได้รับชำระค่าฤชาธรรมเนียมบังคับจำนองในฐานะเจ้าหนี้ผู้รับจำนอง.
ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองขอให้ศาลสั่งขายที่ดินที่จำนองโดยวิธีปลอดจำนองและขอนำเงินที่ขายทอดตลาดมาชำระหนี้จำนองก่อนเช่นนี้เป็นคำฟ้องที่ขอให้บังคับจำนองโดยอาศัยสิทธิของเจ้าหนี้ผู้รับจำนองด้วยวิธีการพิเศษตาม ป.วิ.พ. มาตรา289 ผู้ร้องจึงมีสิทธิได้รับชำระค่าฤชาธรรมเนียมบังคับจำนองในฐานะเจ้าหนี้ผู้รับจำนอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3092/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการสินสมรส: อำนาจสามีจำนองสินสมรสก่อนสัญญาก่อนสมรส และสิทธิการกันส่วน
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1468 เดิมก่อนแก้ไขให้อำนาจสามีเป็นผู้จัดการสินบริคณห์ได้แต่ผู้เดียวเว้นแต่ในสัญญาก่อนสมรสจะได้กำหนดไว้ เป็นอย่างอื่น ดังนั้น การที่จำเลยจำนองที่ดินสินสมรสกับโจทก์ขณะที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1468 เดิมมีผลใช้บังคับอยู่จึงมีผลผูกพันที่ดินที่จำนองทั้งหมด ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอกันส่วน และกรณีนี้เป็นเรื่องการจัดการสินบริคณห์ มิใช่เรื่องการชำระหนี้ จึงไม่จำต้องวินิจฉัยในประเด็นที่ว่าเป็นหนี้ร่วมที่จะต้องใช้จากสินบริคณห์และสินส่วนตัวของทั้งสองฝ่ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1480
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3092/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจัดการสินสมรส: การจำนองที่ดินโดยสามีแต่ผู้เดียวเมื่อไม่มีสัญญาก่อนสมรส
สามีจำนองที่ดินสินสมรสไว้กับธนาคาร ขณะ ป.พ.พ. มาตรา 1468เดิม มีผลใช้บังคับอยู่ และไม่มีสัญญาก่อนสมรสกำหนดให้ภริยาเป็นผู้จัดการสินบริคณห์หรือให้จัดการร่วมกัน สามีจึงเป็นผู้จัดการสินบริคณห์ได้แต่ผู้เดียว ดังนั้น การที่สามีนำที่ดินสินสมรสไปจำนองกับธนาคารจึงมีผลสมบูรณ์ผูกพันที่ดินที่จำนอง ภริยาไม่มีสิทธิขอกันส่วน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3092/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจัดการสินสมรส: การจำนองที่ดินโดยสามีแต่ผู้เดียวตามกฎหมายเดิม และสิทธิในการขอกันส่วนของภริยา
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1468 เดิมก่อนแก้ไขให้อำนาจสามีเป็นผู้จัดการสินบริคณห์ได้แต่ผู้เดียวเว้นแต่ในสัญญาก่อนสมรสจะได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ดังนั้น การที่จำเลยจำนองที่ดินสินสมรสกับโจทก์ขณะที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1468 เดิมมีผลใช้บังคับอยู่จึงมีผลผูกพันที่ดินที่จำนองทั้งหมด ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอกันส่วน และกรณีนี้เป็นเรื่องการจัดการสินบริคณห์ มิใช่เรื่องการชำระหนี้ จึงไม่จำต้องวินิจฉัยในประเด็นที่ว่าเป็นหนี้ร่วมที่จะต้องใช้จากสินบริคณห์และสินส่วนตัวของทั้งสองฝ่ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1480.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2662/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงขายคืนหลังหลุดจำนอง: คำมั่นจะขาย มิใช่ขยายเวลาไถ่ทรัพย์
