คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
บอกเลิกสัญญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,021 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 105/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความสัญญาซื้อขายข้าวสาร การบอกเลิกสัญญา และการผิดสัญญา
โจทก์ที่ 1 อุทธรณ์ว่า ศาลชั้นต้นตีความข้อตกลงแห่งสัญญาเอกสารหมาย จ.1 ผิดทำให้ศาลชั้นต้นฟังพยานหลักฐานผิดไปจากสำนวน หากตีความตามที่โจทก์ที่ 1 อุทธรณ์ จะเห็นได้ว่าโจทก์ที่ 1 สืบได้ว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา อุทธรณ์ของโจทก์ที่ 1เช่นนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมาย สัญญาแม้จะมิได้กำหนดเวลาให้ผู้ขายส่งมอบข้าวสารให้ผู้ซื้อก็ตามแต่ที่สัญญาระบุว่าผู้ซื้อจะต้องชำระราคาข้าวสารให้ผู้ขายภายในวันที่ 30 กันยายน 2529 นั้น พอจะอนุมานได้ว่าคู่กรณีตกลงให้ผู้ขายส่งมอบข้าวสารให้แก่ผู้ซื้อภายในกำหนดเวลาดังกล่าวด้วยทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 203 และเมื่อเกิดสัญญากันขึ้นแล้ว คู่กรณีย่อมต้องผูกพันชำระหนี้กันตามสัญญาส่วนฝ่ายใดจะมีสิทธิเลิกสัญญาหรือไม่นั้นย่อมเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายหรือมีข้อความในสัญญาระบุให้สิทธิเลิกสัญญาไว้ เมื่อข้อความในสัญญาตามเอกสารหมาย จ.1 ไม่ได้ระบุให้ผู้ขายมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ก่อนหนี้ถึงกำหนดชำระ ทั้งไม่มีกฎหมายให้สิทธิผู้ขายบอกเลิกสัญญาได้ จำเลยย่อมไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญา เมื่อจำเลยให้การว่าจำเลยได้บอกเลิกสัญญากับโจทก์เมื่อวันที่ 17 กันยายน2529 แล้วเช่นนี้ย่อมถือว่าจำเลยได้บอกเลิกสัญญาก่อนที่จะส่งมอบข้าวสารให้แก่โจทก์ที่ 1 ตามสัญญา การบอกเลิกสัญญาของจำเลยจึงไม่ชอบ เมื่อจำเลยไม่ยอมส่งมอบข้าวสารให้แก่โจทก์ที่ 1 ภายในวันที่ 30 กันยายน 2529 จำเลยจึงเป็นผู้ผิดสัญญา โจทก์ที่ 1ย่อมได้รับความเสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 700/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้มติไม่ได้ระบุผู้มีอำนาจ สิทธิระงับลงด้วยการบอกเลิกโดยชอบ
คณะกรรมการปรับปรุงอาคารพิพาทของผู้ให้เช่ามีมติให้บอกเลิกการเช่าแก่ผู้เช่า ย. ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้ากองอาคารของผู้ให้เช่าได้มีหนังสือบอกเลิกการเช่าแก่ผู้เช่าไปตามมติดังกล่าว แม้ในมตินั้นจะไม่ได้ระบุให้ ย. เป็นผู้บอกเลิกการเช่าแก่ผู้เช่า ก็ถือได้ว่า ย. บอกเลิกการเช่าแทนผู้ให้เช่าแล้วโดยชอบโดยปริยาย ไม่จำเป็นต้องให้ผู้อำนวยการของผู้ให้เช่าต้องมอบอำนาจอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 604/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อและการส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาโดยชอบ การกลับคืนสู่ฐานะเดิม
