คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฟ้องร้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 993 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5768/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องรุกล้ำที่ดินชลประทาน แม้ไม่ได้อ้างกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติม ศาลยังลงโทษได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยปลูกสร้างบ้านพักอาศัยรุกล้ำที่ดินราชพัสดุเขตชานคลองชลประทานโดยละเมิดกฎหมายและคำขอท้ายฟ้องได้ระบุอ้างพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช2485 มาตรา 23 วรรค 1 ซึ่งเป็นบทความผิดและมาตรา 37 ซึ่งเป็นบทกำหนดโทษกับอ้างพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2507 มาตรา 17 ซึ่งให้ยกเลิกความในมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช 2485 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2497 ทั้งได้ขอให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำนั้นด้วย เพียงแต่โจทก์มิได้อ้างพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง(ฉบับที่ 3) พ.ศ.2507 มาตรา 12 ซึ่งให้ยกเลิกความในมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวงพุทธศักราช 2485 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2497 ทั้งมิได้อ้างพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2518 มาตรา 7 ซึ่งให้ยกเลิกความในมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช 2485 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2507 แล้วบัญญัติความใหม่ขึ้นแทนเท่านั้น ตามความที่บัญญัติขึ้นใหม่ ยังคงเรียกว่ามาตรา 23 และมาตรา 37 อยู่นั่นเองการที่จำเลยกระทำความผิดหลังจากใช้กฎหมายซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมใหม่แล้ว แต่โจทก์มิได้ระบุอ้างพระราชบัญญัติที่แก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าว จึงมิทำให้ฟ้องโจทก์ขาดความสมบูรณ์
เมื่อฟังว่าจำเลยกระทำการฝ่าฝืนมาตรา 23 วรรค 1 แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช 2485 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2507 มาตรา 12 และมีบทกำหนดโทษตามพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช 2485 มาตรา37 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ 4)พ.ศ.2518 มาตรา 7 ศาลก็ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2518 มาตรา 7 ได้ และให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำนั้นได้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 444/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องผิดสัญญาคืนเช็ค: ฟ้องภายใน 10 ปี นับจากจำเลยไม่คืนเช็ค แม้มีประเด็นตัวการตัวแทน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์มอบเช็คพิพาทชำระหนี้ค่าจ้างตามสัญญาให้แก่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 3 แต่จำเลยที่ 1 ไม่มอบเช็คแก่จำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 โดยจำเลยที่ 2 ขอให้โจทก์ชำระเงินค่าจ้างตามสัญญาให้แก่จำเลยที่ 3 อีก และขอให้โจทก์อายัดเช็ค โดยจำเลยที่ 2 ที่ 3 สัญญาว่าจะนำเช็คพิพาทมาคืนให้แก่โจทก์ แต่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ก็มิได้นำมาคืน จนโจทก์ทั้งสามถูกฟ้องและต้องใช้เงินแก่ผู้ทรงเช็ค ดังนี้เป็นคำฟ้องที่แสดงให้เห็นว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3 ผิดสัญญาไม่คืนเช็คให้ตามข้อตกลงเป็นเหตุให้โจทก์เสียหาย เป็นคำฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 2 ที่ 3 ฐานผิดสัญญา ซึ่งกฎหมายมิได้บัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่นจึงต้องใช้อายุความ 10 ปีแม้คำฟ้องจะได้บรรยายเกี่ยวกับตัวการตัวแทน หรือระบุว่าจำเลยทั้งสามจงใจกระทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมาย ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นเรื่องละเมิด หรือลาภมิควรได้.(ที่มา-เนติ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3842/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บริษัทอนุมัติจ่ายเงินสินบนให้เจ้าหน้าที่รัฐเพื่อช่วยเหลือในการทำสัญญาซื้อขาย ทำให้บริษัทเองไม่มีสิทธิฟ้องร้องอาญา