ข้อตกลงที่ผู้รับซื้อฝากยินยอมที่จะขายทรัพย์คืนให้แก่ผู้ขายฝากเมื่อทรัพย์ที่ขายฝากได้หลุดเป็นสิทธิของผู้รับซื้อฝากแล้ว เข้าลักษณะเป็นคำมั่นจะขายทรัพย์ซึ่งบังคับกันได้ มิใช่เป็นการขยายเวลาไถ่ทรัพย์อันต้องห้ามตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 496.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2368/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของผู้จำนองต่อดอกเบี้ยทบต้นเมื่อลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี
จำเลยที่ 2 ทำสัญญาจำนองประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีที่ทำไว้ต่อธนาคารโจทก์ในวงเงิน 400,000 บาท โดยจำเลยที่ 2 ยอมเสียดอกเบี้ยทบต้นเมื่อจำเลยที่ 1 ผิดนัดชำระดอกเบี้ยตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีโดยถือเอารายการบัญชีกระแสรายวันที่จำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์เต็มตามวงเงินที่จำเลยที่ 2 ทำสัญญาจำนองไว้เป็นวันเริ่มต้นของการคิดดอกเบี้ยทบต้น ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์มีจำนวนเกิน 400,000 บาท ในวันที่ 30 กันยายน 2525 จำเลยที่ 2 จึงต้องเสียดอกเบี้ยทบต้นให้แก่โจทก์นับแต่วันนั้นเป็นต้นไปจนถึงวันที่สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เลิกกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2368/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำนองประกันหนี้: การเริ่มต้นคิดดอกเบี้ยทบต้นเมื่อยอดหนี้ถึงวงเงินจำนอง
จำเลยที่ 2 ทำสัญญาจำนองประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีที่ทำไว้ต่อธนาคารโจทก์ในวงเงิน 400,000บาท โดยจำเลยที่ 2 ยอมเสียดอกเบี้ยทบต้นเมื่อจำเลยที่ 1 ผิดนัดชำระดอกเบี้ยตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีโดยถือเอารายการบัญชีกระแสรายวันที่จำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์เต็มตามวงเงินที่จำเลยที่ 2 ทำสัญญาจำนองไว้เป็นวันเริ่มต้นของการคิดดอกเบี้ยทบต้น ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์มีจำนวนเกิน400,000 บาทในวันที่ 30 กันยายน 2525 จำเลยที่ 2 จึงต้องเสียดอกเบี้ยทบต้นให้แก่โจทก์นับแต่วันนั้นเป็นต้นไปจนถึงวันที่สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เลิกกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1819/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเช่าเป็นดอกผลจำนองได้เฉพาะที่มีสัญญาเช่าอยู่แล้ว ไม่ใช่ค่าเช่าที่คาดหวังในอนาคต
ค่าเช่าอันเป็นดอกผลนิตินัยที่จะพึงบังคับจำนองได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 721 นั้น ต้องเกิดจากการเช่าที่มีอยู่ก่อนและขณะผู้รับจำนองบอกกล่าวบังคับจำนอง ไม่ใช่ค่าเช่าที่คาดหมายว่าอาจให้เช่าได้จำนวนหนึ่งโดยไม่มีการเช่าอยู่เลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1819/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกผลจากการจำนองต้องเป็นค่าเช่าที่เกิดขึ้นจริงก่อนการบังคับจำนอง ไม่ใช่ค่าเช่าที่คาดหวังในอนาคต
ดอกผล แห่งทรัพย์สินที่จำนองซึ่งผู้รับจำนองจะบังคับเอาได้นั้น ถ้า เงินค่าเช่าที่ดินและบ้านที่จำนองอันเป็นดอกผล นิตินัยแล้วจะต้องเป็นการเช่า ที่มีอยู่ก่อนและขณะผู้รับจำนองบอกกล่าวบังคับจำนอง ไม่ใช่ไม่มีการเช่า อยู่เลยแล้วคาดหมายว่าอาจให้เช่า และได้ค่าเช่าจำนวนหนึ่งในภาคหน้า ฉะนั้นค่าเช่าที่ดินและบ้านที่จำนองซึ่งโจทก์คาดว่าจะได้ในภาคหน้า ดังกล่าวจึงไม่ใช่ดอกผล ที่โจทก์ผู้รับจำนองจะพึงบังคับจำนองเอาตาม ป.พ.พ.มาตรา 721 ได้.