ตามหนังสือสัญญาเช่าซื้อที่ดินและอาคารที่โจทก์กับจำเลยตกลงทำกันไว้มีข้อความว่า "การบอกล่าวหรือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ เมื่อผู้ให้เช่าซื้อได้ทำเป็นหนังสือส่งถึงผู้เช่าซื้อ ณ ที่อยู่อาศัยของผู้เช่าซื้อตามที่ระบุไว้ในสัญญานี้ หรือ ณ สถานที่ที่ให้เช่าซื้อหรือได้ปิดหนังสือนั้นไว้ในที่เปิดเผยซึ่งเห็นได้ง่าย ณ สถานที่ที่ให้เช่าซื้อแล้ว เป็นที่ตกลงกันว่าผู้เช่าซื้อได้รับหนังสือนั้นแล้ว" โจทก์จึงมีสิทธิที่จะเลือกส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาให้แก่จำเลย ณที่อยู่อาศัยตามที่ระบุไว้ในสัญญาหรือสถานที่ที่ให้เช่าซื้อ หรือปิดหนังสือนั้นไว้ในที่เปิดเผย ณสถานที่ที่ให้เช่าซื้ออย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้ เมื่อโจทก์เลือกส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาแก่จำเลยไปยังสถานที่ที่ให้เช่าซื้อและการปิดหนังสือบอกเลิกสัญญาของโจทก์ได้กระทำโดยเปิดเผยที่ประตูรั้วบ้านซึ่งเป็นอาคารที่เช่าซื้อแล้ว จึงเป็นการส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาแก่จำเลยโดยชอบสัญญาเช่าซื้อเป็นอันเลิกกัน แม้ภายหลังจำเลยจะได้ครอบครองอาคารพิพาทต่อมา ทั้งนำค่าเช่าซื้อบางงวดไปชำระให้แก่โจทก์และโจทก์รับไว้ ก็ถือได้ว่าโจทก์กระทำเพื่อบรรเทาความเสียหายที่โจทก์ได้รับเพราะจำเลยยังไม่ส่งมอบอาคารพิพาทกลับคืนให้แก่โจทก์หลังจากเลิกสัญญากันแล้วเท่านั้น หาใช่เป็นการทำสัญญาเช่าซื้อกันใหม่ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 604/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อและการส่งหนังสือบอกเลิกโดยชอบตามสัญญา
สัญญาเช่าซื้อที่ดินและอาคารที่โจทก์กับจำเลยตกลงทำกันไว้ระบุว่า การบอกกล่าวหรือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ เมื่อผู้ให้เช่าซื้อได้ทำเป็นหนังสือส่งถึงผู้เช่าซื้อ ณ ที่อยู่อาศัยของผู้เช่าซื้อตามที่ระบุไว้ในสัญญานี้ หรือ ณ สถานที่ที่ให้เช่าซื้อหรือได้ปิดหนังสือนั้นไว้ในที่เปิดเผยซึ่งเห็นได้ง่าย ณสถานที่ที่ให้เช่าซื้อแล้ว เป็นที่ตกลงกันว่าผู้เช่าซื้อได้รับหนังสือนั้นแล้ว เมื่อโจทก์เลือกส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาแก่จำเลยไปยังสถานที่ที่ให้เช่าซื้อและการปิดหนังสือบอกเลิกสัญญาของโจทก์ได้กระทำโดยเปิดเผยที่ประตูรั้วบ้านซึ่งเป็นอาคารที่เช่าซื้อแล้ว จึงเป็นการส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาแก่จำเลยโดยชอบสัญญาเช่าซื้อเป็นอันเลิกกัน แม้ภายหลังจำเลยจะได้ครอบครองอาคารพิพาทต่อมาทั้งนำค่าเช่าซื้อบางงวดไปชำระให้แก่โจทก์และโจทก์รับไว้ ก็ถือได้ว่าโจทก์กระทำเพื่อบรรเทาความเสียหายที่โจทก์ได้รับเพราะจำเลยยังไม่ส่งมอบอาคารพิพาทที่เช่าซื้อกลับคืนให้แก่โจทก์หลังจากเลิกสัญญากันแล้วเท่านั้นหาใช่เป็นการทำสัญญาเช่าซื้อกันใหม่ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 604/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อและการส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาโดยชอบ
ตามหนังสือสัญญาเช่าซื้อที่ดินและอาคารที่โจทก์กับจำเลยตกลงทำกันไว้มีข้อความว่า "การบอกกล่าวหรือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อเมื่อผู้ให้เช่าซื้อได้ทำเป็นหนังสือส่งถึงผู้เช่าซื้อณ ที่อยู่อาศัยของผู้เช่าซื้อตามที่ระบุไว้ในสัญญานี้ หรือ ณสถานที่ที่ให้เช่าซื้อหรือได้ปิดหนังสือนั้นไว้ในที่เปิดเผยซึ่งเห็นได้ง่าย ณ สถานที่ที่ให้เช่าซื้อแล้ว เป็นที่ตกลงกันว่าผู้เช่าซื้อได้รับหนังสือนั้นแล้ว" โจทก์จึงมีสิทธิที่จะเลือกส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาให้แก่จำเลย