ในการขายสินค้าระหว่างบริษัทโจทก์ ผู้ขายกับองค์การ ท. ผู้ซื้อบริษัทโจทก์ได้ตกลงยินยอมให้กำหนดจำนวนเงินที่จะให้เป็นค่าตอบแทนหรือค่านายหน้าให้แก่พนักงาน ขององค์การ ท. ที่ช่วยให้ขายสินค้าได้ เงินที่รับว่าจะให้นี้จึงเป็นเงินสินบนเมื่อการซื้อขายเสร็จบริบูรณ์ จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ทำสัญญาขายแทนบริษัทโจทก์ได้ทำหนังสือขออนุมัติจ่ายค่านายหน้า บริษัทโจทก์ได้อนุมัติให้จ่ายค่านายหน้าได้ อันเป็นการแสดงถึงเจตนาของบริษัทโจทก์ที่จะให้จำเลยที่ 1 นำเงินไปมอบให้แก่ผู้ช่วยเหลือให้ได้ทำสัญญาซื้อขาย การกระทำของบริษัทโจทก์ถือได้ว่าบริษัทโจทก์เป็นผู้ใช้ให้จำเลยที่ 1 ไปกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84 บริษัทโจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะนำคดีมาฟ้องร้องได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 302/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของผู้เช่าในการฟ้องขับไล่ผู้รอนสิทธิและเรียกผู้ให้เช่าเข้าร่วมดำเนินคดี
โจทก์เช่าตึกแถวจากวัด แต่ไม่สามารถเข้าครอบครองได้เพราะจำเลยไม่ยอมออกไป โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยผู้รอนสิทธิพร้อมกับขอให้ศาลเรียกวัดผู้ให้เช่าเข้าเป็นจำเลยร่วมหรือโจทก์ร่วมตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 549 ประกอบมาตรา 477 ได้.(ที่มา-เนติ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2908/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาเรื่องอายุความฟ้องละเมิด: แม้ฟ้องไม่ขาดอายุความ แต่โจทก์ไม่ชนะคดีหากจำเลยไม่ได้กระทำละเมิด
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยทั้งสามไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้อง โจทก์มิได้อุทธรณ์ในข้อนี้ ข้อเท็จจริงจึงเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น การที่โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายเพียงข้อเดียวว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ฎีกาของโจทก์จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 เพราะแม้จะวินิจฉัยข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์ว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ ก็ไม่ทำให้โจทก์ชนะคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 273/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการรับส่วนแบ่งมรดก: ผู้ไม่ร่วมฟ้องไม่มีสิทธิรับส่วนแบ่ง แม้เป็นทายาท
ภริยาของเจ้ามรดกมิได้ร่วมเป็นโจทก์ฟ้องขอส่วนแบ่งมรดกมาด้วย จึงไม่ชอบที่ศาลจะพิพากษาให้ได้รับส่วนแบ่ง ควรวินิจฉัยแต่เพียงว่าโจทก์ทั้งสามได้รับส่วนแบ่งในอัตราส่วนเท่าไรเพื่อสะดวกแก่การบังคับคดีต่อไปเท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 273/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งมรดก: ทายาทที่ไม่ได้ร่วมฟ้อง ไม่ควรได้รับส่วนแบ่ง ศาลต้องพิจารณาเฉพาะผู้ฟ้อง
ภริยาของเจ้ามรดกมิได้ร่วมเป็นโจทก์ฟ้องขอส่วนแบ่งมรดกมาด้วย จึงไม่ชอบที่ศาลจะพิพากษาให้ได้รับส่วนแบ่ง ควรวินิจฉัยแต่เพียงว่าโจทก์ทั้งสามได้รับส่วนแบ่งในอัตราส่วนเท่าไรเพื่อสะดวกแก่การบังคับคดีต่อไปเท่านั้น.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2591/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความสัญญาขายลดเช็ค: 10 ปี ไม่ใช่ 1 ปี เมื่อมิใช่การฟ้องตั๋วเงิน
การเรียกร้องให้ผู้ขายลดเช็คชำระหนี้ตามสัญญาขายลดเช็คมีอายุความฟ้องร้อง 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 164 กรณีมิใช่ผู้ทรงตั๋วเงินฟ้องผู้สลักหลังหรือผู้สั่งจ่าย อันมีอายุความ 1 ปี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2591/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกร้องค่าขายลดเช็ค: 10 ปี มิใช่อายุความตั๋วเงิน 1 ปี
การเรียกร้องให้ผู้ขายลดเช็คชำระหนี้ตามสัญญาขายลดเช็คมีอายุความฟ้องร้อง 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 164 กรณีมิใช่ผู้ทรงตั๋วเงินฟ้องผู้สลักหลังหรือผู้สั่งจ่าย อันมีอายุความ 1 ปี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2316/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความเริ่มนับเมื่อพ้นกำหนดชำระหนี้ที่ตกลงกัน อายุความไม่ขาดเมื่อฟ้องภายในกำหนด
ในการซื้อขายสินค้าระหว่างโจทก์กับจำเลย โจทก์ยอมให้จำเลยชำระราคาสินค้าภายในกำหนด 60 วัน นับแต่วันที่จำเลยได้รับสินค้าดังนั้นในช่วงระยะเวลาดังกล่าวสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระราคายังไม่อาจบังคับได้ อายุความจึงต้องเริ่มนับเมื่อพ้นกำหนด 60 วันไปแล้ว
of 100