ณ ที่อยู่อาศัยตามที่ระบุไว้ในสัญญาหรือสถานที่ที่ให้เช่าซื้อ หรือปิดหนังสือนั้นไว้ในที่เปิดเผย ณ สถานที่ที่ให้เช่าซื้ออย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้ เมื่อโจทก์เลือกส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาแก่จำเลยไปยังสถานที่ที่ให้เช่าซื้อและการปิดหนังสือบอกเลิกสัญญาของโจทก์ได้กระทำโดยเปิดเผยที่ประตูรั้วบ้านซึ่งเป็นอาคารที่เช่าซื้อแล้ว จึงเป็นการส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาแก่จำเลยโดยชอบสัญญาเช่าซื้อเป็นอันเลิกกัน แม้ภายหลังจำเลยจะได้ครอบครองอาคารพิพาทต่อมา ทั้งนำค่าเช่าซื้อบางงวดไปชำระให้แก่โจทก์และโจทก์รับไว้ ก็ถือได้ว่าโจทก์กระทำเพื่อบรรเทาความเสียหายที่โจทก์ได้รับเพราะจำเลยยังไม่ส่งมอบอาคารพิพาทกลับคืนให้แก่โจทก์หลังจากเลิกสัญญากันแล้วเท่านั้น หาใช่เป็นการทำสัญญาเช่าซื้อกันใหม่ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 422/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของคู่สัญญาเช่าเมื่อสัญญาหมดอายุและไม่มีหลักฐานการต่อสัญญา ศาลพิจารณาการเช่าโดยไม่มีกำหนดเวลาและการบอกเลิกสัญญา
โจทก์และโจทก์ร่วมถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินซึ่งมีตึกแถวพิพาทปลูกอยู่ร่วมกัน และได้จดทะเบียนให้ ล. เป็นผู้ทรงสิทธิเก็บกินตลอดชีวิตล.ทำหนังสือยินยอมให้โจทก์ใช้สิทธิเก็บกินแทน จำเลยทำสัญญาเช่าตึกแถวกับโจทก์ เช่นนี้จำเลยจะโต้แย้งว่า ล.มีสิทธิเก็บกินในที่ดินและตึกแถวพิพาทมิได้ โจทก์ในฐานะคู่สัญญากับจำเลยย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยตามสัญญาเช่าได้ โจทก์บรรยายฟ้องว่า เดิมโจทก์ทำสัญญาให้เช่าตึกแถวพิพาท กับจำเลยมีกำหนดเวลาเช่า 3 ปี สัญญาครบกำหนดแล้ว โจทก์จำเลย ตกลงกันขึ้นค่าเช่าเป็นเดือนละ 6,000 บาท จำเลยไม่ชำระค่าเช่าให้ โจทก์โจทก์เสียหายเดือนละ 6,000 บาท เท่าค่าเช่า โจทก์ บอกกล่าวเลิก สัญญาเช่าแก่จำเลยแล้ว ขอให้ขับไล่จำเลยและบังคับ จำเลยใช้ค่าเสียหายดังนี้ไม่จำเป็นต้องบรรยายรายละเอียดว่า เหตุใดโจทก์เสียหายเดือนละ6,000 บาทอีก สัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือทั้งข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ตกลงเช่ากับโจทก์มีกำหนด 3 ปี และฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้จ่ายเงินค่าตอบแทนให้โจทก์เป็นเงิน 120,000บาท จำเลยจึงไม่มีสิทธิฟ้องแย้งเรียกเงินคืนจากโจทก์ 70,000 บาทโดยอ้างว่าจำเลยเพิ่งเข้าอยู่ได้เพียง 1 ปี 3 เดือน และกำหนดเวลาเลิกยังขาดอยู่ 1 ปี 3 เดือนตามฟ้องแย้ง เมื่อตาม กฎหมายให้ถือว่าโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาใหม่ต่อไปโดยไม่มีกำหนด เวลา และจำเลยนำสืบยอมรับว่าโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว จำเลยจึงไม่มีสิทธิอยู่ในตึกแถวพิพาทต่อไป การที่จำเลยยังอยู่ ในตึกแถวพิพาทจึงเป็นการอยู่โดยละเมิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3921/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าพื้นที่กรณีผู้เช่าใช้พื้นที่ผิดสัญญาและมีพฤติการณ์ผิดศีลธรรม ผู้ให้เช่าไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย
การที่โจทก์เช่าพื้นที่ในโรงแรมของจำเลยที่ 1 เปิดกิจการร้านเสริมสวยและตัดผม แต่ได้เปิดกิจการอาบ อบ นวด ขึ้น นอกเหนือข้อตกลงในสัญญาและโจทก์มีพฤติการณ์รู้เห็นยินยอมให้พนักงานนวดของโจทก์ค้าประเวณีกับแขกที่มาพักโรงแรม เป็นการฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน ถือได้ว่าโจทก์ได้ใช้ทรัพย์สินที่เช่าเพื่อการอย่างอื่นนอกจากที่ใช้กันตามประเพณีนิยมปกติหรือการดังกำหนดไว้ในสัญญาเช่า เมื่อจำเลยบอกกล่าวแล้วโจทก์ละเลยไม่ปฏิบัติตาม จำเลยที่ 1 จึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 554
เมื่อจำเลยที่ 1 บอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว สัญญาเช่าจึงเป็นอันสิ้นสุดลง โจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองใช้ประโยชน์ในสถานที่เช่าอีกต่อไป การที่จำเลยไม่จ่ายกระแสไฟฟ้าและน้ำประปาให้โจทก์ แล้วต่อมาจำเลยได้ใส่กุญแจไม่ให้โจทก์เข้าไปใช้สถานที่เช่าเป็นการกระทำภายหลังสัญญาเช่าได้สิ้นสุดลงโดยได้กำหนดเวลาให้โจทก์พอสมควรแล้ว จึงไม่เป็นการละเมิด โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายที่ขาดรายได้จากกิจการของโจทก์และค่าชดเชยที่จ่ายให้แก่พนักงานของโจทก์นับแต่วันที่สัญญาเช่าได้สิ้นสุดลง
ที่โจทก์ฎีกาขอให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 นั้น ปรากฏว่าศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยที่ 1 เป็นเงิน 127,400 บาทพร้อมดอกเบี้ย โจทก์อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องแย้ง แต่โจทก์ไม่ได้เสียค่าธรรมเนียมฟ้องแย้งในชั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จึงไม่รับวินิจฉัย ฎีกาของโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ที่ศาลล่างทั้งสองให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายเป็นค่าขาดรายได้แก่จำเลยที่ 1 เดือนละ 19,600 บาท ถึงวันฟ้องแย้งเป็นเวลา 6 เดือน 15 วันเป็นเงิน 127,400 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี และค่าขาดรายได้เดือนละ 19,600 บาท นับแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2529 จนกว่าจะชำระเสร็จ นั้นไม่ถูกต้อง เพราะจำเลยที่ 1 ฟ้องแย้งขอให้โจทก์ใช้ค่าขาดรายได้นับแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2528 ถึงวันฟ้องแย้ง คือ วันที่ 13 มิถุนายน 2529 ซึ่งเป็นเวลาเพียง 6 เดือน 13 วัน ทั้งจำเลยที่ 1 ไม่ได้ขอคิดดอกเบี้ย และจำเลยที่ 1ขอเรียกค่าขาดรายได้นับแต่วันฟ้องแย้งถึงวันที่โจทก์ขนย้ายทรัพย์สินออกจากสถานที่เช่าเท่านั้น มิได้ขอถึงวันชำระเสร็จ จึงเป็นกรณีที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษานอกเหนือไปจากฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 อันเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความไม่ฎีกาในปัญหานี้ ศาลฎีกาก็เห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3921/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าเนื่องจากกิจการนอกเหนือข้อตกลงและฝ่าฝืนศีลธรรม
โจทก์เช่าพื้นที่ในโรงแรมของจำเลยที่ 1 เปิดกิจการร้านเสริมสวยและตัดผม แต่ได้เปิดกิจการอาบ อบ นวด ขึ้นนอกเหนือข้อตกลงในสัญญาและโจทก์รู้เห็นยินยอมให้พนักงานนวดของโจทก์ค้าประเวณีกับแขกที่มาพักโรงแรม เป็นการฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดีของประชาชนถือได้ว่าโจทก์ได้ใช้ทรัพย์สินที่เช่าเพื่อการอย่างอื่นนอกจากที่ใช้กันตามประเพณีนิยมปกติหรือการดังกำหนดไว้ในสัญญาเช่า เมื่อจำเลยบอกกล่าวแล้วโจทก์ละเลยไม่ปฏิบัติตาม จำเลยที่ 1 จึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 554 เมื่อจำเลยที่ 1 ผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว สัญญาเช่าจึงเป็นอันสิ้นสุดลง โจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองใช้ประโยชน์ในสถานที่เช่าอีกต่อไป การที่จำเลยไม่จ่ายกระแสไฟฟ้าและน้ำประปาให้โจทก์และต่อมาจำเลยได้ใส่กุญแจไม่ให้โจทก์เข้าไปใช้สถานที่เช่าเป็นการกระทำภายหลังสัญญาเช่าได้สิ้นสุดลงโดยได้กำหนดเวลาให้โจทก์พอสมควรแล้ว จึงไม่เป็นการละเมิด โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายที่ขาดรายได้จากกิจการของโจทก์และค่าชดเชยที่จ่ายให้แก่พนักงานของโจทก์นับแต่วันที่สัญญาเช่าได้สิ้นสุดลง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3691/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาผู้ให้เช่าสำคัญกว่าการบอกเลิกสัญญาเช่าใหม่ หากไม่ยินยอมให้เช่าต่อ แม้ผู้เช่าอยู่ต่อก็ไม่ถือเป็นสัญญาเช่าใหม่ไม่มีกำหนดเวลา
การที่จะถือว่าเมื่อสิ้นกำหนดการเช่าแล้วมีการเช่ากันใหม่ต่อไปไม่มีกำหนดเวลาตาม ป.พ.พ. มาตรา 570 นั้น กฎหมายไม่ได้กำหนดว่า ผู้ให้เช่ามีหน้าที่จะต้องบอกเลิกการเช่า หรือบอกกล่าวให้ผู้เช่าทราบก่อนหรือในวันครบกำหนดการเช่าว่าจะไม่ให้เช่าต่อไปหากแต่ให้ดูเจตนาของผู้ให้เช่าว่า มีการยินยอมให้ผู้เช่าอยู่ต่อไปหรือไม่ ซึ่งการยินยอมนั้นรวมถึงการไม่ทักท้วงเมื่อรู้ว่าผู้เช่าครอบครองทรัพย์สินที่เช่าต่อมาหลังจากสิ้นกำหนดเวลาเช่าแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3691/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาผู้ให้เช่าสำคัญกว่าการบอกเลิกสัญญาเช่าเมื่อครบกำหนด หากมีหนังสือทักท้วงแล้ว ไม่ถือเป็นการเช่าใหม่ไม่มีกำหนด
การที่จะถือว่าเมื่อสิ้นกำหนดการเช่าแล้วมีการเช่ากันใหม่ต่อไป ไม่มีกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 570นั้น กฎหมายไม่ได้กำหนดว่าผู้ให้เช่ามีหน้าที่จะต้องบอกเลิกการเช่าหรือบอกกล่าวให้ผู้เช่าทราบก่อนหรือในวันครบกำหนดการเช่าว่าจะไม่ให้เช่าต่อไป หากแต่ให้ดูเจตนาของผู้ให้เช่าว่ามีการยินยอมให้ผู้เช่าอยู่ต่อไปหรือไม่ ซึ่งการยินยอมนั้นรวมถึงการไม่ทักท้วงเมื่อรู้ว่าผู้เช่าครอบครองทรัพย์สินที่เช่าต่อมหลังจากสิ้นกำหนดเวลาเช่าแล้ว สัญญาเช่าที่ดินมีกำหนดเวลาแน่นอน โจทก์มีหนังสือบอกเลิกการเช่าไปยังจำเลยในวันครบกำหนดการเช่า แสดงให้เห็นเจตนาของโจทก์ว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยเช่าต่อไปนับแต่วันครบกำหนดการเช่าแล้ว และหนังสือดังกล่าวนั้นจำเลยได้รับแล้ว ถือได้ว่าโจทก์ได้ทักท้วงในการที่จำเลยจะอยู่ในที่เช่าต่อไป ดังนี้ การที่จำเลยอยู่ในที่เช่า ต่อมาภายหลังสัญญาเช่าครบกำหนดแล้ว จึงไม่ใช่การเช่ากันใหม่โดยไม่มีกำหนดเวลาตามมาตรา 570 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องโดยไม่จำต้องบอกเลิกการเช่าตามมาตรา 566 อีก
of 103